คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 398 คนผู้นั้น
ราชันเหวินดักอยู่นอกบ้านเปลือกหอยแล้วให้คนเคาะประตู ในเวลาแบบนี้ยังกล้าปกป้องเผ่ามนุษย์และกล้าทำกับเผ่าปิศาจแบบนี้ คิดจะหาที่ตายแท้ๆ
จินเฟยเหยากลับเปิดการทำงานของวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ นั่งอยู่ในบ้านเอ่ยถามราวกับไม่มีอะไร “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าเพิ่งปิดด่านกักตนหนึ่งปีก็อาละวาดจนกลายเป็นแบบนี้ ที่แท้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“โชคร้ายเท่านั้น” หวาหวั่นซีถอนหายใจ เอ่ยอย่างช้าๆ
ที่แท้จินเฟยเหยาเพิ่งปิดด่านกักตนได้สองเดือนกว่า เมืองไป่เหอพลันมีเผ่าปิศาจกลุ่มใหญ่มา ทั้งหมดเป็นเผ่าปิศาจที่หลบหนีสงครามมาจากโลกวิญญาณต่างๆ อีกทั้งในบรรดานั้นยังมีค คนในครอบครัวและอนุภรรยาของเผ่าปิศาจระดับสูงจำนวนไม่น้อย ชั่วขณะในเมืองก็เต็มไปด้วยผู้คน แม้แต่ในครอบครัวของเผ่าปิศาจธรรมดายังมีคนเข้ามาเบียดเสียดเลย ถึงอย่างไรเปิดร้านก็ไม่มี สินค้า แม้แต่ในร้านเล็กๆ เหล่านั้นก็นำมาให้คนอยู่อาศัย
สาเหตุที่แล่นมาที่นี่เนื่องจากที่นี่มีวงเวทอันแข็งแกร่ง ต่อให้เผ่ามารและเผ่ามนุษย์มาก็สามารถต้านทานได้ อีกทั้งที่นี่คือทะเลลึก เผ่ามารและเผ่ามนุษย์อยู่ที่นี่จะไม่สามารถ แสดงความแข็งแกร่งได้ถึงขีดสุด เทียบกันแล้ว ถึงอย่างไรเผ่าปิศาจใต้ทะเลยังสามารถหยิบยืมใช้น้ำทะเลทำให้ความสามารถของตนเองเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อย
ได้ยินความร้ายกาจของวงเวทใหญ่ จินเฟยเหยามองไปนอกหน้าต่าง ที่นี่สามารถมองเห็นเนื้อแห้งมังกรปิศาจเส้นนั้นได้ นางแยกเขี้ยว กินไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าวงเวทใหญ่อ่อนแอ ลงจนมีสภาพเช่นไร
หลายปีนี้นางไม่ได้ตัดเนื้อมังกรปิศาจขนาดแค่ฝ่ามือ ทว่าตัดมากขึ้นทุกที ค่อยๆ เพิ่มพื้นที่ตัดอย่างช้าๆ ก่อนปิดด่านกักตน นางตัดครั้งหนึ่งขนาดเท่าอ่างล้างหน้า ทว่าเนื้อมังกร ปิศาจหนาเกือบหนึ่งจั้งกว่า พวกนางตัดแผ่นบางๆ จึงไม่ถูกพบเห็น
“พั่งจื่อ ตอนนี้เจ้าตัดเนื้อแผ่นใหญ่ขนาดเท่าใด” จินเฟยเหยามองพั่งจื่อพลางเอ่ยถาม
พั่งจื่อนิ่งอึ้ง ครุ่นคิดแล้วใช้มือทำท่าทำทาง พอเห็นขนาดที่มันทำท่าใหญ่กว่าก่อนหน้าที่ตนเองปิดด่านกักตนถึงหนึ่งเท่า
“เข้าใจผิดอะไรหรือไม่ เจ้าถึงกับตัดแผ่นใหญ่ขนาดนี้ วงเวทใหญ่ไม่มีปฏิกิริยาหรือ? เป็นไปไม่ได้ ไม่มีความผิดปกติอะไรแน่นะ” จินเฟยเหยาประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะเหตุใดวงเวทใหญ่จึงไม ม่ผิดปกติ
คิดถึงตนเองตอนนั้นรู้สึกว่ายุ่งยาก จึงไม่ได้เพิ่มทีละนิดทว่าตัดเป็นสองเท่า ตอนนั้นวงเวทใหญ่เคลื่อนไหวขึ้นในพริบตาราวกับโยนกบลงในกองเพลิง ทำให้นางตกใจจนหลบกลับไปรู้สึก ใจหายใจคว่ำอยู่หลายวัน พอเห็นวงเวทใหญ่ไม่ได้มาหาเรื่องตนเองจึงโล่งอก
ทว่าในเมืองตรวจสอบอย่างเข้มงวดอยู่หลายวัน แม้แต่ราชันสุ่ยจวินก็ออกมา ห้อมล้อมรอบเนื้อมังกรปิศาจและวุ่นวายอยู่หลายวัน สุดท้ายจึงแยกย้ายไป ต่อมานางไปถามมังกรปิศาจว่าจะแก้ไขอ อย่างไร มังกรปิศาจด่านางอย่างสาดเสียเทเสีย จากนั้นจึงบอกว่าตนเองแสร้งเป็นต้านทานวงเวทใหญ่ จึงทำให้เกิดความผิดปกติของวงเวทใหญ่ เพราะเหตุนี้มันจึงถูกราชันสุ่ยจวินใช้วิชาลับที่ เก็บรักษาไว้ทรมานอยู่หลายวัน
เรื่องนี้ทำให้จินเฟยเหยาไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าพั่งจื่อทำได้อย่างไร ดังนั้นจึงถามว่า “เพราะเหตุใดเจ้าจึงตัดได้มากมายขนาดนี้?”
พั่งจื่อเงยหน้าขึ้นบอกอย่างภาคภูมิใจ “อ๊บๆๆ”
“เจ้าว่าอะไรนะ! มังกรปิศาจใช้พลังของตนเองสะกดความเคลื่อนไหวผิดปกติของวงเวทใหญ่ไว้ด้านใน” จินเฟยเหยาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ามังกรปิศาจจะมีพลังเพียงพอจะใช้ได้ถึงขั้นนี้แล้ว มิน่าเล ล่าตอนนี้น้ำเสียงพูดจาจึงมีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น เสียงคำรามยิ่งมายิ่งดัง
“เนื่องจากเผ่าปิศาจมามากเกินไป ตอนนี้ห้องไม่พออาศัย บวกกับฐานะของข้า พวกเขามาหลายครั้งแล้ว คิดจะไล่พวกเราออกไป แต่ข้าเดาว่าถ้าออกไป คนที่แค้นพวกเรามีมากมายขนาดนี้ บวกกับข ข้ามีฐานะเป็นเผ่ามนุษย์ ต้องไม่มีบทสรุปที่ดีแน่” หวาหวั่นซีเอ่ยต่อ
จินเฟยเหยาครุ่นคิด ตัดสินใจไปหารือกับมังกรปิศาจ “เกรงว่าคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ เผ่าปิศาจมามากขึ้นทุกที ขนาดราชันสุ่ยจวินข้ายังสู้ไม่ได้ รอจนความขัดแย้งมาถึงขั้นไม่สนใจอีกฝ ฝ่าย พวกเราคิดจะจากไปก็ยิ่งยากขึ้น คิดจะถามมังกรปิศาจก่อนว่ามีวิธีรีบแก้ไขหรือไม่ เผ่าปิศาจที่นี่มากขึ้นทุกทีตามการศึกที่ขยายตัว”
“แล้วราชันเหวินข้างนอกจะจัดการอย่างไร?” หวาหวั่นซีเอ่ยถาม เวลานี้ราชันเหวินพาคนมาล้อมอยู่ข้างนอกหลายสิบคน และส่งคนมาทำลายวงเวท
จินเฟยเหยาหัวเราะอย่างดูแคลน “ไม่ต้องสนใจเขา ปล่อยให้พวกเขาพังไป พวกเขากลัววงเวทใหญ่ ไม่กล้าใช้เวทมนตร์โจมตีวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ ใช้ของวิเศษต่างค้อนทุบร้อยปีก็เปิดไม่ได ด้ ตอนนี้เรื่องสำคัญคือพวกเราต้องหาวิธีพาเนื้อมังกรปิศาจไปจากที่นี่”
หลังเอ่ยจบ นางก็ลุกขึ้นเดินมาที่หน้าต่าง สลายไอหมอกที่กั้นบนวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ มองราชันเหวินผ่านวงเวทโปร่งใส
เจ้าหมอนี่ดูแล้วสภาพจิตใจไม่เลว กำลังนั่งอยู่บนหลังปลามองทุกคนทุบประตูด้วยสายตาเย็นชาอย่างสงบนิ่ง เขาก็รู้ว่าทำแบบนี้ยากจะทำลายวงเวทได้ แต่เขาไม่กล้าให้ลูกน้องใช้อา าคมโจมตีโดยตรง ไม่มีใครอยากถูกวงเวทใหญ่กดทับจนเป็นเนื้อบด แต่ตอนนี้สิ่งที่มีคือเวลา ต้องส่งเสียงเอะอะจนพวกนางออกมา
“นี่ ยุงตัวใหญ่” จินเฟยเหยาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างตะโกนใส่เขา
เรียกแบบนี้ไร้มารยาทเกินไปจริงๆ ราชันเหวินขมวดคิ้วอยากจะบันดาลโทสะ ทว่าจินเฟยเหยาก็พูดจ๋อยๆ โดยไม่รอให้เขาเอ่ยปาก “ตอนนี้ข้างนอกต่อสู้กันอย่างดุเดือด คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะห หนีเอาตัวรอดก่อนรบมาแอบเกียจคร้านอยู่ที่นี่ เผ่าปิศาจมีคนอย่างเจ้านี่ขายหน้าจริงๆ มีฐานะเป็นเผ่าปิศาจทำเป็นแต่รังแกเผ่าเดียวกัน ข้ารู้สึกอับอายแทนเจ้าจริงๆ รู้สถานการณ์ก็รีบ บไป ข้าก็มีเผ่า ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ไปสังหารเผ่ามนุษย์และเผ่ามารสิ”
เย้ยหยันเสร็จอย่างว่องไว นางก็รีบปิดวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ ตรงหน้าต่างมีผืนหมอกขาวอีกครั้ง
ราชันเหวินถูกนางด่าทอจนเพลิงโทสะลุกโชนสามจั้ง ถ้ามิใช่ครั้งนี้ต้องคุ้มครองส่งองค์หญิงชีซิงมาเมืองไป่เหอ ตอนนี้เขาคงเข่นฆ่าอย่างยินดีอยู่ในสนามรบ กลับมาครั้งนี้ได้ยินเรื่อง ที่จินเฟยเหยาสังหารสัตว์ทะเลทั้งหมด อีกทั้งยังนำเผ่ามนุษย์คนนั้นมาอาศัยอยู่ในเมืองไป่เหอต่ออย่างวางโต เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
อีกทั้งได้ยินจากราชันสุ่ยจวินว่าจินเฟยเหยาคนนี้ไม่ถือว่าเป็นเผ่าปิศาจบริสุทธิ์ เป็นเพียงมนุษย์ครึ่งปิศาจเท่านั้น เดิมทีเมื่อครั้งที่แล้วคิดจะสังหารนางดูดเลือดราวกับถูกภู ตผีเข้าสิง ต่อมาคิดถึงว่าเป็นเผ่าเดียวกัน ทำแบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ปิศาจ ไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาเรื่องสังหารเผ่าเดียวกันแล้ว
“ทุบทำลาย! บีบให้พวกนางออกมา” ราชันเหวินตวาดอย่างมีโทสะ ส่งคนที่มีเรี่ยวแรงมากที่สุดหลายคนให้พวกเขาเข้าไปทำลายวงเวท วงเวทใหญ่ที่น่าตาย หากมิใช่เพราะมัน คงใช้เวทมนตร์ ทำลายและเปิดออกได้ไปนานแล้ว
“เจ้าจงใจยั่วโทสะเขาทำไม? ดูสิ ตอนนี้ยิ่งทุบแรงขึ้น” หวาหวั่นซีส่ายศีรษะ จินเฟยเหยานี่จริงๆ เลย ยังจงใจไปยั่วโทสะราชันเหวินอีก
จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ “ถ้าพวกเขาไม่ทุบจนมีความเคลื่อนไหวใหญ่โต อีกสักครู่ข้าใช้ยันต์ซ่อนกายเหาะออกไป ถ้าวงเวทกระเพื่อมคงถูกพบเห็น ตอนนี้พอดีให้วงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจกระเพื่อ อมตามการเคลื่อนไหวของพวกเขา ข้าจะออกไปหามังกรปิศาจสักครา ไม่แน่ว่าอาจจะคิดวิธีดีๆ ออก”
จินเฟยเหยาติดยันต์ซ่อนกาย ฉวยโอกาสที่ข้างนอกทุบอย่างเต็มกำลัง รีบหนีออกมาทางหน้าต่าง นี่คือสาเหตุที่นางถูกทุบมาหลายปีก็ไม่ยอมผนึกหน้าต่าง หน้าต่างทำจากเปลือกหอย พอผลัก กเปิดออกเห็นได้ชัดเกินไป ตอนออกมานางยังเจอก้อนหินหลายก้อนเข้าพอดี นางหลบหลีกหินบินเหล่านั้นอย่างชำนาญจึงเหาะไปหาเนื้อแห้งมังกรปิศาจ
ถึงตรงมังกรปิศาจ นางรีบถ่ายทอดเสียงเข้าไปตะโกน “มังกรปิศาจเฒ่า รีบออกมา ข้ามีธุระอยากพบท่าน”
“ทำไม” มังกรปิศาจตอบอย่างเกียจคร้าน “อ้อ เจ้าเลื่อนเป็นขั้นหลอมรวมช่วงปลายแล้ว เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของข้า”
“ความดีความชอบของท่านอะไรกัน นี่ไม่เกี่ยวกับท่านเลยสักนิด เนื้อของท่านทั้งแก่ทั้งแข็ง ไม่มีประสิทธิภาพสักนิด ข้ามีธุระมาหาท่าน” จินเฟยเหยากลอกตาใส่เนื้อแห้ง ยังมีหน้ามาบอ อกว่าเป็นความดีความชอบของตนเองอีก ที่จริงไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยสักนิด
มังกรปิศาจเฒ่าเห็นนางเหมือนมีเรื่องด่วนจริงๆ จึงเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น “เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไร?”
จินเฟยเหยาก็ไม่ล่าช้า เล่าสภาพการณ์ในตอนนี้ของตนเองออกมาสั้นๆ ส่วนมันที่มีฐานะเป็นดวงตาวงเวทของวงเวทใหญ่ รู้เรื่องในเมืองไป่เหอกระจ่าง ไม่ต้องให้ตนเองอธิบายสถานการณ์ หลังกล่าวจบ จินเฟยเหยาก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้จะทำอย่างไรดี ข้าต้องไปจากที่นี่ ทว่าท่านยังมีวงเวทอีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้กำจัด คิดหาวิธีหน่อยเถอะ ทางที่ดีสามารถก กำจัดวงเวทบนร่างได้ในคราเดียว จากนั้นพวกเราก็จากไป ถ้าข้าถูกฆ่าตาย ท่านก็ไปจากที่นี่ไม่ได้”
“ไม่ต้องมาข่มขู่ข้า ถ้าเจ้ารีบร้อนไปขนาดนี้จริงๆ ก็มีเพียงวิธีเดียวแล้ว เจ้ากินวงเวททั้งหมดในอึดใจเดียว ข้าจะใช้พลังทั้งหมดยับยั้งการลงโทษของวงเวทใหญ่ไว้ จากนั้นเจ้าก็เก็ บเนื้อมังกรทั้งหมดไป ทว่าวิญญาณจริงครึ่งตัวของข้าอาจจะหลับลึกเนื่องจากใช้พลังมากเกิน”
“มีวิธีดีขนาดนี้ทำไมท่านไม่บอกแต่แรก หลับลึกก็หลับลึกสิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสียหน่อย ทำให้ข้าเสียเวลามาตั้งหลายปี” พอจินเฟยเหยาได้ฟังก็ด่าทออย่างอารมณ์ไม่ดี
มังกรปิศาจก็ผรุสวาทอย่างเดือดดาล “หากมิใช่วงเวทหายไปกว่าครึ่ง ตอนนี้ข้าจะสยบวงเวทใหญ่ได้อย่างไร เจ้าคิดเลิศหรูเกินไปแล้ว หากมิใช่ข้าแอบขับเคลื่อนศิลาวิญญาณสำรองมาค้ำจุนวง เวทไว้ คงทำให้คนในเมืองไป่เหอพบเห็น ว่าวงเวทอ่อนแอลงนานแล้ว”
จินเฟยเหยาส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่ยินยอม “ที่แท้วงเวทใหญ่อันนี้ก็ใช้ศิลาวิญญาณได้ ท่านนี่รู้มากจริงนะ นั่นก็หมายความว่า ถ้าท่านติดตามพวกเราไป วงเวทใหญ่นี้ก็จะไม่ถูกทำลา าย เพียงแต่เปลี่ยนเป็นใช้ศิลาวิญญาณแทนเท่านั้น”
“แน่นอน คนที่สร้างวงเวทใหญ่ขึ้นมาจะอาศัยพลังจากกายเนื้อข้าอย่างเดียวได้อย่างไร อีกทั้งข้าแค่ถูกแขวนไว้ที่นี่กลางคัน เดิมทีก็ใช้ศิลาวิญญาณขับเคลื่อนวงเวทชมทะเลอันนี้อย ยู่แล้ว” มังกรปิศาจส่งเสียงขึ้นจมูก เอ่ยถึงเรื่องในอดีตในใจก็มีความรู้สึกหลากหลายสับสนปนเป
“วงเวทชมทะเล? ที่แท้สิ่งนี้ไม่ได้ชื่อวงเวทไป่เหอ ข้าลืมถามท่านไปเรื่องหนึ่งมาตลอด เรื่องเผ่าปิศาจขึ้นโลกระดับเทพไม่ได้ ท่านรู้สาเหตุหรือไม่?” จินเฟยเหยาพลันนึกถึงเรื่องน นี้ขึ้นได้ ทุกครั้งมักจะลืมถาม ตัดเนื้อเสร็จก็จากไป ตอนนี้นึกขึ้นได้พอดีจึงฉวยโอกาสถาม
มังกรปิศาจเงียบงันไป จึงเอ่ยอย่างช้าๆ “ข้ารู้แน่นอน ถ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ต้องเริ่มเล่าจากเมืองไป่เหอก่อน”
“ไม่จริงน่า เผ่าปิศาจขึ้นโลกระดับเทพไม่ได้มีสาเหตุเนื่องจากเมืองไป่เหอ? ดูไม่ออกเลยว่าเมืองไป่เหอมีผลมากถึงเพียงนี้” จินเฟยเหยาตกตะลึง คงไม่ร้ายกาจขนาดนั้นกระมัง
มังกรปิศาจส่งเสียงขึ้นจมูก “ที่ข้าพูดถึงคือคนที่สร้างเมืองไป่เหอผู้นั้น เผ่ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ น่าชิงชัง บ้าระห่ำ ทว่ากลับน่ากลัวผู้นั้น!”
“คนที่สร้างเมืองไป่เหอคือเผ่ามนุษย์ ท่านคิดจะให้คนตกใจตายหรือ”