คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 391 ร้องจนคอแตก
“ทำอย่างไรดี หรือว่าต้องขายตัวใช้หนี้จริงๆ?” หวาหวั่นซียืนถามจินเฟยเหยาอยู่ตรงประตูใหญ่ของบ้านราชันสุ่ยจวิน
จินเฟยเหยาล้วงหู ชี้ไปยังปลาตัวหนึ่งที่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำด้านข้างแล้วเอ่ยอย่างจนใจ “ไม่ใช้หนี้ได้หรือ ยังมีคนเฝ้าจับตาดูด้วย”
ถึงแม้ภายนอกจะมีสีหน้าขมขื่นไม่ยินยอม ทว่านางกลับแอบถ่ายทอดเสียงไป “กลัวอะไรกับใช้หนี้ ถึงอย่างไรข้ายังต้องไปเอาเนื้อมังกรปิศาจพอดี ไม่ถูกสิ ต้องช่วยมังกรปิศาจออกมา มีปลาหลิวตัวนี้ของราชันสุ่ยจวิน ใครจะกล้าวางแผนร้ายกับพวกเรา รอจนปล่อยมังกรปิศาจออกมาพวกเราก็ไปจากเมืองไป่เหอ แผ่นดินออกกว้างใหญ่เขาจะไปตามหาพวกเราที่ใดได้”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะวางแผนไว้แล้ว คิดได้รอบคอบยิ่ง ไม่จ่ายยามังกรคำรามก็มีสถานที่พักอาศัย คิดอีกแง่หนึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี” หวาหวั่นซีครุ่นคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนจะไม่ได้ลำบากขนาดนั้น
คิดไม่ถึงว่าราชันสุ่ยจวินจะไม่เอาชีวิตของพวกเขา ทว่าขอให้ชดใช้สองเท่าแทน จำนวนที่ชดใช้มากเกินไปจริงๆ จินเฟยเหยาไม่ได้กะจะใช้หนี้ให้หมดค่อยจากไปจึงเพิกเฉยต่อจำนวนเงิน ถึงอย่างไรก็มีคนของราชันสุ่ยจวินมาเก็บเอง
ราชันสุ่ยจวินกลัวว่าพวกเขาจะหนีไปโดยไม่ใช้หนี้ยังทำปลาหลิวตัวหนึ่งให้ติดตามจินเฟยเหยาทุกเมื่อ ขอเพียงนางออกจากพื้นที่พันหลี่ปลาหลิวก็จะตาย ราชันสุ่ยจวินจะรู้ว่านางอยู่ที่ใดทันที สามารถป้องกันนางหลบหนีได้และยังไม่ต้องสิ้นเปลืองคนมาจับตาดูนาง
“ราชันเหวินคนนี้โชคดีเกินไปแล้ว มีคนหนุนหลังก็ดีแบบนี้ ส่วนที่เขาต้องชดใช้ทั้งหมดมีเผ่าคุนชดใช้แทน” จินเฟยเหยาถอนหายใจ เผ่าเจี่ยวที่มีอยู่คนเดียวน่าสงสารจริงๆ คิดถึงราชันเหวินก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คนของเผ่าคุนก็ไม่โทษว่าเขา แค่ตกลงกันว่าให้พวกเขาจ่ายค่าชดใช้แล้วมารับคนไป
“ไปเถอะ พวกเราไปดูที่พักซึ่งราชันสุ่ยจวินจัดให้” ราชันสุ่ยจวินยังจัดที่พักอาศัยให้พวกนางอยู่เดี่ยวๆ ถือว่าเป็นงานรวมที่พักระยะยาว แต่ละเดือนต้องส่งมอบสัตว์ที่ล่ามาชดใช้ค่าเสียหายของเกาะอันห่างไกล แต่จินเฟยเหยาก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถึงอย่างไรก็ไม่ได้คิดจะชดใช้อย่างจริงใจอยู่แล้ว แค่สามารถจัดการได้ก็พอ
เมื่อติดตามคนของราชันสุ่ยจวินมาถึงสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องอาศัยอยู่ จินเฟยเหยาอดมุมปากกระตุกไม่ได้ เป็นบ้านเปลือกหอยก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่ายังแค่หนึ่งในสามของชั้น นางชี้พื้นที่ว่างอย่างไม่พอใจ ถามเผ่าปิศาจขั้นสร้างฐานที่นำทางว่า “เพราะเหตุใดจึงให้พวกเราอยู่แค่ห้องนี้ ข้างบ้านก็ว่าง อย่างไรข้าก็ถือว่ามีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ นี่ปฏิบัติด้วยเหมือนขั้นสร้างฐานเลย”
เผ่าปิศาจผู้นี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ผู้อาวุโสกล่าวหนักไปแล้ว ข้างบ้านมีคนอาศัยอยู่ อีกทั้งยังมีจำนวนไม่น้อย ผู้อาวุโสมีเพียงสองคนสัตว์เลี้ยงหนึ่งตัว อาศัยอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว คนที่อาศัยอยู่ด้านข้างต้องเบียดเสียดกันจนไม่เป็นสารรูป”
“พูดเสียอนาถขนาดนี้ ใครอาศัยอยู่ข้างบ้าน?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ใครหรือ? แน่นอนว่าเป็นพวกเรา!” ไม่รอให้เผ่าปิศาจผู้นี้เอ่ยปาก ด้านหลังนางก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังมา พอหันหน้าไปมอง ถึงกับเป็นราชันเผ่าพิภพทั้งบ้านพร้อมบรรดาขุนนางเฒ่า แต่จำนวนลดลงไม่น้อย พวกสตรีเผ่าปิศาจแมวและเผ่าพิภพจำนวนมากหายไปแล้ว อีกทั้งข้างราชันเผ่าพิภพยังมีปลาหลิวตัวหนึ่งว่ายอย่างอิสระอยู่ในฟองน้ำเช่นกัน
พอเห็นว่าเป็นพวกเขา จินเฟยเหยาก็เบ้ปากเอ่ยอย่างไม่ยินยอม “ทำไมเป็นพวกเขาอีกแล้ว หรือว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ข้างบ้านข้า? อย่าเป็นวิญญาณอาฆาตที่ไม่สลายไปได้หรือไม่ พวกเจ้ามีเงินมากนี่นา ไปเช่าเกาะอันห่างไกลใหม่อีกแห่งก็ได้ ทำไมต้องมาเอาเปรียบด้วย”
จากนั้นนางก็เงยหน้านับแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าตกตะลึง “เข้าใจผิดไปหรือไม่ บ้านเจ้ามีถึงสามสิบกว่าคน จะอยู่กันได้อย่างไร รีบควักกระเป๋าตนเองเปลี่ยนสถานที่เถอะ ไม่ได้เก็บปลาแห้งเสียหน่อย จำเป็นต้องมากองรวมกันหมดด้วยหรือ”
ราชันเผ่าพิภพมีโทสะจนหน้าแดงก่ำ ด่าทอแบบทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก! หากมิใช่เจ้ากับราชันเหวินรื้อบ้านข้า ข้าจำเป็นต้องมาเบียดอยู่ในบ้านเปลือกหอยชั้นเดียวกับเจ้าที่นี่หรือ อีกทั้งราชันสุ่ยจวินยังบอกว่าข้ารวมคนมาสู้กัน ให้ข้าชดใช้ด้วยหนึ่งส่วน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยสักนิด ข้าเป็นผู้เคราะห์ร้าย พวกเจ้าชดใช้บ้านข้ามานะ!”
“เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ราชันเหวินลงมือก่อน ถ้าจะให้ชดใช้เจ้าก็ไปหาเขาโน่น ทำไม เจ้าเห็นเขาเป็นขั้นเทพจึงไม่กล้ายั่วโทสะ แต่กล้ามายั่วโทสะข้าหรือ? อย่าว่าแต่รื้อบ้านของเจ้าเลย ต่อให้รื้อกระดูกของเจ้าแล้วจะทำไม ฮึ!” จินเฟยเหยาส่งเสียงขึ้นจมูก พาหวาหวั่นซีและพั่งจื่อเข้าห้องของตนเอง ทิ้งราชันเผ่าพิภพที่โมโหแทบตายไว้ข้างนอก
เผ่าปิศาจที่นำทางคนนั้นเวลานี้ยิ้มแล้วตะโกนใส่ในประตู “ผู้อาวุโสโปรดพักผ่อนเร็วหน่อย เช้าวันที่หนึ่งของทุกเดือนข้าจะมาเก็บค่าชดเชยส่วนหนึ่ง ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ผู้อาวุโสโปรดเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ”
จากนั้นเขาก็หมุนตัวมามองเผ่าพิภพกลุ่มใหญ่และเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง “ท่านโปรดทนลำบากหน่อย สถานที่อื่นไม่ว่างจริงๆ ส่วนค่าชดใช้ก็ตามที่ตกลงกันไว้ เช้าตรู่วันที่หนึ่งข้าจะมาเก็บ โปรดเตรียมตัวล่วงหน้าเช่นเดียวกัน”
สิ้นเสียง สตรีในบ้านของราชันเผ่าพิภพก็กุมศีรษะและร่ำไห้อย่างเจ็บปวดทันที เหตุใดจึงมีชีวิตเลวร้ายลงทุกวัน ในอดีตถึงมีแต่เปลือก ก็ยังมีที่อยู่อาศัยอันกว้างขวาง ตอนนี้ดียิ่งนัก ติดหนี้ก้อนโตเมื่อใดจึงชดใช้หมด
สีหน้าของราชันพิภพหม่นหมอง ความหวังได้สูญสิ้น ทรัพย์สมบัติถูกราชันสุ่ยจวินทำลายไปพร้อมกับเกาะอันห่างไกล เดิมทีก็กินสมบัติเก่า ถึงสมบัติเก่าใกล้จะหมดแล้วแต่ยังมีนิดหน่อย ตอนนี้สมบัติเก่าก็ไม่เหลือ องครักษ์ของเผ่าพิภพก็หนีไปหมด ปิศาจแมวที่เลี้ยงไว้ก็ต้องขับไล่ไป นอกจากพวกขุนนางเฒ่าไร้ประโยชน์ที่ติดตามราชันองค์ก่อน ก็เหลือเพียงภรรยาห้าคนและลูกสิบกว่าคนของตนเอง หรือว่าต่อไปตนเองต้องออกจากบ้านไปล่าสัตว์ทะเลมาใช้หนี้!
ข้างบ้านมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญ บ้านจินเฟยเหยากลับเงียบกริบ คำนวณสัตว์ในมือที่ยังไม่ได้ขายออกไป น่าจะเพียงพอจ่ายหนี้ตอนวันที่หนึ่งได้ อีกทั้งยังสามารถกักตุนตานศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ตนเองใช้ฝึกบำเพ็ญได้ด้วย ทายาทสัตว์เทพที่นี่มีมากมาย เอาให้พั่งจื่อกินหน่อยดีกว่า ถ้าเลื่อนเป็นขั้นแปดได้ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาก
ถึงพั่งจื่อจะมีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นเจ็ดแล้ว แต่อยู่กับจินเฟยเหยาที่เป็นขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลาง ถ้าต่อไปนางเลื่อนเป็นขั้นเทพ คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องส่วนมากก็มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงส่ง ไม่เพียงสหายแม้แต่ศัตรูก็จะยิ่งร้ายกาจขึ้น ถ้าพั่งจื่อเป็นแบบนี้ต่อไปจะช่วยเหลืออะไรนางไม่ได้เลย
จินเฟยเหยาครุ่นคิดจึงตะโกนเรียกพั่งจื่อ นำตานศักดิ์สิทธิ์ออกมายี่สิบเม็ดให้มันไปปิดด่านกักตนฝึกบำเพ็ญให้บรรลุขั้นแปดเร็วหน่อย นางเคยถูกอานุภาพกดดันของราชันสุ่ยจวินโจมตีจนทรวงอกเจ็บปวดอย่างยิ่ง หลายวันนี้คงไม่ออกไปชั่วคราวตั้งใจพักรักษาตัวให้ดีก่อน
แต่วันเวลาที่ท้องฟ้าแจ่มใสและอยู่ว่างผ่านไปได้ไม่กี่วันก็มีความยุ่งยากมาถึงหน้าประตู
นางเพิ่งโคจรลมปราณแบบต้าโจวเทียน[1]เสร็จหนึ่งรอบก็เห็นเนี่ยนซีโผล่ศีรษะมาตรงประตู หนึ่งในสามของชั้นที่นางอาศัยอยู่มีห้องโถงรับแขก บวกกับห้องฝึกบำเพ็ญ อีกห้องที่สามารถทำเป็นห้องสัตว์เลี้ยงและสามารถหลอมยาได้ ปกตินอกจากห้องฝึกบำเพ็ญตกเป็นของจินเฟยเหยา ห้องติดกันเป็นของพวกเนี่ยนซีสี่คน ส่วนพั่งจื่อก็ตามใจชอบ สามารถนอนได้ทุกที่
“เนี่ยนซี มาหาข้ามีธุระอะไร?” จินเฟยเหยาแยกแยะพวกนางสี่คนจากนิสัยใจคอ นอกจากหวาหวั่นซีที่มีพลังบำเพ็ญเพียรตอนปรากฏตัวขึ้น คนอื่นๆ อีกสามคนล้วนเป็นเพียงคนธรรมดา แต่โชคดีที่นิสัยไม่เหมือนกันเลยสักนิด ขอเพียงสังเกตเล็กน้อยก็สามารถแยกออกได้
เนี่ยนซียิ้มก่อน จากนั้นเอ่ยอย่างลังเลอยู่บ้าง “เสี่ยวจิน เผ่าพิภพข้างบ้านอยากมาหาเจ้า แต่ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังฝึกบำเพ็ญจึงให้พวกเขากลับไปก่อน”
“มาหาข้า?” จินเฟยเหยารู้สึกงุนงง ดังนั้นจึงเอ่ยถาม “บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอะไร ถ้าให้ข้าชดใช้ค่าบ้านของพวกเขา แบบนั้นแม้แต่ประตูก็ไม่ต้องเปิด”
เนี่ยนซีส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ฮูหยินน้อยของราชันคนนั้นอยากขอยืมยามังกรคำรามไปซื้อน้ำแกงสาหร่ายมากินหน่อย”
“หา?” จินเฟยเหยามองเนี่ยนซีอย่างประหลาดใจ หลังจากคิดดูก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง “ทางพวกเขาพลังบำเพ็ญเพียรที่ย่ำแย่ที่สุดก็เป็นขั้นสร้างฐานแล้ว กินน้ำแกงสาหร่ายอะไร งดอาหารก็ได้นี่ อีกทั้งทำไมจึงยากจนขนาดนี้ ไม่มีแม้แต่ยามังกรคำรามซื้อน้ำแกงสาหร่ายกิน”
“ข้าก็ไม่รู้” เนี่ยนซียักไหล่ แสดงว่าตนเองไม่ค่อยเข้าใจนัก
ส่วนเวลานี้ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังมาอีก คนของบ้านราชันเผ่าพิภพมาอีกแล้ว
จินเฟยเหยาให้เนี่ยนซีพาพวกเขาเข้ามา คิดจะดูว่าเจ้าพวกนี้จะทำอะไรกันแน่ ใช้ไม้แข็งไม่ได้ คิดจะมาไม้อ่อนหรือ?
อาจจะรู้สึกว่าผู้มาเป็นสตรีบรรยากาศจึงดีหน่อย ผู้มายังคงเป็นฮูหยินน้อยดังเดิม แต่ยังพาบุตรสาวขั้นสร้างฐานของตนเองมาด้วย พอเข้าบ้านมาก็นั่งบนพื้นร้องห่มร้องไห้ พูดอยู่นานจินเฟยเหยาจึงฟังเข้าใจ ที่แท้ทนต่อไปไม่ได้จริงๆ
เผ่าปิศาจกินเก่งโดยกำเนิด พลังบำเพ็ญเพียรสูงก็อยากกินอาหารทั้งวัน ไม่งดอาหาร พวกเขารู้สึกว่าการงดอาหารเป็นเรื่องที่ขัดต่อฟ้า ไม่กินอาหารแล้วจะอยู่อย่างไร อีกทั้งเนื่องจากใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายมาตลอด น้ำแกงสาหร่ายที่กินก็เป็นสาหร่ายที่ดีที่สุด ไม่ใช่แบบที่ออกไปข้างนอกแล้วสามารถแบกกลับมาหลายมัด
นี่เพิ่งสิบกว่าวัน ต้องเลี้ยงคนสามสิบกว่าคน จะฝึกบำเพ็ญก็ไม่มีทรัพย์สมบัติแล้ว ไม่มีเงินยังคิดจะกินของดีๆ จินเฟยเหยาจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้ามายืมยามังกรคำรามข้าก็เพื่อซื้อน้ำแกงสาหร่ายกิน?”
ฮูหยินน้อยมองจินเฟยเหยาอย่างขลาดกลัว ปาดน้ำตาพลางพยักหน้า “พวกเราไม่มีทางเลือก จะให้ทั้งครอบครัวอดตายแบบนี้ไม่ได้ ถ้าทรัพย์สมบัติของพวกเราไม่ได้ถูกทำลายไปพร้อมเกาะอันห่างไกล คงไม่อยู่อย่างนี้ ตอนนี้ข้านอนตรงประตูใหญ่ เบียดกันจนเละเทะไปหมดอยู่ไม่ได้เลย”
เกาะอันห่างไกลอีกแล้ว ข้าไม่ได้ทำลายเกาะอันห่างไกลเสียหน่อย อย่างมากข้าก็ทำลายบ้านของพวกเจ้า อีกทั้งกลุ่มเผ่าปิศาจที่มีพลังบำเพ็ญเพียรยังอดตายทั้งเป็นได้ ไปหลอกผีเถอะ!
อีกทั้งสิ่งที่พวกเขาซ่อนไว้ในคลัง ข้าก็ไม่ได้ทำเสียหน่อย ใครกล้าบอกว่าสิ่งของถูกทำลายแล้ว ไม่แน่ว่าถูกราชันสุ่ยจวินฉวยโอกาสปล้นชิงออกไปแล้วบอกว่าถูกทำลาย ถึงจะคิดเช่นนี้จินเฟยเหยากลับไม่ได้บอกออกมา ถ้าพวกเขานำคำพูดนี้ไปประจบราชันสุ่ยจวิน หนี้ที่ตนเองติดค้างเกรงว่าต้องกลายเป็นสามเท่าแน่
แค่กินอาหารมิใช่หรือ! จินเฟยเหยาครุ่นคิด หยิบสิ่งหนึ่งในถุงเฉียนคุนออกมาแล้วโยนลงเบื้องหน้าฮูหยินน้อย พอฮูหยินน้อยเห็น ถึงกับเป็นเนื้อสัตว์สีแดงยาวสองตัวคนชิ้นหนึ่ง นางเห็นเนื้อชิ้นนี้ก็เอ่ยถามอย่างติดอ่าง “ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่าอย่างไร…”
“หมายความว่าอย่างไร? แน่นอนว่ามอบอาหารให้พวกเจ้า สิ่งนี้ไม่ต้องใช้ยามังกรคำราม ต้องการเท่าใดก็มีเท่านั้น รสชาติดีกว่าสาหร่ายมาก” จินเฟยเหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ไม่ ไม่ได้ ที่นี่คือเมืองไป่เหอ อีกทั้งพวกเราไม่เคยกินเนื้อมาก่อน กินสิ่งนี้ไม่ได้” ฮูหยินน้อยใช้สองมือโอบเอาไว้ มีสีหน้าหวาดกลัวราวกับเจอปิศาจราคะ นางถือกำเนิดที่เมืองไป่เหอ มีชีวิตอยู่มาจนบัดนี้ยังไม่เคยกินเนื้อเลย แม้แต่ราชันเผ่าพิภพคนปัจจุบันก็เช่นกัน มีเพียงราชันองค์ก่อนที่เคยกินเนื้อก่อนมาอยู่เมืองไป่เหอ ฮูหยินน้อยไม่กล้ากินสิ่งนี้ ดูแล้วสีแดงสดรู้สึกว่าน่ากลัว
จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ ค่อยๆ เข้าไปใกล้ฮูหยินน้อย “ไม่ต้องกลัว ข้าจะทำให้พวกเจ้าลิ้มลองด้วยตนเอง พวกเจ้าก็จะรู้ถึงความเลิศรสในนั้น ไม่ต้องตะโกนแล้ว ถึงเจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีคนได้ยิน”
“อย่านะ!”
……………………………………..
[1] ต้าโจวเทียน คือ แบบแผนการโคจรลมปราณอย่างหนึ่ง