คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 405 สยบราบคาบ
จินเฟยเหยาก็สังเกตเห็นสภาพการณ์นี้ ไม่รู้ว่ามีเผ่าพิภพในเสื้อผ้ากะรุ่งกะริ่งกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด พวกเขามีสีหน้าละโมบอาหาร พยายามเบียดเข้าไปข้างหม้อ คิดจะแย่งเศษน้ำแ แกงที่เหลือมากิน
“นี่คือเวลาแสดงอานุภาพแห่งราชันของเจ้า อาศัยพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าต้องสยบพวกเขาได้แน่ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะจัดการไม่ได้ เจ้ายังมีขุนนางเฒ่ามิใช่หรือ พวกเขามีประสบการณ์มากกว่า เจ้า รีบไปจัดการแก้ปัญหาเสีย!” จินเฟยเหยาใช้มือผลักราชันเผ่าพิภพให้เขารีบไปจัดการเรื่องนี้ เอะอะโวยวายน่ารำคาญแทบตายแล้ว
ราชันเผ่าพิภพฝืนใจลากขุนนางเฒ่าวิ่งไปยังฝูงจลาจล ภายใต้การชี้แนะของขุนนางเฒ่า อานุภาพกดดันของขั้นหลอมรวมของเขาจึงปลดปล่อยออกมา เผ่าพิภพส่วนมากเป็นประชาชนผู้อดอยากที่ไม่มี พลังบำเพ็ญเพียร เดิมทีก็หิวท้องกิ่วไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้ว ถูกอานุภาพกดดันของเขาเข้าไป สองในสามส่วนก็ล้มลงกับพื้นทันที
จากนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไป เอ่ยด้วยสีหน้าข่มขู่ “ข้าชื่ออี้ถู่ ตอนนี้เป็นราชันเผ่าพิภพของโลกวิญญาณจ้งถู่ ถ้าพวกเจ้ายอมรับข้าเป็นราชัน พวกเจ้าก็คือประชาชนของข้า ข้าย่อม มรับประกันว่าจะให้พวกเจ้ากินอิ่มสวมอุ่น แต่ถ้าไม่ยอมรับ ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ พวกเจ้าสามารถหนีเอาชีวิตรอดเองได้ แต่ถ้ากล้าเข้ามาแย่งชิงอาหารในพื้นที่ของข้า ข้าจะให้ พวกเจ้ามาได้กลับไม่ได้”
“ที่จริงแค่ด้านรูปร่างของเขาก็สามารถเป็นราชันได้แล้ว” หวาหวั่นซีเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน
จินเฟยเหยามองนางอย่างตกใจ “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะพูดเล่นเป็นด้วย”
“ข้าไม่ได้พูดเล่นเสียหน่อย ข้าจริงจังนะ” หวาหวั่นซีกลอกตาใส่นาง ตนเองพูดจาอย่างจริงจังชัดๆ เหตุใดต้องถูกนางล้อเลียนด้วย
“ไม่ว่าเจ้าจะพูดเล่นหรือไม่ ตอนนี้ต้องรีบนำเนื้อออกมาก่อน ใช้เพียงการกดดันสยบทุกคนไม่ได้หรอก ต้องมีผลประโยชน์ด้วย” จินเฟยเหยายิ้ม นำเนื้อสัตว์ทะเลออกมาชิ้นหนึ่งโยนใส่ในหม้ อ
สายตาของเผ่าพิภพที่มาภายหลังจับจ้องเนื้อสัตว์ทะเลในหม้อ แลเห็นหนึ่งชิ้น สองชิ้น สามชิ้น สี่ชิ้น… เนื้อถูกโยนลงในหม้อไม่ขาดสาย ในที่สุดก็ทนไม่ไหว พวกเขากราบกรานอยู่ใต้เท้ าของอี้ถู่ ร่ำร้องเสียงดังว่าราชันทรงพระเจริญหมื่นปี
“พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกัน มีส่วนของทุกคน ทุกคนต่อแถวรอคอย” ขุนนางเฒ่าเดินไปข้างหน้าตะโกนเสียงดัง ให้พวกเขาต่อแถวดีๆ ถ้าเจอคนไม่เชื่อฟัง คิดจะเข้ามาแย่งเนื้อสัตว์ก็จะใช้ไม้เท้าใ ในมือฟาดไป ฟาดอยู่หลายครั้งในที่สุดก็ทำให้คนยอมต่อแถวแต่โดยดี
จากนั้นก็หั่นเนื้อต้มเนื้ออีก กลิ่นหอมลอยกำจายในถ้ำ แล้วก็เป็นภาพซดน้ำและกินอย่างดุเดือดอีกครั้ง
จินเฟยเหยานั่งมองอยู่ข้างๆ กระดิกนิ้วเรียกเผ่าพิภพที่กินอิ่มกลุ่มแรกสุดให้พวกเขาส่งคนผู้หนึ่งออกมา นี่เป็นโอกาสดี เผ่าพิภพขั้นฝึกปราณคนหนึ่งวิ่งมาทันที เอ่ยอย่างหวา าดกลัวจนตัวสั่น “ถู่เอ้อร์คารวะผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีเรื่องใดจะสั่งการ”
“เล่าสภาพโดยรอบของพวกเจ้าให้ข้าฟัง ตอนนี้เผ่าพิภพยังมีชีวิตอยู่มากเพียงใด ทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ใด มีเผ่าพิภพที่มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงส่งหรือไม่?” จินเฟยเหยาสาดคำถามใส่โครมๆ
ที่แท้แค่สอบถามสภาพการณ์ ถู่เอ้อร์จึงแนะนำสภาพการณ์ของเผ่าพิภพแห่งโลกวิญญาณจ้งถู่ในยามนี้ รู้จากถู่เอ้อร์ว่า เผ่าพิภพที่ยังมีชีวิตอยู่ในเวลานี้เกรงว่ายังมีอยู่หลายหมื่นค คน ถึงจะขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ทว่าพวกเขาให้กำเนิดออกมามากมาย อดอยากจนหนังหุ้มกระดูกยังไม่ลืมให้กำเนิดเด็กน้อย ดังนั้นจึงยังมีอยู่มากขนาดนี้ ทว่าก็เทียบกับเมื่อก่อนไม่ไ ได้เลย โลกวิญญาณจ้งถู่ในอดีต เพียงแค่จำนวนหนูหลังทองก็มีมากว่าสามสิบล้านตัว เผ่าพิภพอื่นๆ ก็มีปริมาณมหาศาล ในอดีตทั้งหมดถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองที่ดินดูแลจัดการพื้นที่ แห่งหนึ่ง ในอดีตทุกคนจึงอยู่ดีมีสุข
แต่ตอนนี้แทบจะไม่มีทางอยู่รอด ผู้บำเพ็ญเซียนของทั้งสามเผ่าต่อสู้กันบนผิวดินโลกวิญญาณจ้งถู่ไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังชิงเมืองใต้ดินของเผ่าพิภพแต่ละเผ่าไปเป็นค่าย เผ่าพิภพทั้ งหมดในตอนนี้อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มๆ ตามเครือญาติเป็นหลัก ที่มากมีนับพันคน ที่น้อยมีร้อยกว่าคน กระจายกันอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินแต่ละสาย
ด้วยตำแหน่งที่อยู่ในตอนนี้ รอบด้านมีตระกูลใหญ่น้อยยี่สิบหกตระกูล เมื่อครู่พวกที่ถูกกลิ่นเนื้อดึงดูดมา คือตระกูลหนึ่งที่อาศัยอยู่โดยรอบ ถ้ายี่สิบหกตระกูลรวมกันก็มีเกือบหนึ งหมื่นคน
“หนึ่งหมื่นคน ยากจนมากทุกคนหรือ?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามราวกับคิดอะไรบางอย่าง
ถู่เอ้อร์พยักหน้า “โดยพื้นฐานแล้วเผ่าพิภพในตอนนี้ไม่มีอำนาจอะไร สามเผ่าเปิดศึก ไม่ถือว่าเผ่าพิภพมีความสามารถในการสู้รบ เผ่าปิศาจก็เพิกเฉยพวกเรา บางครั้งพวกเรายังสามารถขออาหา ารจากค่ายของพวกเขาได้ อย่างพวกเราที่อาศัยอยู่ริมทะเลจะดีหน่อยยังสามารถลงทะเลหาอาหารได้ ลึกเข้าไปในแผ่นดินแทบจะไม่มีเผ่าพิภพอยู่เลย ที่นั่นมีเพียงรากหญ้าให้กิน อีกทั้งยั งมีคนของเผ่ามารและเผ่ามนุษย์จำนวนไม่น้อย”
จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกเจ้าจะอยู่ต่อไปอย่างไร อย่างคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรยังทนได้ คนขั้นสร้างฐานสามารถอดอาหารได้ เผ่าพิภพธรรมดาที่ไม่มีพลังบำเพ็ญเพียรพวกนี จะทำอย่างไร? หรือว่ากินรากหญ้าพวกนี้แล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อีกทั้งยังสามารถให้กำเนิดเด็กน้อยมากมาย?”
“ก่อนหน้านี้พวกเราใช้เหมืองศิลาวิญญาณแลกสิ่งของกับผู้อื่น บางครั้งถ้ามีคนเสนออาหารให้ก็จะช่วยคนผู้นั้นขุดเหมือง ถึงจะอยู่อย่างยากจนและลำบากแต่ก็สามารถกินอิ่มท้อง ทว่าตอน นนี้รบกัน ไม่มีใครขุดเหมือง ดังนั้นจึงได้แต่แทะรากหญ้า บางครั้งพวกเราหิวสุดๆ ก็เอาดินมากิน” ถู่เอ้อร์ส่ายศีรษะ ถ้าไม่รบกันก็ดีสิ ตนเองจะได้ขุดถ้ำแห่งหนึ่งอาศัย ตั้งใจฝึกบ บำเพ็ญ
“พวกเจ้าอยู่อย่างน่าสมเพชเกินไปแล้ว” จินเฟยเหยาหมดวาจาโดยสิ้นเชิง เป็นสิ่งของของตนเองชัดๆ สุดท้ายกลับขุดออกมาให้คนอื่นเพียงเพื่อแลกกับอาหาร
จินเฟยเหยาไม่เข้าใจอย่างยิ่ง เรื่องนี้มีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงอยู่แบบนี้ หรือว่าไม่มีใครจัดระเบียบ จัดการทรัพยากรเหมืองของทั้งโลกวิญญาณ ต้องการสิ่งของต้องใช้ยาม มังกรคำรามหรือสิ่งอื่นๆ แลกเปลี่ยน ไม่ใช่ให้อาหารก็ต้องลงมือขุดออกมาส่งมอบให้พวกเขา
ดังนั้นนางจึงถามว่า “ราชันของเผ่าพิภพล่ะ? เผ่าพิภพที่มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงส่งพวกนั้น ข้าไม่เชื่อว่าที่นี่จะไม่มีเผ่าพิภพขั้นหลอมรวมสักคน”
“ไม่มี คนขั้นสร้างฐานขึ้นไปหากไม่ไปจากโลกวิญญาณจ้งถู่ก็ถูกฆ่าตายตอนสู้รบ” ถู่เอ้อร์ส่ายศีรษะ “อีกทั้งพวกเรายังไม่มีราชันอะไร ได้ยินว่าก่อนหน้านี้มีเผ่าราชันแต่ถูกขับไล่ไปแ แล้ว ดังนั้นทุกคนต่างต้องดูแลตนเอง อยู่กันเป็นตระกูล ระหว่างตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกัน”
“ทรายที่กระจัดกระจาย[1]! พวกเจ้าน่าจะคุ้นเคยกับตระกูลเหล่านั้นดีสินะ ไปเลือกคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรมาให้ข้าแล้วพามาที่นี่ทั้งหมด ข้ามีเรื่องจะให้พวกเจ้าไปทำ” จินเฟยเหยาเบ้ ปาก ตระกูลเล็กๆ ร้อยกว่าคนแต่ละตระกูลจะมีประโยชน์อะไร ตระกูลเล็กๆ ต้องอยู่ภายใต้การปกป้องของอำนาจอันยิ่งใหญ่จึงสามารถอยู่รอดได้ ส่วนอำนาจอันยิ่งใหญ่ก็ต้องค้ำจุนตระกูลเล็ก ๆ
เจ้าโง่พวกนี้ มีเพียงตระกูลเล็กๆ กลับไม่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ ใครจะมาปกป้องพวกเขา!
ถู่เอ้อร์หาผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณที่กินอิ่มในตระกูลของตนเองมา รวมทั้งหมดมีแปดคน ชุดที่พวกเขาสวมดีกว่าเผ่าพิภพคนอื่นๆ เล็กน้อย เพียงแต่ในมือไม่เห็นอาวุธเหมาะมือ คนในต ตระกูลคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไป คนขั้นฝึกปราณเหล่านี้จึงเป็นผู้ปกป้องที่สำคัญ เพียงแต่สภาพแวดล้อมแบบนี้ก็โทษขั้นสร้างฐานที่หลบหนีไปไม่ได้
จินเฟยเหยาปล่อยครอบครัวอี้ถู่ออกมา ตอนนี้นั่งโดดเดี่ยวอยู่ในที่แห่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพิเศษเฉพาะ นอกจากการแต่งกายแตกต่างและเด็กน้อยที่ยังดูดนมมารดาหลายคนแล้ว พวกเขาคนอื่ นๆ ล้วนมีพลังบำเพ็ญเพียร อีกทั้งเกือบทั้งหมดเป็นขั้นสร้างฐานขึ้นไป ขั้นหลอมรวมก็มีไม่น้อย
ราชันเผ่าพิภพถูกชนชั้นสูงเตะออกจากวงสังคมในเมืองไป่เหอนานแล้ว กลับมาถึงโลกวิญญาณจ้งถู่กลับดูร่ำรวยกว่าที่คนท้องถิ่นจินตนาการไว้
“พวกเจ้านำสิ่งเหล่านี้ไปสวมแล้วถอดขยะบนร่างลงมาโยนทิ้ง” จินเฟยเหยาส่ายศีรษะ ค้นขยะที่หลอมสร้างในโลกวิญญาณซิงหลัวออกมาจากถุงเฉียนคุน
นี่คืออาวุธเวทชั้นกลางและชั้นล่าง เป็นสิ่งของขยะสุดๆ ที่นางสามารถหาได้แล้ว ถึงให้ของวิเศษเผ่าพิภพพวกนี้ใช้ ความสามารถของพวกเขาก็ยังแสดงอานุภาพของของวิเศษออกมาไม่ได้ ใช้สิ่งของชั้นล่างเหล่านี้จะเหมาะสมกว่า
พอเห็นสิ่งของที่จินเฟยเหยานำออกมา เผ่าปิศาจพวกนี้ก็ตกตะลึงและโง่งมไป ไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐาน พวกเขาก็ยากจะมีเพลิงปิศาจมาหลอมสร้างอาวุธ สิ่งของในมือล้วนเป็นสิ่งขอ องที่โละทิ้งมานานแล้ว พวกเขาเพียงเคยเห็นอาวุธเวทใหม่เอี่ยมพวกนี้อยู่บนร่างของเผ่าอื่นๆ
“ไม่ต้องอึ้งแล้ว รีบเปลี่ยนเป็นของพวกนี้ ยังใจแคบเกินไปอีก ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนเป็นประชาชนของราชันอี้ถู่ ก็คือครอบครัวเดียวกัน เจ้าเรียกคนขั้นฝึกปราณของพวกเจ้ามา ถึงอย่างไร ข้าว่าไม่มีใครแย่งชิงกับพวกเจ้า คนที่กินอิ่มพวกแรกสุดย่อมต้องเป็นพวกเจ้า” จินเฟยเหยามองไปทางหม้อใบใหญ่ ในสามร้อยกว่าคนนั้นยังมีเผ่าพิภพที่มีพลังบำเพ็ญเพียรอีกสิบกว ว่าคน แต่น่าเสียดายสูงสุดก็แค่ขั้นฝึกปราณ
ตอนนี้ถู่เอ้อร์ยังไม่มีความคิดว่าทุกคนคือพวกเดียวกัน แต่พลังบำเพ็ญเพียรสูงส่ง เดาว่าผู้อาวุโสขั้นกำเนิดใหม่ล้วนพูดแบบนี้แน่ เขาย่อมต้องเชื่อฟังและรีบไปเรียกคนมาแต่โดยดี อย่าเห็นว่าราชันเป็นเผ่าเดียวกันขั้นหลอมรวม แต่อาหารที่กินและชุดที่สวมทั้งหมดผู้อาวุโสสตรีท่านนี้เป็นผู้มอบให้ นางจึงเป็นราชันที่แท้จริง
ในใจเผ่าพิภพแทบทุกคนต่างคิดเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็ได้เนื้อจากมือนาง ขอเพียงติดตามนางต้องมีชีวิตอย่างสุขสบายแน่ ความต้องการของประชาชนผู้อดอยากเรียบง่ายอย่างยิ่ง มีอาหารให้กิน นอิ่ม เดือนหนึ่งมีเนื้อสองครั้ง จากนั้นมีดินให้ขุดก็พอ
รอจนเผ่าพิภพขั้นฝึกปราณทั้งหมดมารวมกัน จินเฟยเหยาก็ให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน จากนั้นกวักมือตะโกนเรียกอี้ถู่ให้มาหา “นี่คือกองทัพของเจ้า ตอนนี้เจ้าพาพวกเขาไ ไปสยบยี่สิบหกตระกูลรอบๆ แค่หนึ่งหมื่นกว่าคนหาความก้าวหน้าก่อน”
อี้ถู่อ้าปากมองกองทัพเผ่าพิภพขั้นฝึกปราณมีจำนวนยี่สิบคนพอดีซึ่งใช้เนื้อหลอกมาชั่วคราว ก็อดคิดในใจไม่ได้ เผ่าพิภพขั้นฝึกปราณยี่สิบคนจะมีประโยชน์อะไร ตนเองคนเดียวก็ขั้นหล ลอมรวมแล้ว ลากบุตรชายขั้นหลอมรวมช่วงต้นสองคนก็สามารถกวาดล้างตระกูลเหล่านั้นได้
“พวกเขารู้จักสภาพแวดล้อมที่นี่ เจรจาอย่างสันติได้ก็จะดี จำไว้ว่าเจ้าไปรับประชาชนที่เดิมทีเป็นของเจ้า ไม่ได้ไปสังหารคน พกเนื้อไปด้วย ใช้ความแข็งแกร่งและผลประโยชน์หลอกล่อพวกเข ขา เป็นราชันอันธพาลไม่ใช่เรื่องดี เจ้าต้องมีลูกน้อง ไม่ว่ามีประโยชน์หรือไม่ก็มีหน้ามีตา” จินเฟยเหยาราวกับมองความคิดของเขาออกจึงให้เขานำถุงเฉียนคุนออกมา นำเนื้อสัตว์ทะเลที่ ตนเองเก็บสะสมไว้ตอนเบื่อๆ จำนวนสองร้อยกว่าชิ้นบรรจุลงในนั้นให้เขาพกติดตัวไประดมกองทัพใหญ่
…………………………………….
[1] ทรายที่กระจัดกระจาย หมายถึง ไม่มีความร่วมมือหรือสามัคคีกัน