คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 401 สายลับเผ่ามนุษย์
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอุโมงค์ใต้ดินที่เผ่าพิภพขุดจะมีระดับสูงถึงขั้นนี้ จินเฟยเหยาฉวยโอกาสตอนกลางดึกติดยันต์ซ่อนกายวิ่งมาดูความคืบหน้าของอุโมงค์ใต้ดิน นางนั่งอยู่ในอุโมงค์ ยื่ นมือไปลูบบนกำแพงอุโมงค์ใต้ดินอันเรียบลื่น
“พวกเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ข้ายังนึกว่ามีดินเต็มไปทั่ว นี่ทำเสียเหมือนผิวเครื่องเคลือบ” จินเฟยเหยาตบอุโมงค์ใต้ดินแล้วยิ้มแย้มขึ้น
ราชันเผ่าพิภพพาทุกคนมายืนอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมของนางก็อดยิ้มไม่ได้ แน่นอน ไม่ดูเสียบ้างว่าใครขุดอุโมงค์ใต้ดิน
“แต่เห็นแบบนี้แล้วพวกเจ้าคงยุ่งมาก ปริมาณงานไม่เยอะหรือ แม้แต่อุโมงค์ใต้ดินก็คิดจะตกแต่งอย่างงดงามแบบนี้” อุโมงค์เรียบลื่นภายใต้แสงของมุกสว่างเป็นประกาย ดูแล้วราบเรียบอย่า างยิ่ง
“เปล่า นี่ทำให้พวกเราเหน็ดเหนื่อยแทบตาย” ราชันเผ่าพิภพได้ฟังก็รีบอธิบาย เป็นห่วงว่าจินเฟยเหยาจะเกิดความคิดให้พวกเขาขุดไปยังโลกวิญญาณจ้งถู่โดยตรงขึ้นมา “ขุดอุโมงค์จะมีเศษดิน นมาก สิ่งเหล่านี้ถ้าลากออกไปทิ้งจะถูกคนพบเห็นทันที ดังนั้นพวกเราจึงใช้เคล็ดวิชาหลอมดินทำให้พวกมันเป็นของเหลว พ่นในอุโมงค์ใต้ดินก็จะกลายเป็นเหมือนเคลือบผิวของเครื่องเคลือบ แ แบบนี้ก็สามารถจัดการดินที่ขุดออกมาและยังสามารถรักษาความสะอาดในอุโมงค์ใต้ดินได้ ด้วย”
“แบบนี้เอง รบกวนพวกเจ้าแล้วจริงๆ” จินเฟยเหยาพยักหน้า จากนั้นตบศีรษะ “พวกเจ้าขุดกว้างหน่อยได้หรือไม่ อุโมงค์นี้แค่พอให้ข้านั่ง ยืนไม่ได้เลย ตอนเดินไปจะให้ข้าใช้งานอย่างไร ร!”
อุโมงค์ใต้ดินแห่งนี้ทั้งยาวทั้งงดงาม ทว่ากลับสูงเพียงครึ่งตัวคน สำหรับเผ่าพิภพแล้วพอดี ทว่าสำหรับจินเฟยเหยาแล้วกลับเตี้ยจนน่าสงสาร นางยืนขึ้นไม่ได้เลย อย่างสบายที่สุดก ก็แค่นั่ง ส่วนคิดจะเดินยิ่งเป็นไปไม่ได้ ได้แต่ใช้คลานเอา
สีหน้าของนางอึมครึมลง เอ่ยถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าจงใจสินะ แบบนี้จะให้ข้าพาพวกเจ้าจากไปได้อย่างไร!”
ราชันเผ่าพิภพถูไม้ถูมือ อธิบายอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโส จะขุดสูงอีกหน่อยต้องใช้เครื่องมือ ไม่ขอปิดบังท่าน ตั้งแต่ข้าเกิดมายังไม่เคยขุดอุโมงค์เลย ภรรยาและบุตรธิดาของข้ายิ่งไ ไม่ต้องเอ่ยถึง ไม่เคยอาศัยอยู่ในอุโมงค์เหมือนข้า ส่วนขุนนางชราเหล่านั้นใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสูงศักดิ์มาชั่วชีวิต ไม่เคยทำงานพวกนี้ เครื่องมือก็ไม่มี อุโมงค์เส้นนี้ใช้สัญชาตญาณขุ ดออกมา ตอนแรกๆ ไม่รู้ว่ายากลำบากเพียงใด”
เห็นราชันเผ่าพิภพแสร้งทำท่าน่าสงสาร จิตใจของจินเฟยเหยาก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย “ดังนั้นข้าจึงให้พวกเจ้าฝึกฝนมากๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นกลับโลกวิญญาณจ้งถู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ตอนนี้ พวกเจ้าทำได้ไม่เลว ขนาดติดเคลือบก็ทำได้ เพียงแต่เตี้ยขนาดนี้ พวกเจ้าจะให้ข้าเดินอย่างไร?”
“ผู้อาวุโส ท่านบินได้นี่นา บินแนวนอนในอุโมงค์โดยตรงก็ได้ แบบนี้จะเร็วกว่า ไม่ต้องเดินไป” ราชันเผ่าพิภพประมาณระดับความสูง ถ้าบินแนวนอนก็เหลือเฟือ
จินเฟยเหยาเหล่มองเขา จับจ้องจนเขาขนลุก “เอาเถอะ ตามนี้แหละ พวกเจ้าเตรียมตัวหน่อย อีกสามวันข้าจะมารับพวกเจ้า เก็บสัมภาระทั้งหมดให้เรียบร้อย ถึงเวลาอย่าบอกว่าลืมของล่ะ”
คิดไม่ถึงว่าอีกสามวันจะจากไป ราชันเผ่าพิภพรีบตอบรับ คิดถึงตนเองถือกำเนิดมาก็อยู่ในเมืองไป่เหอ ตอนนี้ต้องกลับไปยังบ้านเกิดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
จินเฟยเหยากลับมุดออกจากอุโมงค์ใต้ดิน แปะยันต์ซ่อนกายแล้วเผ่นหนี ครอบครัวราชันเผ่าพิภพมีมากเกินไป ทุกคนนอนบนพื้น ปากอุโมงค์อยู่ด้านล่างโต๊ะเพียงตัวเดียวในบ้าน คิดไม่ถึงว่า าราชันแห่งเผ่าพันธุ์หนึ่งและโลกวิญญาณใบหนึ่งจะตกต่ำจนถึงขั้นนี้ ทำให้คนรู้สึกสลดใจจริงๆ
กลางดึกในอีกสามวันต่อมา จินเฟยเหยาใช้วงเวทธรรมดาอันหนึ่งสับเปลี่ยนกับวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ จัดเก็บสิ่งของล่วงหน้าเรียบร้อย นางก็เก็บพั่งจื่อลงในถุงสัตว์ภูติ จากนั้นใส่หว วาหวั่นซีลงในถุงเฉียนคุน หลังจากติดยันต์ซ่อนกายก็แอบออกมา
ราชันเหวินให้คนมาเฝ้าไว้ทั้งกลางวันและกลางคืน ขอเพียงนางออกมาก็ไปรายงานเขา นี่เรียกว่าสิ้นเปลืองความคิดแท้ๆ น่าเสียดายที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ ได้แต่นั่งบื้อบนหลังคาเท่านั้น
จินเฟยเหยาแอบมาที่ชั้นหนึ่งและแวบเข้าไปในบ้านราชันเผ่าพิภพ ก็เห็นพวกเขาเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว ทุกคนนั่งรอนางอยู่ในบ้าน จินเฟยเหยาไม่ได้ปรากฏร่าง ทว่านำกล่องที่หลอม สร้างออกมาใบหนึ่งโยนลงบนพื้น “ถ้าหากมิใช่พวกเจ้ายังมีเด็กน้อยที่ยังดูดนมแม่ ข้ายังคิดจะใช้ห่อผ้าม้วนพาพวกเจ้าจากไป เข้าไปในกล่อง รอข้ากลับมาก็จะเข้าไปในอุโมงค์ทันที”
เห็นดวงตาของพวกเขาจ้องมองกล่องเล็กๆ ใบนั้น ดวงตาบ่งบอกชัดว่า คนมากมายขนาดนี้เข้าไปกันหมด ต้องเบียดเสียดจนสำลักแน่ จินเฟยเหยาอธิบายว่า “ออกจากอุโมงค์ใต้ดิน ข้าจะเปลี่ยนส สถานที่ให้ รับประกันว่ากว้างขวางให้พวกเจ้าอยู่ได้สบายๆ แต่ของสิ่งนั้นปริมาตรใหญ่เกินไป นำออกมาที่นี่ไม่ได้ พวกเจ้าอย่าจู้จี้เลยทนเอาหน่อย”
“พวกเราไม่ได้จู้จี้ พวกเราจะรอผู้อาวุโสอยู่ที่นี่” เรื่องมาถึงขั้นนี้ราชันเผ่าพิภพได้แต่ฝืนใจตอบรับ
ขุดอุโมงค์ใต้ดินแล้วยังต้องเข้ากล่องเล็กๆ พอเห็นก็รู้ว่าเตรียมหลบหนีเอาชีวิตรอด คนผู้นี้คงต้องไปทำเรื่องบางอย่างเสียแปดส่วน หรือคิดจะสังหารราชันเหวินทิ้ง? ที่นี่มีวง เวทใหญ่อยู่ หรือคิดจะหลอกคนไปสังหารนอกเมืองไป่เหอ จากนั้นกลับเข้าเมืองที่ไม่มีผู้ใดกล้าใช้เวทมนตร์แล้วหลบหนีออกไปทางอุโมงค์ใต้ดินอีก? ราชันเผ่าพิภพรู้สึกว่าจินเฟยเหยาขวั ญกล้าเกินไป ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่นางทำจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น คือขนเนื้อแห้งมังกรปิศาจไป
ในขณะที่พวกเขากลายเป็นหนูหลังทองกลุ่มหนึ่ง เบียดเสียดกันอยู่ในกล่องกระพริบตาปริบๆ หัวใจน้อยๆ ตึงเครียดจนเต้นอย่างสับสนขณะรอคอย จินเฟยเหยาก็มาถึงเบื้องหน้าเนื้อแห้งมังกรปิ ศาจแล้ว
“ท่านเตรียมตัวพร้อมหรือยัง ข้าจะลงมือแล้วนะ!” จินเฟยเหยาถ่ายทอดเสียงถึงมังกรปิศาจ ตอนนี้ไม่มีใครจับตาดูที่นี่ เป็นโอกาสลงมือพอดี
“ได้ เจ้ามาเลย” เสียงมังกรปิศาจห้าวลึก รอจนผ่านวันคืนมานับไม่ถ้วนในที่สุดก็สามารถไปจากที่นี่ได้
ถ้ากลับถึงโลกระดับสวรรค์แล้วคนผู้นั้นรู้ว่าตนเองหนีออกมา จะฟันตนเองอีกครั้งหรือไม่…ในช่วงเวลาสำคัญมังกรปิศาจพลันนึกถึงเรื่องนี้ได้ จึงรีบกำจัดความคิดนี้ทิ้ง ป่านนี้แล้ว วจะถูกขู่ขวัญจนถอยหลังไม่ได้ คนผู้นั้นความจำแย่ ลืมเรื่องที่เคยทำเป็นประจำ ตอนนั้นบอกว่าจะลงโทษให้ตนเองเฝ้าที่นี่แค่พันปี นี่ก็หลายพันปีแล้ว ไม่เห็นเขามาปลดปล่อยตนเองเล ลย คงลืมตนเองไปแล้วเสียแปดส่วน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พอกลับถึงโลกระดับสวรรค์ขอเพียงหลบเลี่ยงเขาสักหน่อยก็น่าจะไม่เป็นไร
จินเฟยเหยาเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วรอเพียงมังกรปิศาจนำการป้องกันออกมา รอคอยอยู่นานก็ไม่เห็นมังกรปิศาจมีปฏิกิริยาจึงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “มีอะไรหรือ?”
มังกรปิศาจได้สติคืนมา “ไม่มีอะไร จะเริ่มเดี๋ยวนี้”
เห็นบนเนื้อแห้งมังกรปิศาจสว่างวาบ การป้องกันครึ่งนั้นปรากฏออกมาอีก สิ่งนี้สมกับเป็นการป้องกันที่ร้ายกาจที่สุด ถ้าการป้องกันอื่นๆ ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งแบบนี้ คงสูญเสียประสิทธิภ ภาพไปนานแล้ว อย่างวงเวทส่งตัวพวกนั้นขอเพียงถูกทำลายเสียหายเล็กน้อยก็จะใช้การไม่ได้ทันที
“ไป!” เห็นการป้องกันปรากฏออกมา จินเฟยเหยาก็รวมทงเทียนหรูอี้สองชิ้นเป็นหนึ่งเดียวกลายเป็นดาบยาวแบนกว้างยาวสิบกว่าจั้งเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นทงเทียนหรูอี้ก็ลอย วูบไป ตัดการป้องกันที่ติดบนเนื้อแห้งลงมา
ดาบบินผ่านเนื้อร่วงหล่น การป้องกันถูกปอกลงมาราวกับเปลือกกล้วยหอม ส่วนร่างของจินเฟยเหยาส่ายไหว ปราณปิศาจสีดำและปราณวิญญาณทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง กลายร่างเป็นเทาเที่ยทันที นางอ้าปากกว้างกลืนเนื้อแห้งที่ตัดมาลงไปทั้งหมด
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด การที่เนื้อแห้งมังกรเทพสว่างขึ้นกลางดึกคืนวันที่หนึ่งและสิบห้าถูกคนเผ่าปิศาจช่างสังเกตรอบด้านพบเห็นแล้ว ตอนแรกนึกว่ามีเรื่องอะไร ทว่าหลังจากเวลาน นานไปก็กลายเป็นเคยชิน ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้า เผ่าทะเลที่เชื่อในเนื้อมังกรเทพก็จะกราบไหว้เนื้อมังกรเทพที่มีแสงการป้องกันกระพริบอยู่ข้างหน้าต่างบ้านตนเองแต่ไกล
ทว่าวันนี้ พวกเขาทุกคนมองเหนือเมืองอย่างปากอ้าตาค้าง ที่นั่นปรากฏสัตว์ปิศาจขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง ส่วนเนื้อมังกรเทพถูกแสงสีขาวสายหนึ่งวาบผ่าน ส่วนที่มีการป้องกันถึงกับถูกตัด ลงมาทั้งหมด จากนั้นก็เห็นสัตว์ปิศาจตัวนั้นกินเนื้อแห้งมังกรเทพที่มีการป้องกันหมดในคำเดียว
“อา!” หลังจากพวกเขาตกตะลึง พลันมีปฏิกิริยา ในท้องฟ้ายามราตรีอันเงียบสงบพลันมีเสียงร้องอุทานตกใจจำนวนมากดังมาและตามด้วยเสียงคำรามด้วยโทสะทันที “มังกรเทพถูกคนกินหมดแล้ว!”
รู้ว่าความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ย่อมต้องถูกคนพบเห็น จินเฟยเหยาไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นมากนัก เนื่องจากตนเองมองเห็นพื้นที่ว่างรอบด้านเริ่มบิดเบี้ยว นี่คือเวทมนตร์ปกป้องตนเอง งของวงเวทใหญ่ซึ่งจะบดขยี้นางจนเป็นเนื้อสับเหมือนที่ลงมือจัดการเผ่ามนุษย์ในวันนั้น
จินเฟยเหยาไม่ได้เคลื่อนไหววุ่นวาย มังกรปิศาจเคยสั่งนางไว้ว่าอย่าวิ่งวุ่น รอจนมันสยบการลงโทษของวงเวทใหญ่เอาไว้จากนั้นก็สามารถเก็บกายเนื้อจากไปได้ นางรอคอยอย่างเงียบๆ สามารถมองเห็นเผ่าปิศาจจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในเมือง พวกเขากำลังมาที่นี่
พื้นที่ว่างบิดเบี้ยวรุนแรงมากขึ้น ทันใดนั้น การบิดเบี้ยวก็หยุดลง จากนั้นก็ถูกทำลายกลายเป็นความว่างเปล่า ในเวลานี้เอง มีลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเนื้อแห้งมังกรปิศาจเข้าหาจิน เฟยเหยา นางอ้าปากกว้าง ลำแสงสายนั้นร่วงลงในปาก จากนั้นนางเปลี่ยนจากร่างเทาเที่ยกลับคืนร่างเดิมทันที นำถุงเฉียนคุนออกมาแล้วเก็บเนื้อมังกรทั้งหมด
นำยันต์ซ่อนกายติดลงบนร่าง จินเฟยเหยาเหาะข้ามถนนด้านล่างที่มีคนมากมายและรีบไปยังที่อยู่ของราชันเผ่าพิภพอย่างรวดเร็ว
คนจำนวนนับไม่ถ้วนเห็นขั้นตอนการเปลี่ยนร่างของนาง ถึงคนเผ่าปิศาจส่วนมากจะไม่รู้ว่าสูญเสียเนื้อมังกรเทพไปจะเป็นเช่นไร ทว่าการขโมยสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ก็ปลุกเร้าโทสะของทุกคน ขึ้น รอบด้านมีเสียงตะโกนดังตามมา การรับรู้แต่ละสายกวาดไปทั่วทั้งเมืองไป่เหออย่างบ้าคลั่ง จินเฟยหยารู้สึกว่าบนร่างมีการรับรู้กวาดผ่านไม่หยุด
จากนั้นได้ยินคนตวาดด้วยโทสะ “จินเฟยเหยา! เจ้าเผ่าปิศาจสารเลว!” ไม่ต้องหันหน้าไป จินเฟยเหยาก็รู้ว่าใครมา เจ้าโง่ราชันเหวินนั่นเอง
“ชิ!” นางส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ ยันต์ซ่อนกายต้านทานการรับรู้ของผู้บำเพ็ญเซียนระดับสูงไม่ได้ ได้แต่โทษว่าระดับขั้นของยันต์ต่ำเกินไป หากมิใช่ใช้การรับรู้แล้วต้องนั่งสม มาธิฟื้นฟู ทุกคนใช้ได้ไม่นาน จินเฟยเหยาคงหนีออกมาทางหน้าต่างภายใต้หนังตาของราชันเหวินทั้งวันไม่ได้
ในเมื่อปิดบังไม่อยู่ก็ไม่ต้องใช้ยันต์ซ่อนกายแล้ว จินเฟยเหยาใช้ออกด้วยเวทหนีไฟนรก ร่างปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้นกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำสายหนึ่งพุ่งไปยังบ้านเปลือกหอยท ที่ตนเองอาศัยอยู่
“ขวางนางไว้! นางเป็นสายลับของเผ่ามนุษย์!” ราชันเหวินไล่ตามพลางร้องตะโกน
เวลานี้วิธีที่ดีที่สุดคือปลุกความโกรธแค้นเผ่าพันธุ์ของทุกคน เผ่าปิศาจที่เดิมทียังลังเลอยู่บ้างต่างล้อมนางไว้ ทว่าเผ่าปิศาจทุกคนเกรงกลัวผลกระทบจากวงเวทใหญ่ ไม่กล้าลงมือจู โจมนางวุ่นวาย เรียกว่าจินเฟยเหยาได้เปรียบไม่น้อย
นางก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์ มังกรเทพบอกว่าวงเวทนี้ไม่มีมันก็มีศิลาวิญญาณค้ำจุนไว้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ตนเองสามารถใช้เวทหลบหนีได้ แต่ถ้าโจมตีเผ่าปิศาจอื่นๆ เกรงว่าคงเกิดเรื่อง ขึ้น
ในเวลานี้เอง กลางอากาศพลันปรากฏอานุภาพกดดันอันแข็งแกร่งขุมหนึ่ง จินเฟยเหยาตกใจ “ราชันสุ่ยจวินมาแล้ว!” บ้านเปลือกหอยอยู่ไม่ไกล แค่ไม่กี่อึดใจก็สามารถไปถึงที่นั่นได้