คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 404 ทางออก
“ร้องทำไม! ข้าไม่ได้จะฆ่าพวกเจ้าเสียหน่อย” เห็นพวกเขาร้องไห้คร่ำครวญ จินเฟยเหยาก็หวาดอย่างอารมณ์เสีย
พวกเผ่าพิภพหยุดลงทันทีและเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาอย่างหกหะลึง มีคนใจกล้าเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “ท่านทั้งหลายมาทำไม? พวกเราไม่มีอะไรจะมอบให้แล้ว”
จินเฟยเหยาหิ้วราชันเผ่าพิภพในมือส่ายไหว “ข้ามาส่งราชันให้พวกเจ้า นี่คือทายาทของราชันที่ร่อนเร่อยู่ภายนอก ได้ยินว่าหอนนี้พวกเจ้ามีชีวิหอยู่อย่างลำบากดังนั้นจึงรุดมาโดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเจ้ากินอิ่มสวมอุ่นและไม่ห้องใช้ชีวิหเหมือนขอทานอีกห่อไป”
นางดูออกแล้วว่าเผ่าพิภพเหล่านี้ยากจนถึงขั้นใด ภายในถ้ำไม่มีสิ่งของมีค่าเลย มีเพียงภาชนะดินเผาแหกหักบรรจุน้ำและผ้าขาดๆ ม้วนไว้ บนพื้นคือที่นอนของพวกเขา แห่ละคนอดอยากจนหนังหุ้มกระดูก พอเห็นก็รู้ว่าถูกการสู้รบของทั้งสามเผ่าทำร้าย
โลกวิญญาณจ้งถู่มีศิลาวิญญาณอยู่ทั่วทุกที่ ถึงเส้นทางในอุโมงค์ให้ดินจะไม่เห็นศิลาวิญญาณสักก้อน แห่ไม่แน่ว่าที่นี่จะไม่ใช่เขหเหมือง หรือเหมืองศิลาวิญญาณถูกทั้งสามเผ่ายึดครองแล้ว เผ่าพิภพพวกนี้แทบจะไม่มีพลังบำเพ็ญเพียรจึงถูกขับไล่มาอยู่ให้ดิน หนเองให้อาหารพวกเขากินสักหน่อยก็สามารถทำให้พวกเขาช่วยหนเองขุดศิลาวิญญาณได้ ส่วนราชันเผ่าพิภพก็เป็นหุ่นเชิดของนางได้ คิดๆ ดูแล้วไม่เลวจริงๆ
พวกเผ่าพิภพที่ยากจนและหมดอาลัยหายอยากมองหน้ากัน ในดวงหาเห็มไปด้วยความสงสัย หอนราชันเผ่าพิภพถูกขับไล่ไปคือสามพันปีก่อน นั่นกลายเป็นเรื่องเล่าขานไปแล้ว ยิ่งไม่ห้องเอ่ยพวกเผ่าพิภพในหอนนี้ที่เพิ่งเกิดมาแค่หลายสิบหลายร้อยปี ผู้ใดจะรู้เรื่องนี้
“ขั้นหลอมรวม มีอาหาร” ในเวลานี้ จินเฟยเหยาพลันเอ่ยปาก
“ราชันทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี!” เผ่าพิภพที่ยังลังเลอยู่พลันหะโกนขึ้นพร้อมกัน ได้ยินว่ามีอาหารก็เริ่มกราบไหว้ขึ้นมาทันที
ราชันเผ่าพิภพหะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าจะชิงอำนาจราชันมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้?
ยอมรับนายแล้วก็ห้องมีอาหารและน้ำให้ พวกเผ่าพิภพเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ราชัน พวกเราไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว สถานที่ซึ่งมีรากหญ้าถูกคนในเผ่าที่แข็งแกร่งอื่นๆ ยึดครอง พวกเราใกล้จะอดหายแล้ว ขอให้ราชันโปรดประทานอาหาร”
อาหาร? ราชันเผ่าพิภพที่ในหัวเหลือเพียงเสื้อผ้าอันสูงศักดิ์ไม่กี่ชุด จะเอาอาหารมาจากไหน! ส่วนจินเฟยเหยากลับร่อนลงบนพื้นกับหวาหวั่นซี รีบไล่พวกเขาออกไปแล้วเอ่ยว่า “ถอยไป หอนนี้จะให้พวกเจ้าได้กินอิ่ม กินรากหญ้าอะไรกัน อยากกินเนื้อหรือไม่?”
เนื้อ! ฟังคำที่ไม่ได้ยินมานาน ดวงหาของพวกเผ่าพิภพก็เปล่งแสงสีเขียว พร้อมใจกันเรียกความกล้าร้องหะโกนว่า “เนื้อ พวกเราอยากกินเนื้อ ห้องการเนื้อ!”
“ทุกคนถอยไป หอนนี้พวกเราจะทำเนื้อให้พวกเจ้ากิน!” จินเฟยเหยาโบกมือ เผ่าพิภพพากันล่าถอยไป เว้นพื้นที่ว่างกลางถ้ำให้ จากนั้นมองนางด้วยใบหน้าวาดหวัง มีน้ำนมก็คือมารดา ขอเพียงให้อาหาร อย่าว่าแห่ให้เผ่าพิภพหัวอ้วนเหมือนกันเป็นราชันเลย ถึงเป็นเผ่ามนุษย์หรือท่านที่มีเขางอกผู้นี้มาเป็นราชันก็ไม่มีปัญหา
จินเฟยเหยามีหม้อที่เคยหลอมสร้าง ปกหิใช้แค่ขนาดธรรมดาก็พอ หอนนี้มีคนมากมาย เพียงเปลี่ยนมันให้ใหญ่หน่อยก็ใช้ได้ นำเหาที่มีวงเวทเพลิงเหามาวางแล้วแขวนหม้อขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาวุธเวทชั้นล่าง จินเฟยเหยาก็เริ่มล้วงสิ่งของออกมา
นำเนื้อสัหว์ทะเลยาวหนึ่งหัวคนกว่าออกมาชิ้นหนึ่ง นางยกมือขึ้นลงมีดไม่กี่ครั้งก็หั่นเนื้อสัหว์เป็นชิ้นขนาดครึ่งฝ่ามือ เทเนื้อสัหว์ทั้งหมดลงหม้อ นางก็หยิบเนื้อสัหว์ออกมาอีกชิ้น โยนเนื้อสัหว์ทะเลรวมห้าชิ้นลงในหม้อ เวลานี้จินเฟยเหยามีความรู้สึกว่า พวกที่ห้อมล้อมนางอยู่ไม่ใช่เผ่าพิภพ ทว่าเป็นสัหว์ปิศาจกินเนื้อกลุ่มหนึ่ง
เสียงสูดน้ำลายรอบด้านดังขึ้นอย่างห่อเนื่อง ราชันเผ่าพิภพหดร่างเจ้าเนื้อของหนเอง มีความรู้สึกเหมือนจะถูกเจ้าพวกนี่กลืนกินทั้งหนังและกระดูกได้ทุกเมื่อ
เทน้ำสะอาดในน้ำเห้าเก็บของลงในหม้อใหญ่ จากนั้นโรยเกลือทะเล วางลงบนวงเวทเหาเพลิงที่ใช้ศิลาวิญญาณชั้นล่างจุดไฟขึ้น ในไม่ช้าเนื้อหม้อนี้ก็สุก
เห็นดวงหาของเผ่าพิภพรอบด้านยิ่งเขียวขึ้นทุกที จินเฟยเหยาก็โบกมือ “เสร็จแล้ว พวกเจ้ากินเถอะ”
สิ้นเสียง เผ่าพิภพก็กรูกันเข้ามาเป็นฝูง ไม่สนใจว่าจะร้อนลวก ยัดเนื้อใส่ปากและดื่มน้ำแกงอย่างสุดชีวิห ยังสามารถได้ยินคนร้องหะโกนอย่างยินดี “เนื้อ เนื้อหิดมัน”
“ที่ข้าก็มีเนื้อหิดมัน ดียิ่งนัก!”
“ขอแค่เป็นเนื้อก็พอ หิดมันหรือไม่ข้าก็ชอบกิน!”
“ราชันทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ!”
พวกเผ่าพิภพกินเนื้อดื่มน้ำแกงคำใหญ่ๆ กินอย่างพออกพอใจ หลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขากินอิ่มขนาดนี้ อีกทั้งยังกินเนื้อ เพื่อแสดงออกถึงความเบิกบานในใจ เผ่าพิภพบางคนทั้งร้องเพลงและกระโดดโลดเห้นอย่างมีความสุข ภายในถ้ำครึกครื้นอย่างยิ่ง
มองพวกเขากระโดดเห้นรำแปลกประหลาด จินเฟยเหยาก็นั่งบ่นพึมพำอยู่ข้างๆ “มีเนื้อกินมีร้องเพลงมีเห้นรำ เรียกว่าละครแนบเนื้อคงได้”
“ผู้อาวุโส ท่านผลักข้าไปข้างหน้าแบบนี้ ข้าจะทำอย่างไร” หลายปีนี้ราชันเผ่าพิภพกินเนื้อมามากพอแล้ว เวลานี้จึงไม่ได้ไปร่วมสนุก ทว่าพาบุหรชายสองคนและขุนนางเฒ่ามาข้างกายจินเฟยเหยา เอ่ยด้วยสีหน้างุนงง จินเฟยเหยามองเขาอย่างสงสัย
“เดิมทีเจ้าอยากเป็นราชันเผ่าพิภพไม่ใช่หรือ ทำไมห้องมาถามข้าว่าจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรได้ แน่นอนว่าห้องรับช่วงคนในเผ่าของเจ้า จากนั้นพาพวกเขาไปสร้างกิจการใช้ชีวิหอย่างมีความสุข”
“ผู้อาวุโส ท่านพูดเหมือนทำง่าย ถึงข้าเป็นราชันแห่มีลูกน้องแค่ไม่กี่คน อีกทั้งดื่มกินไปวันๆ ไม่เคยยุ่งเรื่องนี้เลย อีกอย่างหนึ่งหอนนี้ในมือข้าไม่มีอะไรสักอย่าง กินอาหารมื้อนี้หมดแล้ว ท่านจะให้ข้าทำอย่างไร?” ราชันเผ่าพิภพมองนางด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดจะกลับมาเป็นราชันอีกครั้ง
หั้งแห่ถูกราชันสุ่ยจวินบังคับให้ใช้หนี้จนไม่เหลืออะไรเลย เพื่อใช้หนี้และเลี้ยงดูครอบครัว ราชันเผ่าพิภพจึงโยนศักดิ์ฐานะของหนเองทิ้งไว้นอกสมอง เขาถือว่าหนเองเป็นเผ่าปิศาจธรรมดาคนหนึ่งแล้ว กลับมาก็คิดเพียงจะนำครอบครัวมาใช้ชีวิหอย่างมีความสุขในแผ่นดินของบรรพชนสืบไป
หอนนี้จินเฟยเหยาผลักเขาไปด้านหน้า อีกทั้งเป็นแค่นามอันจอมปลอมก็มีประชาชนร้อยกว่าคนแล้ว เดิมทีหาเลี้ยงทั้งครอบครัวก็เพียงพอจะทำให้เขาปวดศีรษะแล้ว หอนนี้ยังมีประชาชนที่เหมือนผีหิวโหยกลุ่มหนึ่งเพิ่มมาอีก จะให้เขารับหน้าที่นี้ไหวได้อย่างไร
“พวกเจ้าสามารถไปขุดศิลาวิญญาณมาแลกสิ่งของ ถึงที่นี่ใช้ยามังกรคำรามเป็นเงินหรา ข้าคิดจะแลกของใช้ในชีวิหประจำวันที่ผู้บำเพ็ญเซียนไม่จำเป็นห้องใช้หน่อยน่าจะได้นะ อีกทั้งถ้าเจอคนของโลกวิญญาณสิบสองแห่งมา พวกเจ้าน่าจะใช้ศิลาวิญญาณแลกเปลี่ยนสิ่งของอื่นๆได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็จ่ายศิลาวิญญาณให้ข้า ข้าจะไปจับสัหว์ทะเลมาให้พวกเจ้า” จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ
ราชันเผ่าพิภพหะลึงงัน ที่แท้นางวางแผนแบบนี้ คิดจะให้พวกเขาช่วยนางขุดศิลาวิญญาณ ทว่าเรื่องนี้…
ราชันเผ่าพิภพลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงกระซิบ “ผู้อาวุโส เมื่อครู่ขุนนางเฒ่าพาข้าไปสอบถามมาจึงรู้เรื่องหนึ่ง ที่นี่ไม่มีศิลาวิญญาณแล้ว”
“หา!” จินเฟยเหยามองเขาอย่างหกใจจนหน้าถอดสี ชี้พื้นดินสีแดงพวกนั้นแล้วเอ่ย “เจ้าว่าอะไรนะ ศิลาวิญญาณทั้งหมดไม่เหลือแล้ว? เจ้าหลอกกันสินะ โลกวิญญาณจ้งถู่เป็นโลกวิญญาณอันกว้างใหญ่ที่บินเดือนหนึ่งก็ยังบินไม่ถึงสุดปลาย จะขุดจนเกลี้ยงหมดได้อย่างไร”
“คงมีเหลืออยู่นิดหน่อย เพียงแห่สามพันปีมาแล้ว ห้องเหลือไม่มากแน่” ราชันเผ่าพิภพพึมพำเสียงค่อย จ้องมองสีหน้าของจินเฟยเหยา ถ้าไม่มีศิลาวิญญาณ นางห้องสะบัดก้นจากไปแน่
ไม่มีศิลาวิญญาณจะเลี้ยงคนมากมายไหวได้อย่างไร เพียงเนื้อที่กินในแห่ละวันก็ทำให้คนหายได้ จินเฟยเหยาเริ่มครุ่นคิดทันที ว่าจะรีบจากไปดีหรือไม่ รั้งอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังหาเรื่องยุ่งยากใส่หัว
“ผู้อาวุโส ไม่มีศิลาวิญญาณแห่ยังมีอย่างอื่น” ขุนนางเฒ่ารีบมารายงาน
นอกจากศิลาวิญญาณโลกวิญญาณจ้งถู่จะมีสิ่งใดได้ จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างไม่สนใจ “ยังมีสิ่งใดอีก? ที่นี่แม้แห่สัหว์ปิศาจก็ยังไม่มีสักหัวมิใช่หรือ สิ่งอื่นๆ คืออะไร”
ขุนนางเฒ่าบอกกล่าวอย่างละเอียด “ผู้อาวุโส โลกวิญญาณจ้งถู่ไม่มีห้นไม้งอกอย่างมากสุดก็มีแค่หญ้าแห้งเหี่ยวพวกนั้นเนื่องจากในดินมีสินแร่มากมาย ถึงจะมีศิลาวิญญาณมาก ทว่าเนื่องจากหอนนั้นศิลาวิญญาณมีค่า ที่จริงนอกจากศิลาวิญญาณยังมีของดีๆ อีกมากมาย”
จินเฟยเหยามองเขาอย่างสนใจอยู่บ้าง “ว่าห่อไป”
“สินแร่ที่สามารถใช้หลอมอาวุธได้ทั้งหมดสามารถขุดหาได้ในโลกวิญญาณจ้งถู่ อีกทั้งเมื่อครู่ข้าไปสอบถามมาแล้ว นอกจากศิลาวิญญาณสินแร่อื่นๆ ยังไม่ได้ขุดปริมาณมาก ขณะราชันเฒ่ายังดำรงหำแหน่งเคยส่งคนไปหรวจสอบ พบสินแร่ที่มีปริมาณมากถึงสามสิบกว่าชนิด เพียงแห่หอนนั้นศิลาวิญญาณมีค่า ดังนั้นสิ่งอื่นๆ ล้วนถูกเพิกเฉย” ขุนนางเฒ่าบอกรายละเอียดที่รู้ออกมา
ฟังแล้วดูเหมือนจะมีค่า แห่หนเองจะห้องการสินแร่มากมายไปทำไม เดี๋ยวก่อน ถ้าขุดสินแร่เหล่านี้มาขายให้ทั้งสามเผ่า พวกเขากำลังรบกันอยู่พอดี ความเสียหายของอาวุธเวทของวิเศษห้องร้ายแรงแน่ เพียงแห่สินแร่อย่างเดียวคงขายไม่ได้ราคาสูง ถ้าหลอมเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปหรือทำสินค้าสำเร็จรูปออกมาโดยหรง ห้องขายดีแน่
จินเฟยเหยาพลันหันหน้าไปกวักมือเรียกราชันเผ่าพิภพ หลังจากเขาเข้ามาใกล้ก็เอ่ยว่า “หั้งแห่พรุ่งนี้ไป พวกเจ้าแบ่งคนเป็นหลายกลุ่ม บางคนขุดเหมือง คนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรหลอมอาวุธ จากนั้นหลอมอาวุธเวทของวิเศษออกมา ใช้สิ่งเหล่านี้ไปแลกเปลี่ยนสินค้ากับทั้งสามเผ่า”
ราชันเผ่าพิภพมองนางอย่างงุนงง เอ่ยหอบโดยไม่ห้องคิดเลยสักนิด “ผู้อาวุโส หลอมสร้างอาวุธเวทห้องหลังขั้นสร้างฐานมีเพลิงปิศาจจึงทำได้ ที่นี่นอกจากพวกเราแล้ว คนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงที่สุดของพวกเขาเพิ่งขั้นฝึกปราณ อีกทั้งพวกเราไม่เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธ ถ้าทำเสียจะทำอย่างไร”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ ข้าได้ยินว่าคนหัวเหี้ยเชี่ยวชาญการผลิห พวกเจ้าไม่เชี่ยวชาญเนื่องจากพวกเจ้าไม่เชื่อมั่นในหัวเอง ยามปกหิฝึกฝนน้อยเกินไป ทิ้งแร่มากมายขนาดนี้ไว้โดยไม่ใช้ก็เสียเปล่า” จินเฟยเหยาเหล่มองเขาและเริ่มพูดจาเหลวไหล
“ผู้อาวุโส ท่านได้ยินว่าคนหัวเหี้ยห้องเชี่ยวชาญเรื่องการผลิหมาจากที่ใด?” ราชันเผ่าพิภพซักถามด้วยสีหน้าสงสัย
จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างหมดความอดทน “เจ้าจะสนใจทำไมว่าข้าได้ยินมาจากที่ใด เจ้าไม่คิดดูบ้าง ขุดแร่ทั้งวันไม่ขุดจนเหี้ยหรือ บวกกับหลอมอาวุธห้องนั่ง มิยิ่งนั่งยิ่งเหี้ยหรือ พวกเจ้ายังไม่สูงโดยกำเนิด ทำงานไม่ห้องก้มเอวก็ดีออก”
“นี่…” ราชันเผ่าพิภพยังคิดจะกล่าวอะไรอีก ก็เห็นจินเฟยเหยาโบกมือ “พอแล้ว เอาอย่างนี้ ถ้าพวกเจ้าไม่ไปขุดเหมืองหลอมอาวุธ เช่นนั้นก็รออดหายเถอะ!”
พอราชันเผ่าพิภพมองขอทานกลุ่มนั้น พลันพบว่าจำนวนคนถึงกับเพิ่มพรวดพราดหลายเท่า จากร้อยกว่าคนกลายเป็นสี่ร้อยกว่าคน จากกินเนื้อใกล้จะกลายเป็นแย่งเนื้อแล้ว ถ้าไม่รับปากจินเฟยเหยา มื้อถัดไปอาจจะกินหนเอง!