คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 390 ทำลาย
“เคล็ดวิชาเผ่ามาร!” ราชันเหวินมองเปลวเพลิงสีดำท่วมฟ้าอย่างตกตะลึง ดูเหมือนปราณมารแต่กลับไม่ใช่ปราณมาร อีกทั้งในปราณปิศาจยังมีปราณวิญญาณของเผ่ามนุษย์ปะปนอยู่ด้วย เรื่องนี ทำให้เขาไม่เข้าใจ เหตุใดจึงมีคนเช่นนี้ ที่แท้เป็นคนเผ่าใดกันแน่!
ส่วนจินเฟยเหยาไม่ได้ให้คำตอบแก่เขา ชูกรงเล็บขึ้นฟาดตบ ราชันเหวินส่งเสียงหึ่งๆ เคลื่อนย้ายมาตรงนั้นในพริบตา เศษหินลอยกระเด็น ทั่วทั้งเกาะสั่นสะเทือน บ้านของราชันเผ่าพิภพ พังทลายเป็นเศษซาก แม้แต่บ้านของจินเฟยเหยาก็ถูกตบจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้การโจมตีของนางเอง
ไม่มีความคิดจะออมแรงเลยสักนิด จินเฟยเหยากวาดไปทั่วทั้งเกาะ พลางสั่งให้หวาหวั่นซีกับพั่งจื่อรีบเข้าไปในเมืองไป่เหอ
ถ้ามีเพียงราชันเหวินคนเดียวหรือพาลูกน้องมาแค่สองสามคนก็ไม่มีปัญหาเลยสักนิด ทว่าเวลานี้ราชันเหวินพาลูกน้องมาสิบกว่าคน ตนเองจัดการราชันเหวินได้เพียงคนเดียว ส่วนการก่อกวน นของเผ่าปิศาจเหล่านั้นส่งผลกระทบถึงความเคลื่อนไหวของพวกเขา หวาหวั่นซีและพั่งจื่อต้องจัดการกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่สิบกว่าคน พวกเขาไม่มีทางชนะเลย
ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดคือรีบเข้าเมืองไป่เหอ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เผ่ามารและเผ่ามนุษย์สองเผ่าร่วมมือกันจัดการเผ่าปิศาจ ไม่รู้ว่าต่อไปเมืองไป่เหอแห่งนี้จะเปลี่ยน นไปเป็นเช่นไร!
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องนี้ ราชันเหวินโยนหนามดูดเลือดขึ้นกลางอากาศ บาดแผลในมือมีโลหิตพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนโลหิตสดเหล่านั้นยิ่งมากขึ้นทุกที สุดท้ายกลายเป็นสั ตว์โลหิตขนาดเดียวกับจินเฟยเหยา
ปล่อยโลหิตออกมาก็ไม่เสียเลือดมากเกินไปจนตาย ที่แท้มีโลหิตในตัวมากเพียงใด เห็นราชันเหวินเหาะอยู่เหนือสัตว์โลหิต สีหน้ายิ่งซีดขาวจิตใจกลับยิ่งตื่นเต้น จินเฟยเหยาอดสาปแช่ งไม่ได้
นางทำให้ทั่วร่างกลายเป็นไฟนรกและพุ่งเข้าใส่สัตว์โลหิต สัตว์สองตัวปะทะกันอย่างรุนแรง ร่างของสัตว์โลหิตมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ดูแล้วเป็นน้ำโลหิตที่ไม่มีความแข็งแกร่งของเพ พียงประชิดตัวจินเฟยเหยาก็จะเปลี่ยนเป็นแหลมคมอย่างน่าประหลาด ส่วนไฟนรกของจินเฟยเหยาก็เผาไหม้โลหิตเหล่านั้นจนแห้งทีละนิดทำให้ความแข็งแกร่งของราชันเหวินลดลง
ราชันเหวินคิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะจัดการยากขนาดนี้ ใช้โลหิตหกสิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งร่างเปลี่ยนเป็นสัตว์โลหิตยังสยบเทาเที่ยตัวนี้ไม่ได้ สมเป็นสัตว์ร้ายอันเลื่องชื่อ สายตาข ของเขามองพั่งจื่อและหวาหวั่นซีที่กำลังต่อสู้อย่างยากลำบากแวบหนึ่งก็ตวาดเสียงเข้ม “ถ้าเจ้าไม่หยุดมือ ข้าจะให้คนสังหารเผ่ามนุษย์คนนั้นและสัตว์ภูติของเจ้าก่อน”
“ถ้าสังหารได้เจ้าก็ลองดู” จินเฟยเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา ใช้หางสะบัดใส่ราชันเหวินบนหลังสัตว์โลหิต ราชันเหวินเกือบหลบไม่ทัน หลังจากหลบพ้น เขาก็ปล่อยโลหิตออกมาอีกส่วนหนึ่ง ร่างสัตว์โลหิตมีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้โลหิตของเขาไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
หวาหวั่นซีและพั่งจื่อเฝ้าอยู่ในพื้นที่หนึ่ง พั่งจื่อขับน้ำพิษบนร่างออกมาโยนใส่เผ่าปิศาจที่โอบล้อมพวกเขาอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากโยนออกไปแล้ว พื้นที่ใต้เท้าเกือบห้าสิบก้าว ก็ปูด้วยน้ำพิษ มันร่วมมือกับหวาหวั่นซีนำน้ำเต้ามอมเมาจิตออกมา แสงสีเขียวในนั้นสาดส่องออกมาไม่หยุด ขอเพียงมีผู้บำเพ็ญเซียนเข้าใกล้มันก็จะใช้แสงสีเขียวส่องพวกเขา
ขอเพียงมีคนถูกแสงสีเขียวส่องโดน ขณะที่ความเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงหวาหวั่นซีก็จะใช้เล็บทั้งสิบที่ร่ายรำเต็มท้องฟ้าไปหั่นพวกเขา นางไม่ได้ใช้เวทมนตร์ที่มีรูปแบบซับซ้อน ทว่าตีสี หน้าเย็นชาสะบัดมือทั้งคู่ ปล่อยให้เล็บทั้งสิบกวาดม้วนราวกับลมงวงช้าง ใช้การตั้งรับจู่โจม ฉวยโอกาสที่จินเฟยเหยาฟาดปะการังลอยไปลงมือโจมตีขณะที่ทั่วทั้งท้องนภาเต็มไปด้วยเศษห หินที่ส่งผลกระทบต่อเผ่าปิศาจ
เห็นยังไม่รู้แพ้ชนะกับสัตว์โลหิตของราชันเหวิน อีกทั้งยังรู้สึกได้รางๆ ว่าเขายังยั้งมือไว้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงไม่ลงมืออย่างสุดกำลัง อาจจะคิดว่าใช้ความแข็งแกร่งแค ค่เล็กน้อยก็สยบนางได้ ทว่าเรื่องนี้กลับมอบโอกาสให้จินเฟยเหยา บนร่างนางมีฟองสีดำผุดขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน ใช้ออกด้วยฟองแสงนรกที่ไม่ได้ใช้มานาน
ฟองแสงนรกกลายเป็นวงเวทป้องกันโอบล้อมนางไว้ เวลานี้เนื่องจากเกาะอันห่างไกลถูกพวกเขาต่อสู้จนแตกเป็นเสี่ยงๆ วงเวทขาดหายไปแล้ว สถานที่จำนวนมากเริ่มมีน้ำทะเลรั่วเข้ามา น้ำทะเล ร่วงลงมาราวกับน้ำตกและเริ่มท่วมเกาะ เส้นทางโปร่งใสไปเมืองไป่เหอสายนั้นพอมีน้ำก็ถูกวงเวทใหญ่ของเมืองไป่เหอตัดขาดโดยอัตโนมัติ
มีฟองแสงนรกเป็นวงเวทป้องกัน จินเฟยเหยาเรียกทงเทียนหรูอี้ออกมาเปลี่ยนให้กลายเป็นแส้ยาวสองเส้นฟาดสัตว์โลหิตบีบให้มันเข้ามาใกล้ด้านหน้าไม่ได้ จากนั้นพลังวิญญาณที่เหลือขอ องนางก็ทะลักออกมาทั้งหมด ตะโกนในใจเงียบๆ ว่า “ทะเลเพลิงนรก!”
ผืนสีดำแผ่ขยายออกมาจากใต้เท้าของนาง พริบตาก็ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะ ทุกคนตกอยู่ในความมืดมิด ในนั้นยังรวมราชวงศ์เผ่าพิภพและเผ่าปิศาจที่หลบหนีไม่ทัน แม้แต่หวาหวั่นซีและพั่ง งจื่อก็ตกอยู่ในความมืดมิด คิดจะถอนตัวจากไป ใต้เท้ากลับเหมือนจมลงในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด ขยับไม่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว
ส่วนพลังวิญญาณของจินเฟยเหยาทะลักออกไปราวกับสายน้ำ พลังวิญญาณที่ทะเลเพลิงนรกใช้มีปริมาณมหาศาลเกินไป นางรู้สึกขาอ่อนแรง เปลี่ยนร่างเป็นเทาเที่ยและใช้เวทมนตร์ระดับสูงในเวลาเด ดียวกัน ทำให้พลังวิญญาณของนางไม่พอ
ราชันเหวินก็รู้สึกว่าร่างของสัตว์โลหิตชะงัก ใต้เท้ามีแรงดูดอันหนักหน่วงตรึงพวกเขาไว้ในความมืดมิด เดิมทีเขาลอยอยู่กลางอากาศมาตลอด เวลานี้ร่วงลงบนพื้นทันที ต้องปลดปล่อยป ปราณปิศาจออกมาอย่างเต็มที่จึงสามารถยกเท้าก้าวเดินได้ช้าๆ
สมเป็นคนขั้นเทพ ความแข็งแกร่งแตกต่างกันจริงๆ จินเฟยเหยาเห็นราชันเหวินยังขยับได้ นางจึงถ่ายเทพลังวิญญาณเฮือกสุดท้ายลงไป ในความมืดมิดเริ่มมีมือสีดำยื่นออกมาข้างนอก ขอเพี ยงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในความมืดมิดล้วนถูกมือสีดำฉุดลาก
เท้าของราชันเหวินก็ถูกมือสีดำลาก เขาพลันสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกได้ว่าเน่ยตานหยวนอิงกำลังถูกแรงขุมหนึ่งลากออกมาข้างนอก เขารีบใช้พลังปิศาจผูกมัดเน่ยตานหยวนอิงของตนเอ องไว้ จากนั้นฝืนเค้นโลหิตของตนเองออกมาสองส่วน ทำให้สัตว์โลหิตกลายร่างเป็นมนุษย์มือถือหนามแหลมโค้งวงเดือนขนาดยักษ์
เขายกเท้าก้าวเดินไปหาจินเฟยเหยาอย่างช้าๆ สีหน้าของราชันเหวินซีดขาวถึงขีดสุด เหงื่อเต็มศีรษะสั่งให้สัตว์โลหิตร่างมนุษย์เดินไป ส่วนจินเฟยเหยาก็เหงื่อท่วมศีรษะเช่นเดียวกัน น คนในความมืดมิดมีมากมายเกินไป นอกจากพั่งจื่อและหวาหวั่นซี คนอื่นๆ ล้วนถูกมือสีดำยื่นเข้าไปในร่างกายและลากเน่ยตานหยวนอิงของพวกเขาออกมาข้างนอกอย่างแรง
“นี่คือสิ่งใด! หยวนอิงของข้าถูกลากออกไปแล้ว”
“ช่วยด้วย ข้ายังไม่อยากตาย”
“อ๊า!”
ทุกคนที่ถูกทะเลเพลิงนรกกักขังไว้เริ่มแตกตื่นลนลาน โดยเฉพาะคนเผ่าพิภพ พวกเขาล้วนประสบภัยโดยบังเอิญ เห็นว่าหนีจากในความมืดมิดผืนนี้ไม่รอด อีกทั้งเน่ยตานหยวนอิงก็ใกล้จะถ ถูกลากออกจากร่างกาย ถ้าสูญเสียสิ่งนี้ไปก็ต้องตายทันทีจึงอดร้องตะโกนเสียงหลงไม่ได้
แลเห็นว่าความเคลื่อนไหวของสัตว์โลหิตร่างมนุษย์เชื่องช้าเกินไป ราชันเหวินจึงปลดปล่อยปราณปิศาจที่ควบคุมเน่ยตานหยวนอิง ถ่ายเทพลังปิศาจทั้งหมดลงในสัตว์โลหิตร่างมนุษย์อย่างกะทั นหัน “หมื่นโลหิตรวมเป็นหนึ่ง!” สัตว์โลหิตร่างมนุษย์กลายเป็นดาบโลหิตทีละเล่มทันที มีนับหมื่นเล่ม โจมตีออกไปราวกับเทพธิดาโปรยดอกไม้โดยไม่สนใจเผ่าปิศาจรอบด้าน
“ราชันเหวิน!” ลูกน้องของราชันเหวินรู้จักกระบวนท่านี้อย่างกระจ่างแจ้ง อานุภาพของดาบโลหิตแต่ละเล่มเพียงพอจะทำลายชีวิตครึ่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ได้ ตอนนี้คนท ที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่คงหลบไม่พ้นดาบโลหิตหมื่นเล่มนั้น
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย บนท้องนภาพลันมีอานุภาพกดดันอันแข็งแกร่งลงมา ดาบโลหิตหมื่นเล่มถูกโจมตีจนกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา ส่วนทะเลเพลิงนรกของจินเฟยเหยาก็ถูกพลังขุ มนี้ทำให้กระจายไป ทรวงอกรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง พริบตาก็พ่นโลหิตสดออกมาคำหนึ่ง หลังโลหิตสดคำนี้ ความมืดมิดบนพื้นล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว ราชันเหวินและจินเฟยเหยาถูกพลัง กระแทกมากระทบพื้นทันที
จินเฟยเหยาสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก ร่างเทาเที่ยจึงล่าถอยไป หวาหวั่นซีและพั่งจื่อรีบพุ่งปราดมาพยุงนางไว้และคิดจะหลบหนี สิ่งที่ตามมาคืออานุภาพกดดันอีกครั้ง เกาะอันห่างไกลที่ ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งโดนอานุภาพกดดันโจมตีจนกลายเป็นเศษหิน วงเวทถูกทำลายเสียหาย ม่านแสงหายไปหมด ทุกคนถูกกวาดลงทะเล
ความขัดแย้งครั้งนี้ถูกอานุภาพกดดันสองครั้งคลี่คลายไปเช่นนี้ พวกจินเฟยเหยาที่ถูกม้วนลงทะเลเพิ่งคิดจะหนี กลับเจอแรงดูดขุมหนึ่ง ทำให้พุ่งไปทางเมืองไป่เหอตามแรงดูดอย่างรวด ดเร็ว จินเฟยเหยาโล่งอก ไม่ว่าอย่างไรไปถึงในเมืองไป่เหอก็มีวงเวทใหญ่ของมังกรเทพคุ้มครอง ปลอดภัยชั่วคราวแล้ว
เผ่าปิศาจยืนอยู่ในเมืองไป่เหอก็สามารถมองเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะอันห่างไกลได้อย่างชัดเจน แทบทุกคนต่างรู้ดี เกาะอันห่างไกลสิบสามเกาะของเผ่าปิศาจเปลี่ยนเป็นสิบสองเกาะ ส่วนต้องสร้างเกาะอันห่างไกลอีกหนึ่งเกาะ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบปีถ้าไม่นับรวมวัตถุดิบ ครั้งนี้เผ่าปิศาจสูญเสียมหาศาล
ทางตะวันออกของเมืองไป่เหอมีบ้านปะการังสามชั้นที่ไม่สะดุดตาหลังหนึ่ง อย่าเห็นว่าที่นี่ไม่สะดุดตา แต่กลับเป็นสถานที่อยู่ของเผ่าปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองไป่เหอ ส่วนเกาะ อันห่างไกลสิบสามเกาะของหอไห่เฉวียนล้วนเป็นสิ่งที่เผ่าของเขาครอบครอง ขนาดเผ่ามนุษย์และเผ่ามารในเมืองไป่เหอแต่ละเผ่ายังครอบครองเกาะอันห่างไกลเพียงหกเจ็ดเกาะเท่านั้น ถึ งอย่างไรที่นี่คือดินแดนของเผ่าปิศาจทะเล ถ้าไม่ใช่เนื่องจากวงเวทใหญ่ของมังกรเทพและคำสั่งเสีย เผ่ามนุษย์และเผ่ามารทั้งสองเผ่าก็ดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ไม่ได้
ในห้องโถงชั้นหนึ่งของบ้านปะการังแห่งนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังร้องห่มร้องไห้พอดีเป็นสตรีในราชวงศ์เผ่าพิภพ
จินเฟยเหยาและราชันเหวินนั่งคุกเข่าเรียงกันอยู่บนพื้นอยู่ด้านหน้าสุด คนทั้งสองต่างกระเซอะกระเซิงไปทั้งตัว สีหน้าปั้นยากอย่างยิ่ง ด้านหลังพวกเขาสองคนเป็นเผ่าพิภพที่กำลังร ร่ำไห้ไม่หยุด พวกที่ก้มหน้าไม่เอ่ยวาจาคือผู้บำเพ็ญเซียนปิศาจเผ่าคุนซึ่งเป็นลูกน้องของราชันเหวิน ส่วนหวาหวั่นซีและพั่งจื่อนั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตามองไปยังคนเผ่าปิศาจที่กำล ลังนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางห้องโถงเป็นบางครั้ง
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้าก่อเรื่องในพื้นที่ของข้า ราชันเหวิน เจ้าเป็นคนที่รู้จักกฎเกณฑ์ดี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!” เผ่าปิศาจที่นั่งบนเก้าอี้เอ่ยถามอย่างมีโทสะ
นี่คือเผ่าปิศาจทะเลขั้นว่างเปล่าช่วงปลายผู้หนึ่ง ถึงดูอายุมากแล้ว แม้ไม่เดือดดาลแต่กลับมีท่าทางน่าเกรงขามชวนให้คนรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น เขาพิงบนเก้าอี้ มองดูกลุ่มคนที่ทำ ำลายเกาะของเขา สายตาราวกับจะกินคนมองบนร่างของพวกเขาทีละคน
“ราชันสุ่ยจวิน เรื่องนี้เนื่องจาก...” ความแข็งแกร่งของเผ่าปิศาจทะเลผู้นี้ เมื่อครู่ราชันเหวินได้ลิ้มรสมาแล้ว อีกทั้งยังรู้จักอิทธิพลของคนผู้นี้ดี เขาจึงคิดจะอธิบายสักห หน่อย
ทว่าราชันสุ่ยจวินไม่ให้เขาเอ่ยวาจาจึงตัดบทคำพูดเขาทันที “ไม่ว่าพวกเจ้าจะก่อเรื่องเนื่องจากสาเหตุอะไร ผลคือเกาะอันห่างไกลของข้าไม่เหลือซาก ข้าไม่อยากฟังคำอธิบายใดๆ ข้าขอแ แค่วิธีแก้ปัญหา”
จินเฟยเหยาไม่ส่งเสียง นางลูบอก หากมิใช่กระดูกของตนเองมีระดับถึงของวิเศษชั้นกลางแล้ว เกรงว่าการโจมตีที่มองเห็นไม่ชัดเจนเมื่อครู่ต้องทำให้กระดูกซี่โครงของตนเองหักหมดแน่
ราชันเหวินได้ยินคำพูดของราชันสุ่ยจวิน จึงเอ่ยปาก “ข้ายินดี…”
“หุบปาก” ราชันสุ่ยจวินตัดบทคำพูดของราชันเหวินอย่างไม่เกรงใจอีกครั้ง “ข้าไม่อยากฟังวิธีการของพวกเจ้าเลยสักนิด ข้าคิดวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะยินยอมหรือ อไม่”
ราชันเหวินจึงรู้โดยสมบูรณ์ว่าราชันสุ่ยจวินคนนี้ไม่ยอมให้ผู้อื่นพูดจา น้ำเสียงปรึกษาหารือก็แค่พูดเล่นๆ เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ส่งเสียง ฟังว่าราชันสุ่ยจวินจะจัดการอย่างไร ข ขอเพียงไม่ใช่เอาชีวิต เรื่องอื่นๆ ในเผ่าล้วนสามารถออกหน้าแก้ปัญหาแทนได้