คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 393 สถานการณ์
ภายใต้การมุงดูของทุกคน พวกจินเฟยเหยารีบจัดการสัตว์ทะเลเสร็จ จากนั้นกลับเมืองไป่เหอด้วยความระแวงระวัง ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้นก็ติดตามพวกเขามาตลอด ขนาดถึงเมืองไป่เหอยังต ติดตามมาเหมือนเดิม ทำให้จินเฟยเหยารู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง
ดังนั้นนางจึงหยุดร่างลง หันหน้าไปพูดกับพวกเขา “พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ามา เดือนหนึ่งข้าออกมาแค่ครั้งสองครั้ง อย่างมากที่สุดก็นำสัตว์ทะเลไปประมาณห้าร้อยตัว พวกเจ้าเฝ้าอยู่ใน พื้นที่พันหลี่ทั้งวัน มีบางคนเฝ้ามานับร้อยปี สังหารสัตว์ทะเลได้ตั้งหลายหมื่นตัว คำนวณอย่างไรพวกเจ้าก็สังหารสัตว์ทะเลได้มากกว่า มาจ้องมองข้าทำไม”
มีคนตอบนางทันที “เจ้ามีเคล็ดลับดึงดูดสัตว์ทะเล ถ้าเปิดเผยวิธีนี้ออกมา ทุกคนก็จะไม่ติดตามเจ้า”
จินเฟยเหยาถอนหายใจยาว เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ถ้าทุกคนต่างไปล่าสัตว์ทะเลแบบนี้ ไม่ถึงหนึ่งเดือน ในพื้นที่พันหลี่จะไม่มีสัตว์ทะเลอยู่เลยสักตัว นี่คือพวกเจ้ากำลังฆ่าไก่เอา ไข่ ถึงข้าให้พวกเจ้า ราชันสุ่ยจวินก็คงไม่ยินยอม ถึงตอนนั้นพวกเจ้าทำเงินได้ก้อนหนึ่งแล้วจะจากไปหรือ?”
นางยกราชันสุ่ยจวินออกมาทันที ถึงอย่างไรรายได้ที่ตนเองหามาได้ในตอนนี้แทบทั้งหมดก็มอบให้ตาเฒ่าคนนั้นจึงใช้เขาเป็นโล่กันธนู
ดังนั้นนางจึงเอ่ยต่อว่า “คาดว่าพวกเจ้าคงเคยสอบถามมาแล้ว ตอนนี้ข้าทำงานใช้หนี้ให้ราชันสุ่ยจวิน สัตว์ทะเลที่ล่ามาได้ก็มอบให้เขาแทบทั้งหมด ตัวข้าเองไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยส สักนิด อีกทั้งพื้นที่พันหลี่ก็ถือเป็นพื้นที่ของเขา พวกเจ้าคิดจะสังหารสัตว์ทะเลในพื้นที่ของเขาจนเกลี้ยง ไม่คิดบ้างเล่าว่าเขาจะยินยอมหรือไม่?”
“ข้าจะพูดอีกรอบหนึ่ง ไม่ต้องตามข้ามา ถึงอย่างไรตามข้ามาก็ไม่มีประโยชน์ ข้าจะไม่พูดเรื่องนั้น อย่าเปลืองแรงเลย” จินเฟยเหยาเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดกับคนเหล่านี้ อีกทั้งยังเอ่ยถึงราชันสุ่ยจวิน หลังจากผู้บำเพ็ญเซียนของทั้งสามเผ่าได้ยินต่างก็มีความคิดอ่าน ดังนั้นจึงจากไปทีละคน ถึงอย่างไรแค่จินเ เฟยเหยาปรากฏตัว คนในพื้นที่พันหลี่ก็รู้ อาศัยอยู่ที่ใดพวกเขาก็รู้ ไม่จับตาดูนางก็ได้ เห็นทุกคนแยกย้ายไป จินเฟยเหยาจึงกลับบ้านเปลือกหอย
พอเข้าประตู หวาหวั่นซีจึงเอ่ยถาม “ตอนนี้จะทำอย่างไรดี ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะทำให้พวกเขาต้องลงมือปล้นชิงจริงๆ อาจจะแจ้งราชันสุ่ยจวินและทางฝั่งหัวหน้าของเผ่ามารเผ่ ามนุษย์ว่าพวกเราไม่รักษากฎปล้นชิงสิ่งของ”
“สิ่งที่ข้าหามาก็มอบให้ราชันสุ่ยจวินทั้งหมด พวกเขาจะยุ่งเกี่ยวอะไรได้ ราชันสุ่ยจวินนั่นไม่ให้คนอื่นพูดสักประโยค ฟังก็ไม่ฟัง ส่วนทางฝั่งเผ่ามนุษย์และเผ่ามารสองจะยังอยู่ใน เมืองไป่เหอต่อไปได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่” จินเฟยเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา
โลกวิญญาณทั้งสิบสองแห่งเข้าสู่โลกวิญญาณผืนใหม่ได้สามปีกว่าแล้ว เข้าร่วมกับเผ่ามนุษย์และเผ่ามารอื่นๆ อีกสองเผ่าแย่งชิงและยึดครองดินแดนของเผ่าปิศาจ นอกจากเมืองไป่เหอ สถาน นที่อื่นๆ ล้วนต่อสู้กันอย่างคึกคักจนถึงขีดสุด มีเผ่าปิศาจจำนวนไม่น้อยหนีมาที่เมืองไป่เหอซึ่งสงบสันติชั่วคราว พื้นที่พันหลี่ยิ่งมายิ่งแออัด คนในเมืองก็ยิ่งมายิ่งมากขึ้น
ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่าปิศาจและเผ่ามารสองเผ่าส่วนมากไปจากเมืองไป่เหอเข้าสู่สงครามสู้รบปล้นชิง ตอนนี้ทอดสายตามองไป มีคนเผ่าปิศาจเต็มถนน ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารและเผ่าปิศาจที่รั้ งอยู่ที่นี่ต่างก็มีเป้าหมายของตน
หวาหวั่นซีเดินมาถึงข้างหน้าต่าง มองเกาะอันห่างไกลที่ลอยอยู่นอกวงเวทใหญ่ ส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าเผ่ามารและเผ่ามนุษย์คงไม่ทิ้งเมืองไป่เหอไปแบบนี้แน่ เมืองไป่เหอ อสามารถทำให้ทั้งสามเผ่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เนื่องจากมีวงเวทใหญ่อยู่ เจ้าว่าคนเผ่ามารและเผ่ามนุษย์จะคิดทำลายวงเวทใหญ่หรือไม่ ขอเพียงวงเวทใหญ่หมดฤทธิ์ ขณะที่สามารถสังห หารคนในเมืองได้ตามใจชอบ เผ่ามารและเผ่ามนุษย์ทั้งสองเผ่าต้องโจมตีที่นี่แน่”
“ที่เจ้าพูดก็เป็นไปได้ ตอนนี้มักจะมีคนเผ่ามนุษย์และเผ่ามารปรากฏตัวข้างเนื้อแห้งมังกรปิศาจบ่อยๆ ข้ากำลังสงสัยว่าพวกเขากำลังหมายตามังกรปิศาจ” เนื้อของมังกรปิศาจยังแขวนอยู่ด ด้านบนดังเดิม ยืนอยู่ตรงหน้าต่างในบ้านเปลือกหอยก็มองเห็นมันได้ จินเฟยเหยามองเนื้อแห้งชิ้นนั้น ช่วงเวลาสามปียังตัดลงมาได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบเลย
ทว่าหลายปีนี้ มักจะมีคนเผ่ามารและเผ่ามนุษย์ปรากฏตัวขึ้นรอบเนื้อแห้งมังกรปิศาจ ดูแล้วการกระทำน่าสงสัยยิ่ง แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าคนพวกนี้หมายตาเนื้อแห้ง ดังนั้นนางจึงได ด้แต่มองดูอยู่ด้านข้าง
นางเคยหารือเรื่องนี้กับมังกรปิศาจ แต่ผลที่ได้ยังเป็นแบบนี้ ได้แต่ทำทีละนิดๆ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาร้อยปีจริงๆ ไม่รู้ว่าในร้อยปีนี้ เมืองไป่เหอจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นไ ไร แต่จินเฟยเหยาไม่เกรงกลัว ไม่ว่าคนเผ่าใดยึดครองเมืองไป่เหอ นางก็มีวิธีอยู่ที่นี่ได้
ความยุ่งยากเพียงอย่างเดียวคือ ถ้าคนเผ่ามารและเผ่ามนุษย์ยึดครองเมืองไป่เหอ เป็นไปได้ว่าเนื้อแห้งมังกรปิศาจอาจจะถูกคนที่มีเจตนาอื่นเอาไป แต่นี่เป็นสิ่งของของตนเอง จะให้เร รื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เพียงแต่วิ่งไปจับจ้องอยู่ด้านข้างเนื้อแห้งทั้งวันไม่ได้
ทันใดนั้น จินเฟยเหยานึกถึงสิ่งหนึ่งได้ นางเดินไปข้างพั่งจื่อและดึงถุงเฉียนคุนมาค้น พั่งจื่อเผชิญหน้ากับการปล้นชิงอย่างกะทันหันจึงดึงถุงเฉียนคุนแล้วร้องอ๊บๆ
“อย่าอาละวาด ข้าแค่หาของนิดหน่อย บอกว่าของเจ้าอะไรกัน ของเจ้าก็คือของข้า ปล้นอะไร!” จินเฟยเหยาดึงถุงเฉียนคุนมาอย่างแรง ใช้การรับรู้กวาดด้านในอย่างรวดเร็ว
มองดูทุกอย่างรอบหนึ่งก็ไม่พบสิ่งที่ตนเองต้องการ นางจึงปล่อยถุงเฉียนคุนของพั่งจื่อ ยื่นมือมาแล้วบอกว่า “มุกเปลือยล่ะ? เจ้าเอาไปวางไว้ที่ใด นำออกมาให้ข้าใช้”
พั่งจื่อลังเลนิดหนึ่ง ภายใต้การกระตุ้นของจินเฟยเหยามันจึงอ้าปากคายมุกเปลือยออกมา
“เข้าใจผิดไปหรือไม่ เจ้าซ่อนไว้ในท้องทำไม จริงๆ เลย” จินเฟยเหยาใช้มือคว้ามุกเปลือยมา แปะยันต์ซ่อนกายบนร่างแล้วเหาะออกทางหน้าต่าง
นางเหาะมาใกล้เนื้อมังกรปิศาจ เหลียวซ้ายแลขวามองตรงมุม จากนั้นจึงร่อนลงบนหลังคาของหอไห่เฉวียน จินเฟยเหยานำมุกเปลือยออกมา ถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปในนั้น มุกเปลือยส่ายไหวแล ล้วกลายเป็นสองเม็ด เพียงแต่ส่วนที่แยกออกมามีขนาดเล็กกว่าของเดิมครึ่งหนึ่ง
ติดตั้งมุกเปลือยเล็กๆ ไว้บนหลังคาหอไห่เฉวียน จินเฟยเหยาใช้วิธีแบบเดียวกันอีก สร้างมุกเปลือยออกมาห้าเม็ดเล็กๆ จากนั้นวางไว้บนหลังคาโดยรอบ สุดท้ายนางเหาะมาถึงด้านบนสุดขอ องเนื้อมังกรปิศาจ ที่นี่คือสถานที่ซึ่งเศียรมังกรตั้งอยู่
ไม่มีหัวกะโหลก ตำแหน่งเศียรมังกรคือหนังมังกรที่ปูแผ่หนึ่งชั้น นางโยนมุกเปลือยเล็กๆ ไว้บนเศียรมังกร ขนาดของมุกเปลือยเล็กเกินไป ดังนั้นจึงไม่สะดุดตาเลยสักนิด หลังจากจัดการเ เสร็จหมดแล้วจินเฟยเหยาจึงเหาะกลับบ้านเปลือกหอย
“ข้าทิ้งไว้ที่นี่ก็เพื่อเนื้อแห้งมังกรปิศาจ ถ้าเนื้อแห้งเกิดเรื่องขึ้น ข้าก็จะเสียเวลาเปล่า ไม่สนใจว่าระหว่างพวกเขาสามเผ่าจะอาละวาดจนเป็นเช่นไร มีเพียงเนื้อแห้งมังกรปิศาจเท ท่านั้นที่เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้ ข้าจะดูสิว่าใครกล้าหมายตาเนื้อแห้ง” จินเฟยเหยากลับถึงห้องค่อยปรากฏร่าง เอ่ยอย่างดุร้าย จากนั้นเห็นนางนำมุกเปลือยไว้ในห้องฝึกบำเพ็ญแล้วถ่ ายเทพลังวิญญาณลงไปด้านใน จากนั้นวางมันไว้บนพื้น มุกเปลือยกระพริบและยิงแสงรัศมีสองสายออกมา ในห้องฝึกบำเพ็ญปรากฏจอภาพขึ้นสองจอ
สิ่งที่ปรากฏขึ้นในจอภาพคือเนื้อแห้งมังกรปิศาจที่แขวนอยู่ใจกลางเมืองไป่เหอ ส่วนสถานที่เฝ้ามองคือหลังคาบ้านที่วางมุกเปลือยเหล่านั้น เห็นภาพในจอค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าๆ มองเห็นร รอบเนื้อแห้งมังกรปิศาจได้ชัดเจน ส่วนอีกจอภาพหนึ่ง กลับเป็นตำแหน่งเหนือศีรษะมังกรปิศาจ เนื่องจากด้านนั้นอยู่ห่างไกลเกินไป มุกเปลือยจึงมองไม่เห็นด้านล่าง
จินเฟยเหยาจงใจวางมุกเปลือยเม็ดนั้นไว้บนเศียรมังกรเพื่อสังเกตด้านบนด้วย แบบนี้ก็ไม่ต้องไปเฝ้ามังกรปิศาจ อยู่ที่บ้านก็มองเห็นว่ามีใครน่าสงสัยปรากฏตัวขึ้นข้างเนื้อแห้งมังกร รปิศาจได้
นางค้นพบความสามารถนี้ของมุกเปลือยโดยบังเอิญ นางยังเคยใช้วิธีนี้แอบมองชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเผ่าพิภพข้างบ้านเลย เนื่องจากน่าสมเพชและยากจนเกินไป ไม่น่าสนใจเลยสักนิด ดู อยู่หลายวันจึงเลิกดู
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือเห็นแต่ภาพอย่างเดียว ไม่ได้ยินเสียง ถ้าได้ยินเสียงจะยิ่งสมบูรณ์แบบ เดิมทียังคิดว่าต่อไปสามารถขายของสิ่งนี้ให้ปู้จื้อโหยวในราคาสูง เขาก็สามารถแอบด ดูเรื่องที่คนอื่นทำได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าไม่มีเสียงก็ไม่ได้ยินความลับ ท่าทางต่อไปคงต้องใช้สิ่งนี้ตรวจดูสภาพรอบถ้ำเซียน ประโยชน์อื่นๆ คงเป็นความชอบของพั่งจื่อ
“ถ้าพวกเจ้าสองคนไม่มีอะไรทำก็สังเกตมากๆ หน่อย ถ้าพบว่ามีเหตุการณ์น่าสงสัยก็เรียกข้า” จินเฟยเหยาย้ายไปฝึกบำเพ็ญในห้องโถงรับแขก หวาหวั่นซีเลื่อนขั้นไม่ได้ อยู่ว่างไม่มีอะไร ทำจึงให้นางจับตาดูมากหน่อย
จินเฟยเหยาเป็นห่วงอยู่บ้าง จากข่าวที่ได้ยินมาบนถนน ถึงจะบอกว่าเผ่ามารและเผ่ามนุษย์สองเผ่าร่วมมือกัน กลับแยกกันเคลื่อนไหวเดี่ยวๆ กวาดล้างโลกวิญญาณไปจำนวนไม่น้อยแล้ว ตอนนี เผ่าปิศาจต่อต้านอย่างรุนแรง คนขั้นว่างเปล่าของพวกเขาไม่เหมือนเผ่ามนุษย์และเผ่ามารที่ขึ้นไปยังโลกระดับเทพได้ ทว่าอยู่ในโลกระดับวิญญาณมาตลอด ถึงจะลงมือไม่มาก ทว่าคนบุกต ตีมาถึงประตูบ้านแล้ว ถ้ายังไม่ลงมืออีกก็ไม่ได้
ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่าของเผ่ามารและเผ่ามนุษย์ก็เตรียมลงมาจากโลกระดับเทพ ถึงตอนนั้นถ้าปะทะกัน ก็คงต่อสู้กันอย่างครึกโครม จินเฟยเหยาพลันตระหนักได้ว่าโลกระดับเ เทพในเวลานี้คือสถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุดแล้ว ไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่าของเผ่าปิศาจจะหาวิธีโต้กลับโลกระดับเทพหรือไม่
เทียบกับโลกวิญญาณเจ็ดสิบสองแห่งในโลกระดับวิญญาณ โลกระดับเทพมีหนึ่งร้อยแปดแห่ง ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์และเผ่ามารสองเผ่ายึดครองโลกระดับเทพทั้งหมด ตอนนี้ยังคิดจะแย่งชิง ดินแดนของเผ่าปิศาจในโลกระดับวิญญาณ ละโมบมากเกินไป
ครุ่นคิดให้ดี จินเฟยเหยารู้สึกว่าเผ่าปิศาจดูเหมือนจะน่าสงสารมาก ตอนยังไม่ผ่านเคราะห์สายฟ้าก็ถูกคนของเผ่ามนุษย์และเผ่ามารสังหาร รอจนผ่านเคราะห์สายฟ้ากลายร่างเป็นมนุษย์ ขนาดโลกระดับเทพก็ขึ้นไปไม่ได้ ได้แต่เบียดเสียดอยู่ในโลกระดับวิญญาณ รอข้ามด่านเคราะห์เหาะขึ้นโลกระดับสวรรค์
อีกทั้งได้ยินว่าพอถึงขั้นผสานร่างก็ต้องขึ้นโลกตู้เทียน บนนั้นดูเหมือนจะมีสิ่งทดสอบผู้บำเพ็ญเซียน ต้องอยู่จนถึงขั้นมหายานช่วงปลายข้ามด่านเคราะห์เหาะขึ้นสู่โลกระดับสวรรค ค์ ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่าพวกนี้ได้แต่ค้นหาสิ่งที่มีคุณสมบัติสายฟ้ามาหลอมสร้างของวิเศษในโลกระดับเทพทั้งวันก็เพื่อจะได้ข้ามด่านเคราะห์ตอนขั้นผสานร่างได้ง่ายๆ หน่อย
รอจนใช้ของวิเศษสายฟ้าพวกนั้นเสร็จสิ้น ขั้นผสานร่างยังต้องเสี่ยงอันตรายลงมาโลกระดับเทพเพื่อค้นหาวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติสายฟ้าเหล่านั้นต่อ ส่วนสัตว์ปิศาจเหล่านี้อยู่ได้แต่โล ลกระดับวิญญาณ ได้ยินว่าวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติสายฟ้ามีมากมายในโลกระดับเทพ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีในโลกระดับวิญญาณ หรือว่าหลังจากพวกเขาบรรลุขั้นผสานร่างไปโลกตู้เทียนก็ใช้กายเ เนื้อมาต้านทานการทดสอบ?
จินเฟยเหยาขบคิดไม่เข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งใดกันแน่ที่ขัดขวางเผ่าปิศาจขึ้นโลกระดับเทพ บางทีมังกรปิศาจบรรพกาลอาจจะรู้