คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 389 ความวุ่นวายของทั้งสามเผ่า
ราชันเหวินหยุดเคาะนิ้ว เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “จินเฟยเหยาคือจินเจี่ยว จินเจี่ยวคือจินเฟยเหยา ทั้งสองคนคือคนเดียวกัน”
จินเฟยเหยาวางตะเกียบมองเขาแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ราชันเหวินมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ว่าเป็นใคร คนของท่านก็ทำเรื่องไร้คุณธรรม จะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าเผ่าปิศาจทุกคนจริงๆ?”
“เจ้านึกว่าเล่นลูกไม้ในน้ำทะเลแล้วจะไม่มีคนรู้หรือ? เรื่องนี้พวกเจ้าเป็นคนทำตั้งแต่ต้นจนจบ เชี่ยจื่อตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม” ราชันเหวินเล่นจอกสุราในมือพลางเอ่ยช้าๆ
จินเฟยเหยาเลิกหนังตา คิดไม่ถึงว่าพวกนางจากไปอย่างรวดเร็ว คนผู้นี้ยังพบว่าในน้ำทะเลถูกเล่นลูกไม้ได้ แต่นางก็ไม่ใช่ชนชั้นกินเจ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ราชันเหวินมีหลักฐาน?”
“ไม่มี” ราชันเหวินเงยหน้าขึ้นเอ่ยยิ้มๆ
“ถ้าไม่มีหลักฐานถึงหาคนชื่อจินเจี่ยวพบข้าก็คงยืนอยู่ฝ่ายราชันเหวินไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้ให้ถือเสียว่าไม่ได้เกิดขึ้นดีกว่า ถ้าพูดออกไปคนที่ขายหน้าก็คือคนของตนเอง” ไม่มีหลักฐานยังกร่างขนาดนี้ จินเฟยเหยาเลิกคิ้วเอ่ยวาจา
มีความกล้าไม่เบา ราชันเหวินกำลังจะอ้าปากตวาด พลันมีเผ่าปิศาจขั้นสร้างฐานคนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างแตกตื่นลนลานจากตรงประตู สองมือประคองป้ายหยกที่มีแสงวิญญาณกระพริบวาบ เขาวิ่งตรงมาหาราชันเหวินและส่งมอบป้ายหยกในมือให้
จินเฟยเหยาจ้องมองป้ายหยกที่มีปราณวิญญาณอันคุ้นเคยซึ่งใช้สำหรับจดบันทึกเรื่องราว จากนั้นใช้ส่งข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะอย่างสงสัย สถานที่ซึ่งอยู่ห่างไกลมากจนยันต์ถ่ายทอดเสียงส่งมาไม่ถึงปกติล้วนใช้สิ่งนี้ส่งข่าว แน่นอนว่าถ้ามีซื่อเต้าจิงคงไม่ต้องมีสิ่งนี้ อ่านซื่อเต้าจิงโดยตรงก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ราชันเหวินอ่านป้ายหยก สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยาก
หรือว่าสตรีหนีไปกับด้วงกินอุจจาระ? จินเฟยเหยาคิดอย่างใจร้าย ดูจากภายนอก ร่างของด้วงกินอุจจาระตัวใหญ่กว่ายุง สีสันก็สดใสกว่า ยุงตัวเมียหนีไปกับด้วงกินอุจจาระก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
“เพี๊ยะ!” ราชันเหวินกระแทกป้ายหยกลงบนโต๊ะทำให้ทุกคนหวาดกลัว ราชันพิภพเห็นบรรยากาศไม่ถูกต้อง จึงรีบไล่ปิศาจแมวทั้งหมดออกไป งานเลี้ยงอันครึกครื้นเงียบลง สายตาของทุกคนมองไปที่ราชันเหวิน ไม่รู้ว่าเขามีโทสะเรื่องอะไร
“ราชันเหวิน เรื่องใดทำให้ท่านเดือดดาลปานนี้?” ราชันพิภพเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง นี่เชิญเขามาสนุกนะ เรื่องบนป้ายหยกทำให้เขามีโทสะ ถ้าทำให้เขาแค้นตนเองไปด้วย คงขโมยไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวสารไปกำมือ
ราชันเหวินมองจินเฟยเหยาแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาตกลงบนร่างของหวาหวั่นซี “เผ่าปิศาจด้านหน้ามารายงานว่า โลกวิญญาณที่ถูกปิดกั้นพลันปรากฏเส้นทางขึ้น พอเผ่ามนุษย์และเผ่ามารด้านในออกมาก็โจมตีโลกวิญญาณมี่จือที่อยู่ใกล้ที่สุด ที่นี่คือดินแดนของเผ่าปิศาจ อีกทั้งเผ่ามนุษย์และเผ่ามารของโลกวิญญาณอื่นก็ฉวยโอกาสเข้ามา เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน โลกวิญญาณมี่จือทั้งหมดก็ถูกเผ่ามนุษย์และเผ่ามารยึดครอง”
หืม? จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้น ที่พูดถึงหรือว่าเป็นพวกโลกวิญญาณเป่ยเฉิน! เจ้าพวกนั้น ไปถึงที่ใดก็ทนเงียบเหงาไม่ไหว เพิ่งทะลวงเส้นทางก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“จะทำเช่นไรดี โลกวิญญาณมี่จือเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้กับเผ่าคุนที่สุด” ราชันพิภพตกตะลึง เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ ระหว่างทั้งสามเผ่าอยู่อย่างสมดุลมานาน ถึงจะมีความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ไม่ขาดสาย ทว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่ปรากฏขึ้น ตอนนี้มีคนทำลายความสมดุล ไม่เป็นผลดีต่อเผ่าปิศาจอย่างยิ่ง
“อีกทั้งตอนนั้นทางนั้นปรากฏเผ่ามนุษย์และเผ่ามารสองเผ่าร่วมมือกับทางฝั่งนี้แล้ว เผ่าปิศาจต้องเผชิญกับศัตรูสองด้าน ตอนนี้เผ่ามนุษย์ เผ่ามาร และเผ่าปิศาจไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าได้” ดวงตาของราชันเหวินจ้องมองหวาหวั่นซีแน่วนิ่ง โทสะที่คนในเผ่าถูกสังหาร ดินแดนถูกยึดครอง ทำให้เขาจับจ้องหวาหวั่นซีซึ่งเป็นเผ่ามนุษย์คนเดียวในที่นั้น
จินเฟยเหยาเห็นสายตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้นพลันมีปฏิกิริยา ถึงหวาหวั่นซีเป็นหุ่นเชิด ทว่าผู้อื่นเห็นนางเป็นเผ่ามนุษย์ ดังนั้นนางจึงยืนขึ้นเอ่ยว่า “ในเมื่อราชันเหวินมีเรื่องสำคัญ ท่าทางงานเลี้ยงจะสิ้นสุดแล้ว พวกเราคงไม่รบกวนต่อ ขออำลาก่อน” เอ่ยจบนางก็ส่งสายตาให้หวาหวั่นซี คิดจะพานางกับพั่งจื่อจากไป
ทว่าราชันเหวินยืนขึ้นลอยห่างจากพื้นมาขวางเบื้องหน้านางไว้ “เจ้าไปได้ แต่เผ่ามนุษย์คนนี้ต้องรั้งอยู่”
“อาศัยอะไร?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
“อาศัยที่นางเป็นเผ่ามนุษย์ เป็นศัตรูกับเผ่าปิศาจเรา นางสังหารคนในเผ่าข้า ตอนนี้เผ่ามารและเผ่ามนุษย์ทั้งสองเผ่าเกิดการสู้รบกับพวกเราแล้ว เจ้ามีฐานะเป็นเผ่าปิศาจ หรือว่าจะปกป้องเผ่ามนุษย์คนนี้!” ราชันเหวินมีท่าทางยืนกราน พูดจากดดันโดยไม่ยอมถอยให้เลยสักนิด
จินเฟยเหยาเอ่ยเสียงเย็นชาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นางเป็นคนของข้า ข้าไม่สนใจว่านางจะเป็นเผ่าใด ขอเพียงเป็นคนของข้า ข้าก็จะไม่ให้ท่านแตะต้องแม้แต่น้อย”
“เผ่ามนุษย์ก็คือเผ่ามนุษย์ ถ้าวันนี้เจ้าไม่ทิ้งนางไว้ อย่าหมายจะเหยียบออกจากที่นี่ได้แม้ครึ่งก้าว” ราชันเหวินกวักมือ คนเผ่าเขาล้อมไว้หมดทันที มีเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่สิบกว่าคนเต็มๆ
“ท่าทางท่านคงวางแผนการเช่นนี้แต่แรก ป้ายหยกเป็นแค่ข้ออ้างเอ่ยวาจาเท่านั้น ถ้าเพื่อความเห็นแก่ตัวก็บอกมาตรงๆ ยังพูดว่าเผ่ามนุษย์เผ่าปิศาจอะไร ที่นี่คือเมืองไป่เหอ ท่านคิดจะลงมือที่นี่ไม่กลัวการป้องกันของวงเวทใหญ่หรือ!” จินเฟยเหยาถลึงตาใส่ เตือนเขาว่าที่นี่อยู่ในอาณาเขตเมืองไป่เหอ วงเวทใหญ่ของมังกรปิศาจไม่ได้มีไว้พูดเล่นๆ นะ
“ฮ่าๆๆๆ!” ได้ยินคำพูดของนาง ราชันเหวินก็หัวเราะ “หรือเจ้าไม่รู้ว่าเกาะอันห่างไกลไม่ได้อยู่ในวงเวทใหญ่ของเมืองไป่เหอ ลงมือสังหารคนที่นี่ก็ไม่ถูกลงทัณฑ์”
จินเฟยเหยาตะลึงงัน นางไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ถ้ารู้นางคงไม่มาที่นี่ คำนวณพลาดไป เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วพูดเรื่องพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ นางปลดปล่อยปราณปิศาจของเทาเที่ยออกมาในพริบตา จากนั้นถามด้วยเสียงเดือดดาล “ข้าจะไม่มอบคนออกไป ถ้าเจ้าคิดจะลงมือ ข้าก็จะน้อมสนองจนถึงที่สุด!”
“เจ้าถึงกับทรยศเผ่าปิศาจ!” ราชันเหวินตวาดอย่างเดือดดาล บนร่างมีปราณปิศาจสีแดงทะลักออกมา ที่นี่สถานการณ์ตึงเครียดพร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อทันที
แต่นี่เป็นบ้านของตนเอง ราชันเผ่าพิภพร้อนใจ ถ้าสู้กันขึ้นมาเด็กและคนชราของตนเองจะไม่มีสถานที่อยู่อาศัย! เขาจึงเสี่ยงชีวิตรีบวิ่งไปตรงกลางเพื่อโน้มน้าว “ทั้งสองท่านโปรดระงับโทสะ อย่าทำลายมิตรภาพเพื่อเผ่ามนุษย์เพียงคนเดียวเลย ทุกคนต่างเป็นเผ่าเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องตึงเครียดขนาดนี้”
หวาหวั่นซีที่ไม่ส่งเสียงมาตลอด ยามนี้พลันถ่ายทอดเสียงมาหาจินเฟยเหยา “ทำไมเจ้าไม่บอกพวกเขาว่าข้าเป็นแค่หุ่นเชิด ถ้าพวกเขาไม่เชื่อก็เปลือยกายให้พวกเขาดูได้”
“เจ้าหุบปาก!” จินเฟยเหยาตวาดอย่างเดือดดาล
ครั้งนี้นางไม่ได้ถ่ายทอดเสียงทำเอาราชันพิภพตกใจ “อย่าพลุ่งพล่าน ข้าไม่พูดแล้ว แต่ทั้งสองท่านไปสู้กันข้างนอกได้หรือไม่ ที่นี่มีเด็กและคนชราอยู่มากมาย อย่าพลั้งมือสังหารผิด”
“ถอยไป!” ราชันเหวินใช้มือผลักในความว่างเปล่า ราชันพิภพลอยออกไปราวกับว่าวสายป่านขาดและกระแทกทะลุกำแพงปะการัง
พละกำลังของราชันเหวินมหาศาลอย่างยิ่ง!
จินเฟยเหยาถอยหลังมาก้าวหนึ่ง เห็นราชันเหวินพลิกมือ เบื้องหน้าพลันปรากฏเข็มสีดำเป็นประกายที่แผ่ปราณปิศาจออกมาแถบหนึ่ง ขนาดของเข็มเหล่านี้แตกต่างกัน อันใหญ่ขนาดยาวเท่านิ้วมือ ส่วนอันเล็กละเอียดราวกับเส้นขน มีนับพันเล่ม
“แค่ขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลาง ใช้เข็มปิศาจก็สามารถจัดการเจ้าได้” ราชันเหวินเอ่ยอย่างดูแคลน
“พวกเจ้าหลบไป!” ความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากเกินไป จินเฟยเหยาตวาด ปราณปิศาจในตัวพวยพุ่งออกมาทันที พอหวาหวั่นซีและพั่งจื่อเห็นก็รีบหลบไปด้านข้าง
ได้ยินเสียงเปรี๊ยะๆ บ้านปะการังของราชันเผ่าพิภพถูกจินเฟยเหยาดันออกมา จินเฟยเหยากลายร่างเป็นเทาเที่ยเทินเศษปะการังไว้บนร่าง จากนั้นร้องคำราม คลื่นการโจมตีขนาดยักษ์ทำให้ต้นไม้ใหญ่ในเรือนถอนขึ้นมาทั้งต้นพุ่งออกนอกวงเวทและร่วงลงในทะเล เผ่าปิศาจจำนวนมากในเรือนก็ถูกกวาดลงในทะเล
“อา! บ้านของข้า!” ราชันเผ่าพิภพถูกลูกน้องลากออกมาจากในเศษหิน พอเห็นสภาพรอบด้านก็ตะโกนลั่นอย่างเดือดดาลทันที
ราชันเหวินมองจินเฟยเหยาที่สูงสามสิบสี่สิบจั้งแทบจะแนบติดม่านแสงวงเวทก็ตะลึงงัน ในดวงตามีความยินดีอย่างบ้าคลั่งทันที “น่าสนใจ สาวพรหมจรรย์เผ่าเทพเทาเที่ย ดื่มเลือดของเจ้าแล้วข้าน่าจะบรรลุขั้นว่างเปล่าได้!”
สัตว์ปิศาจที่ผ่านเคราะห์สายฟ้าเป็นสัตว์ขั้นเทพ ก็เหมือนกับขั้นแปลงจิตของเผ่ามนุษย์และเผ่ามาร เพียงแต่เรียกต่างกัน แต่ขอเพียงเข้าสู่ขั้นว่างเปล่าการเรียกก็จะเหมือนกัน ส่วนราชันเหวินนอกจากกินหญ้าวิญญาณ ยา และใช้ศิลาวิญญาณแล้วก็มีวิธีเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรมากกว่าคนอื่นๆ อย่างหนึ่ง นั่นคือดูดเลือด
ใช้พลังบำเพ็ญเพียรสูงให้เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นโลหิตสาวพรหมจรรย์ที่มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงก็ยิ่งบำรุงมากขึ้น โลหิตของสาวพรหมจรรย์เผ่าเทพเทาเที่ยคือสิ่งบำรุงขั้นสุดยอด ก่อนหน้านี้เขายังผิดหวังอยู่บ้าง ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีหนึ่งมนุษย์หนึ่งปิศาจนี้ เหตุใดดูแล้วเป็นสาวพรหมจรรย์เผ่าปิศาจชัดๆ หน้าตากลับงดงามสู้เผ่ามนุษย์ไม่ได้ ถึงอย่างไรงดงามหน่อยก็ยิ่งเจริญหูเจริญตา ดื่มเลือดแล้วอารมณ์จะยิ่งดีขึ้น
ทว่าตอนนี้หน้าตาไม่มีความหมายแล้ว หลังจากกลายร่างเป็นเทาเที่ยก็มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นแปลงจิตช่วงกลาง ก้าวกระโดดไปหนึ่งขั้นใหญ่เต็มๆ อาศัยแค่เข็มปิศาจคงจัดการนางไม่ได้ ราชันเหวินยื่นมือซ้ายมาตะปบมือขวาตนเอง บนแขนปรากฏบาดแผลมีรอยโลหิตสายหนึ่งทันที จากนั้นเห็นโลหิตสดลอยออกมาและกลายเป็นหนามแหลมโค้งวงเดือนยาวหนึ่งจั้งกว่า
พอหนามดูดเดือดปรากฏ ทั่วทั้งเกาะอันห่างไกลก็ปรากฏกลิ่นคาวโลหิตพุ่งเข้ามาปะทะจมูกทันที เขาเหินร่างขึ้น หนามโลหิตกลายเป็นสีเลือดสายหนึ่งพุ่งเข้าปักลำคอของจินเฟยเหยา พอลงมือก็โจมตีจุดสำคัญให้เลือดออกทันที!
จินเฟยเหยาหมุนตัวยกกรงเล็บขึ้นตบไป เสียงดังฟุ่บ หนามดูดเลือดถูกนางตบลอยไป ทว่าก็ปักฝ่ามือของนางอย่างแรง เข็มปิศาจนับพันเล่มขยายใหญ่ในพริบตา อันที่ยาวที่สุดยาวเท่าตัวคน พุ่งตรงเข้าหานาง
ส่วนหนามโลหิตในเวลานี้บินกลับไปข้างกายราชันเหวิน ปลายหนามติดโลหิตสดนิดหน่อย ราชันเหวินเลียโลหิตบนนั้นนิดหนึ่ง ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันที ร้องตะโกนอย่างแทบจะคลุ้มคลั่ง “โลหิตทั้งหมดในร่างนางเป็นของข้า!”
“ไปตายเสีย!” ได้ยินเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งของเขาและเห็นเข็มปิศาจนับพันเล่มพุ่งมาปักตนเอง จินเฟยเหยาก็คำรามอย่างมีโทสะ ชุดอีกาหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับสีขนและม้วนขึ้นเป็นเปลวเพลิงสีชาด กลายเป็นเกราะอัคคีสวมอยู่บนร่างนาง เข็มปิศาจปักลงบนเกราะอัคคีดังเพี๊ยะพะจนเกือบจะปักทะลุเข้ามาในเนื้อหนัง
จินเฟยเหยายกกรงเล็บขึ้นตบพื้นดิน เปลวเพลิงสีดำปรากฏขึ้นในเปลวเพลิงสีชาดกวาดม้วนเข็มปิศาจนับพันเล่มไว้ พอเปลวเพลิงสีดำล่าถอยไป เข็มปิศาจทั้งหมดก็ถูกแช่แข็งไว้ในผลึกนรกสีดำ
จากนั้นพอนางสะบัด ผลึกนรกทั้งหมดก็ปริแตก เข็มปิศาจก็หักเป็นท่อนๆ ตามผลึกนรก หลังจากร่วงลงบนพื้น ผลึกนรกก็กลายเป็นเพลิงสีดำในพริบตา เผาไหม้เข็มปิศาจทั้งหมดจนกลายเป็นความว่างเปล่า!
…………………………………..