คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 407 พบพานสหายเก่าในแดนไกล
เมืองสร้างเสร็จแล้ว จินเฟยเหยาก็เริ่มแผนการของตนเอง นางแบ่งเผ่าพิภพธรรมดาเป็นสองกลุ่มตามเพศบุรุษสตรี บุรุษเผ่าพิภพทั้งหมดออกไปขุดเหมือง ไม่ว่าจะเป็นสินแร่ใด ขอเพียงน นำกลับมาทั้งหมดก็พอ ส่วนสตรีเผ่าพิภพรั้งอยู่ในเมือง แบ่งแยกชนิดแร่ที่ขุดออกมาแล้วเก็บไว้โดยเฉพาะ
เผ่าพิภพขั้นฝึกปราณเหล่านั้นกลับถูกจินเฟยเหยาเรียกออกไปทั้งหมดโดยมีราชันเผ่าพิภพเป็นผู้นำ ให้พวกเขาขุดหลุมขนาดใหญ่ยาวสิบจั้งกว้างห้าจั้งลึกถึงสามจั้ง หลังจากขุดหลุมเสร็จ จ จินเฟยเหยาให้พวกเขาออกไปขุดโคลนในทะเล
“เจ้าให้พวกเขาขุดโคลนทะเลไปทำไม หรือว่าคิดจะใช้โคลนทะเลปลูกพืชใต้ดิน?” หวาหวั่นซีมองจินเฟยเหยา รู้สึกว่านางเห็นเผ่าพิภพว่างงานไม่ได้เลย แค่คิดจะหางานให้พวกเขาทำล้วนๆ
จินเฟยเหยาเอ่ยราวกับไม่มีอะไร “กินอย่างเดียวไม่ทำงานใครจะทนไหว ถ้าเปลี่ยนดินแล้วสามารถปลูกพืชได้ก็สามารถหาสิ่งที่รากมีขนาดใหญ่หน่อยปลูกลงไปได้ แบบนี้เจ้ากับพั่งจื่อจะได้ ออกไปน้อยลง”
“พอเถอะ ขอเพียงเจ้าทำให้ขั้นฝึกปราณพวกนี้กลายเป็นขั้นสร้างฐาน ข้ากับพั่งจื่อก็ไม่ต้องออกไปแล้ว” หวาหวั่นซีส่ายศีรษะ ต้องออกไปจนถึงเมื่อใด อีกทั้งพื้นที่เล็กๆ คงให้ผลผล ลิตได้ไม่มาก
“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรอยู่ว่างก็คืออยู่ว่าง” จินเฟยเหยาหัวเราะอย่างไม่นำพา คนที่ออกแรงไม่ใช่นาง ย่อมไม่เป็นไร
เนื่องจากมีงานให้ทำ ดังนั้นเผ่าพิภพในเมืองจึงดูคึกคักสุดขีด เป็นภาพที่เปี่ยมชีวิตชีวา หลุมโคลนทะเลถูกกรอกจนเต็มไปหนึ่งหลุมแล้วไปขุดกรอกอีกหลุม เผ่าพิภพไม่เคยว่างงานเลย ย แต่ละวันต้องขุดหลุมขนดิน ขุดเหมืองกินข้าว
ในมือจินเฟยเหยาไม่มีเมล็ดพันธุ์ หลังจากทำนาโคลนออกมา ก็ได้แต่ทิ้งให้ว่างเปล่าอยู่ตรงนั้น คิดว่าสิ้นเปลืองอยู่บ้าง นางจึงโปรยเมล็ดหญ้าวิญญาณลงในนั้นเล็กน้อย จากนั้นก็ครุ่ นคิดว่าจะหาเวลาไปค่ายเผ่ามารเผ่ามนุษย์และเผ่าปิศาจดูว่ามีเมล็ดพืชธรรมดาในมือคนว่างงานบ้างหรือไม่
ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานขึ้นไปต้องไม่พกเมล็ดพืชธรรมดาแน่ แต่ขั้นฝึกปราณไม่เหมือนกัน บางครั้งพวกเขาจะพกสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าในคนของทั้งสามเผ่าที่มาได้พาศิษย์ข ขั้นฝึกปราณมาด้วยหรือไม่
ส่วนแร่ยิ่งมากขึ้นทุกที ไม่มีเพลิงพิภพและไฟปิศาจ จินเฟยเหยาต้องฝึกบำเพ็ญและถลุงแร่อยู่ที่นี่ทั้งวัน คิดถึงว่าในสำนักอันเที่ยงธรรมเหล่านั้นมักจะนำเพลิงพิภพออกมาให้ศิษย์ข ขั้นฝึกปราณหลอมอาวุธ นางก็คิดจะไปเอามาอันหนึ่งให้คนเผ่าพิภพใช้ ขุดเพลิงพิภพออกมาง่ายดายยิ่ง จะนำเพลิงพิภพออกมาใช้อย่างไรกลับเป็นงานฝีมือ
แต่ที่ตั้งค่ายของเผ่ามนุษย์อยู่ห่างออกไปไกล อีกทั้งยังไม่คุ้นเคยเส้นทาง ตอนนี้ยังไม่รีบร้อน นางจึงคิดจะรออีกหลายวันค่อยไป
วันนี้นางกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในห้อง ราชันเผ่าพิภพพลันวิ่งมาเคาะประตูด้วยสีหน้าร้อนใจอย่างยิ่ง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าเผ่ามนุษย์เผ่ามารเข่นฆ่าเข้ามา!” เห็นเขามีท่าทางตื่นเต้นและตึงเครียดมาก จินเฟยเหยาจึงอดถามไม่ได้ ในใจนางยังคิดว่าทำไมเจ้าหมอนี่จึงตื่นเต้นขนาดน นี้ หรือรู้สึกว่าเผ่ามารเผ่ามนุษย์เข่นฆ่ามา สังหารเผ่าพิภพจนเกลี้ยงแล้วเขาจะได้รับการปลดปล่อย?
อี้ถู่กลับเอ่ยอย่างเร่งร้อน “ผู้อาวุโส พวกเราพบเผ่ามนุษย์บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งในอุโมงค์ใต้ดิน มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่!”
คิดอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ เพิ่งคิดจะหาเผ่ามนุษย์คนหนึ่งมาสร้างเพลิงพิภพ คิดไม่ถึงว่าจะโยนคนผู้หนึ่งส่งเข้ามาในอุโมงค์ใต้ดิน แต่นางยังไม่วางใจอยู่บ้างจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย ย “พวกเจ้าดูละเอียดแล้ว ที่แท้บาดเจ็บสาหัสหรือไม่ คงไม่ใช่พวกสายลับหรอกนะ”
“ไม่หรอก พวกเราตรวจสอบแล้ว สลบไปตั้งแต่แรก ถ้าไม่ช่วยรักษาแล้วทิ้งไว้ในอุโมงค์ คงอยู่ได้ไม่กี่วันก็ขาดใจตายเสียแปดส่วน” อี้ถู่ตื่นเต้นอย่างยิ่งที่สามารถเก็บบุคคลยิ่งใหญ่แบบ บนี้ได้ ทั้งยังเป็นศัตรูตัวฉกาจ อยากจะรีบกัดเขาสักสองคำใจแทบขาด
“คนอยู่ที่ใด พาข้าไปดูหน่อย” จินเฟยเหยาเอ่ย
อี้ถู่ชี้ไปข้างนอก “พวกเราหามคนมาแล้ว วางอยู่ข้างนอก รอให้ผู้อาวุโสตัดสิน”
จินเฟยเหยาเดินออกไปนอกบ้านก็เห็นเผ่ามนุษย์โลหิตท่วมร่างคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น รอบด้านมีเผ่าพิภพล้อมวงอยู่ไม่น้อย ทั้งเคียดแค้นทั้งหวาดกลัวเผ่ามนุษย์ ถึงอีกฝ่ายสลบไปแล้วก็ ไม่กล้าเข้าไปเตะเขาสักหลายที เพียงล้อมวงมองดูแล้วส่งเสียงจ้อกแจ้ก
พอเดินเข้าไปมองใกล้ๆ จินเฟยเหยาก็ตกตะลึง จากนั้นเบ้ปากเอ่ยว่า “อย่างเขาถ้าไม่ช่วยเหลืออีกไม่กี่วันจะตายได้อย่างไร ต่อให้สลบไปหลายปี ข้าก็เชื่อว่าเจ้าหมอนี่ไม่ตายหรอก”
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จินเฟยเหยาจึงเอ่ยว่า “พวกเจ้าหามคนเข้าไปไว้ในห้องข้างๆ คนผู้นี้มีประโยชน์ต่อพวกเรา ถ้าไม่มีอะไรแล้วสมควรทำอะไรก็ไปทำ ข้าจะช่วยคนผู้นี้”
คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะช่วยคนผู้นี้ เผ่าพิภพทุกคนไม่เข้าใจอยู่บ้าง เผ่ามนุษย์และเผ่าปิศาจเป็นศัตรูกันมิใช่หรือ อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นช่วงที่ทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ทำไมยังช่วย ยศัตรูอีก แต่เห็นหวาหวั่นซีมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาอยู่ไม่ไกลนัก เผ่าพิภพทุกคนจึงไม่กล้าคัดค้าน ยังมีเผ่ามนุษย์คนหนึ่งหาอาหารมาเลี้ยงพวกเขาทั้งวัน ตอนนี้แค่ช่วยเผ่ามนุษย์ คนหนึ่ง ใครจะกล้าพูดมาก
ยกคนผู้นี้เข้ามาไว้ในห้องข้างๆ เสร็จ เผ่าพิภพพวกนี้ก็ล่าถอยออกไป เพียงแต่ในใจหวังว่าทางที่ดีให้คนผู้นี้ตายไปเสีย
หวาหวั่นซีเดินเข้าไปในบ้าน เห็นพั่งจื่อชี้คนที่บาดเจ็บสาหัสแล้วร้องอ๊บๆ ไม่หยุด ราวกับคัดค้านการช่วยคนของจินเฟยเหยา แต่จินเฟยเหยาไม่ฟังเลยสักนิด ยังเอ่ยด้วยสีหน้าใสซื่อ อ “เพราะเหตุใด? ข้าเคยช่วยเหลือเขา เขาน่าจะไม่เกลียดชังข้าหรอก ข้าฟังความหมายที่เจ้าพูดไม่เข้าใจ ข้าไม่ได้มีความแค้นกับเขา แค่มีมิตรภาพต่อกัน”
เห็นพูดอยู่นานจินเฟยเหยาก็มีสีหน้างุนงง พั่งจื่อจึงทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งอย่างดุร้ายแล้วจากไป เห็นท่าทางไม่ยินยอมและจากไปอย่างเดือดดาลของพั่งจื่อ หวาหวั่นซีก็เอ่ยถามอย่ างสงสัย “เจ้ารู้จักคนผู้นี้?”
จินเฟยเหยาพยักหน้าเอ่ยยิ้มๆ “รู้จัก คนผู้นี้ชื่อเหรินเซวียนจือ เป็นคนที่ข้ารู้จักในโลกวิญญาณหนานเฟิงและเป็นหนึ่งในสัตว์ร้าย เขาคือฉยงฉี คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้เจอเขาท ที่นี่ คงออกมาตีชิงดินแดนกับสำนักเสียแปดส่วน ข้ายังเคยช่วยเหลือเขาเลย เขาเป็นคนไม่เลว แค่บ้าผู้หญิงหน่อย”
เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของหวาหวั่นซีแวบหนึ่งโดยบังเอิญ จินเฟยเหยาลังเลเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยอย่างไม่แน่ใจอยู่บ้าง “เจ้าวางใจ ต่อให้เขาบ้าผู้หญิงก็คงไม่หมายตาเจ้าหรอก ถึงอย่างไร เจ้าก็ไม่มีสิ่งนั้น ถึงเขาคิดจะทำอะไรเจ้าก็เป็นไปไม่ได้”
“เห็นปฏิกิริยาของพั่งจื่อ เจ้าต้องเคยทำเรื่องผิดมนุษยธรรมอะไรไว้กับเขาแน่” หวาหวั่นซีมีหน้าสงสัย ไม่เชื่อคำพูดที่จินเฟยเหยาพูดด้วยใบหน้าใสซื่อจริงใจเลยสักนิด
จินเฟยเหยากระพริบตา นึกไม่ออกว่าตนเองเคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้กับเหรินเซวียนจือ จึงขมวดคิ้วเอ่ยอย่างสงสัย “เป็นไปไม่ได้ นอกจากข้าช่วยเหลือเขาแล้วก็ไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายมา าก่อน”
“เจ้าออกมา ตั้งใจเล่าเรื่องว่าเจ้าช่วยเหลือเขาอย่างไรออกมารอบหนึ่ง” เพื่อจะได้รู้ว่าต่อไปต้องปฏิบัติกับคนผู้นี้อย่างไร หวาหวั่นซีจึงลากจินเฟยเหยาออกมา ให้นางเล่าเรื่องที่ ผ่านมาอย่างละเอียดและชัดเจน
จินเฟยเหยามีโทสะเต็มอก ทำไมเจ้าพวกนี้จึงไม่เชื่อว่าตนเองทำเรื่องดีงามบ้าง จึงเล่าโดยละเอียดว่าตอนนั้นพบเหรินเซวียนจือได้อย่างไรบวกกับเรื่องที่สุดท้ายโยนผงกระตุ้นกำหนัดไ ไปกำมือหนึ่งอย่างเดือดดาล ฟังนางเล่าจบ หวาหวั่นซีก็ไม่รู้ว่าจะตอบนางอย่างไรดี ถ้านี่ถือเป็นเรื่องดีงามก็มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วกระมัง
ถึงอย่างไรจินเฟยเหยาก็จะช่วยเขาแน่ๆ เช่นนั้นก็รอคนฟื้นขึ้นมาคิดบัญชีกับนางเองเถอะ เรื่องแบบนี้หวาหวั่นซีไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วย จินเฟยเหยาทำชั่วไว้ก็ต้องให้ตัวนางแก้ไข ขเอง