คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 414 สะบั้นรัก
“เจ้าอย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ เจ้ารู้ชัดๆ ว่าที่ข้าพูดหมายถึงอะไร!” เหรินเซวียนจือเดือดดาลอย่างหนัก หิ้วคอเสื้อของนางแล้วด่าทออย่างดุร้าย
เขามีโทสะอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลอก หลอกจนบอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ มิน่าเล่าจึงไม่ได้กลิ่นสตรี เนื่องจากนั่นเป็นหุ่นเชิดไม่ใช่สตรี ดังนั้นเดิมทีจึงไม่มีกลิ่นใดๆ อยู่แล้ว
จินเฟยเหยามองเขาตาปริบๆ และเอ่ยด้วยสีหน้าใสซื่อ “ไม่มีก็ไม่มีสิ มีอะไรน่าแตกตื่นตกใจกัน นั่นเป็นประตูใหญ่ของผู้อื่น ทำแบบนี้เจ้าไม่กลัวว่าจะทำลายภาพลักษณ์หรือ?”
“ไม่ต้องพูดมาก รีบสร้างมาให้ข้า!” เหรินเซวียนจือไม่สนใจสายตาสอดรู้ของคนรอบข้าง เพียงจับจ้องมองนางแน่วนิ่ง
จินเฟยเหยาเบนสายตามองไปทางอื่น เอ่ยพึมพำ “ไม่เคยเห็น ทำไม่ได้”
เหรินเซวียนจือตะลึงงันแล้วเดือดดาลทันที “อย่าพูดจาเหลวไหล! ให้เวลาเจ้าสามวัน ทำออกมาให้ข้า”
“เขินที่จะทำ ไม่มีภาพทำไม่ได้” จินเฟยเหยามองทางอื่นต่อไป เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“เสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าจะวาดให้เจ้า! ต้องการวัตถุดิบอะไรเจ้าก็บอกมา ข้ามี!” เหรินเซวียนจือพัวพันไม่เลิกรา ถ้าไม่ทำเรื่องนี้เขาไม่ยอมเด็ดขาด
จินเฟยเหยาได้แต่เอ่ยถามอย่างไม่ยินยอม “ต้องใช้วัตถุดิบอะไรทำ?”
“เจ้าเป็นคนหลอมสร้างออกมา เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไร! รีบทำให้ข้าเลย ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้า ข้าจะวาดภาพให้ทันที มีหมดทุกแบบ!” เหรินเซวียนจือคำรามอี ก
ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของจินเฟยเหยาพลันเย็นเยียบลง เอ่ยถามด้วยสีหน้าดูแคลนอย่างยิ่ง “เจ้าคิดจะใช้ของสตรีคนใดมาติดตั้งบนร่างของหวาหวั่นซี คู่ควรหรือ? เจ้าเห็นนางเป็นอะไร? ข ของเล่นหรือ!”
“คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร!” เหรินเซวียนจือโดนนางถามแบบนี้ ถึงกับนิ่งอึ้งไป
“หมายความว่าอย่างไร?” จินเฟยเหยาสะบัดมือของเขาที่จับคอเสื้อตนเองทิ้งแล้วตวาดเสียงเย็นชา “เจ้าเห็นนางเป็นใคร? ก่อนหน้านี้เจ้าแสดงออกว่าชอบนางขนาดนั้น สุดท้ายก็แค่อยากนอนกั บนางสักครั้งเท่านั้น ตอนนี้เพื่อให้ตนเองสยิวกาย รื่นรมย์กับความสุขบนเตียงได้ เจ้าถึงกับให้ข้าติดตั้งของแบบนั้นให้นาง เจ้าไม่รู้สึกว่าเจ้าบ้าผู้หญิงมากไปหรือ!”
“ทำไม พบว่านางทำเรื่องบนเตียงไม่ได้เจ้าก็ร้อนใจ พุ่งมาอย่างดุร้ายคิดจะใช้สิ่งของของสตรีอื่นติดตั้งให้นาง จากนั้นเติมเต็มความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเจ้า? ยังหมายความว่าอะไร เหรินเซวียนจือ ข้าอยากถามเจ้าหน่อย ที่แท้เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”
เหรินเซวียนจือถลึงตาจ้องมองนางอย่างเดือดดาล กำหมัดแน่น แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไร จะพูดว่าเขาชอบหวาหวั่นซี คิดจะให้นางกลายเป็นสตรีของตนเอง? หรืออยากจะพูดว่าเขาแค่ถูกใจรูปโฉม และพลังบำเพ็ญเพียรของนางจึงคิดจะบำเพ็ญคู่ด้วย? เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของอิสตรี ที่แท้ตนเองหมายความว่าอย่างไร เขาก็ไม่รู้
จินเฟยเหยาจัดแจงปกเสื้อมองเขาด้วยสายตาดูแคลน “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ด้วยเรื่องที่เจ้าทำเมื่อครู่ ในสายตาของข้าเจ้าก็ไม่คู่ควรจะอยู่กับหวาหวั่นซีแล้ว เจ้าดูท่าทางของเจ้าเม มื่อครู่สิ ตัณหาราคะขึ้นสมอง คิดแต่จะหาสิ่งของมาดับเพลิงปรารถนาโดยไม่สนใจทุกอย่าง ในใจของเจ้านางเป็นเพียงวัตถุที่ใช้ดับความใคร่หรือ? พบว่าใช้การไม่ได้ ดังนั้นเจ้าจึงร้อนใจ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น! ข้าแค่คิดจะให้นางเป็นคู่บำเพ็ญของข้า ไม่ใช่อย่างที่เจ้าพูดนะ!” นี่คือการป้ายสีเขาต่อหน้าทุกคน เหรินเซวียนจือตวาดอย่างมีโทสะ สตรีคนอื่นๆ สำหรับเขามีเพียง สองประเภทคือดึงพลังได้กับดึงพลังไม่ได้ แต่หวาหวั่นซีไม่เหมือนกัน เขารู้สึกว่าตนเองอยากอยู่กับนาง ท่วงท่ายกมือวางเท้าของนางเปี่ยมด้วยแรงดึงดูด
“เช่นนั้นเมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร! ถ้าเจ้าชอบนางจริงๆ อย่าว่าแต่นางใช้การไม่ได้เลย ถึงนางเป็นบุรุษแล้วอย่างไร! ขอเพียงชอบจริงๆ ก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ เจ้าไปเถอะ คนอย่ างเจ้ารู้จักแต่เนื้อหนังมังสา ไม่รู้จักว่าอะไรเรียกว่าหัวใจ!” จินเฟยเหยาด่ากลับไปทันทีด้วยสีหน้าถูกต้องชอบธรรม
เหรินเซวียนจือก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”
“เจ้าไปเถอะ พวกเราจบกัน” ในเวลานี้เอง ด้านหลังเขามีเสียงเย็นชาที่แฝงความเศร้าเสียใจของหวาหวั่นซีดังมา
เหรินเซวียนจือหันหน้าไปมอง ไม่รู้ว่าหวาหวั่นซีมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด กำลังมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางห่างเหิน เขาตะโกนเรียกหวาหวั่นซีโดยสัญชาตญาณ “เสี่ยวซี…”
“ไปเถอะ เจ้าถือว่านี่เป็นความฝันฉากหนึ่ง ข้าก็จะถือว่าเป็นความฝันเช่นกัน ตอนนี้ ตื่นจากฝันแล้ว” หวาหวั่นซีหลุบตาลง เอ่ยเรียบๆ
“…” เหรินเซวียนจือไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้งไม่ได้จากไปและไม่ได้เอ่ยวาจา เพียงแค่กำมือแน่น
“เจ้ารีบไปเสีย นางบอกว่าไม่อยากเห็นเจ้าแล้ว!” จินเฟยเหยาเห็นเขาไม่ขยับก็บริภาษอีก เหรินเซวียนจือกัดฟัน สะบัดชายเสื้อจากไปอย่างเย็นชา
ส่วนหวาหวั่นซียืนอยู่ที่เดิมตลอด มองส่งเขาจากไปเงียบๆ รอบด้านมีบรรยากาศอย่างหนึ่งที่ทำให้คนปวดร้าวอย่างยิ่ง
ไป๋เจี่ยนจู๋เดินตามออกมาด้วยความสงสัย เนื่องจากไม่สะดวกจะเดินเข้าไปใกล้ จึงยืนมองอยู่ห่างๆ ฟังคำสนทนาระหว่างพวกเขาราวกับเป็นปัญหาความรัก มองผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่ชื่อหวาหวั่น ซี เขารู้สึกว่าคนผู้นี้คุ้นตาเป็นพิเศษ หลังจากหวนนึกอย่างละเอียดจึงจำได้ว่าตอนที่ตนเองดักสังหารจินเฟยเหยาที่เมืองลั่วเซียน ดูเหมือนนางจะเคยรับเลี้ยงคนธรรมดาคนหนึ่ง หน้าต ตาเหมือนผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนี้ราวกับพิมพ์เดียวกัน
เขาไม่รู้เรื่องของคฤหาสน์กุ่ยเม่ย ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องของหวาหวั่นซี เพียงรู้สึกประหลาดใจ แต่คิดถึงว่าบนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญมากมาย เกิดเรื่องที่ขบคิดไม่เข้าใจขึ้นก็เป็นเรื่ องปกติ ทว่าเขาในตอนนี้ถูกคำพูดเปี่ยมคุณธรรมของจินเฟยเหยาทำเอาสั่นสะเทือน คิดไม่ถึงว่านางจะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้
อีกทั้งคนผู้นั้นถึงแม้จะไม่เคยพูดกับเขา ทว่าเขาก็รู้จัก นั่นคือซั่นอวี่เจินเหรินแห่งสำนักหมิงเยวี่ยของโลกวิญญาณซั่งเยี่ย หน้าตาหล่อเหล่า บุคลิกอ่อนโยนสง่างาม อีกทั้งพลัง บำเพ็ญเพียรสูงส่งและยินยอมไปสังหารศัตรูในแนวหน้า มีชื่อเสียงดีงามในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียนอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะยังมีอีกด้านหนึ่ง ความรักช่างทำร้ายคนจริงๆ คนที่สง งบนิ่งขนาดนี้ก็เสียกิริยา
แต่คำพูดของจินเฟยเหยาก็มีเหตุผลอยู่บ้าง ท่าทางนางจะทำตามแบบอย่างที่ดี อายุเพิ่มขึ้นทำให้นางเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น จึงเลิกนิสัยเดิมแย่ๆ เหล่านั้น ในขณะที่เขาชื่นชมว่าในที่ สุดจินเฟยเหยาก็ทำตามแบบอย่างที่ดี ก็เห็นหวาหวั่นซีที่เมื่อครู่ยังมีใบหน้าเศร้าโศกกุมท้องหัวเราะตามจินเฟยเหยาที่มีสีหน้าเดือดดาล
เห็นจินเฟยเหยากุมท้องชี้ทางที่เหรินเซวียนจือเดินจากไปแล้วหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา “หวั่นซี เจ้าเห็นท่าทางของเขาเมื่อครู่หรือไม่ ถูกข้าด่าจนเถียงไม่ออกสักคำ ฮ่าๆๆ น่าขำแท ทบตายแล้ว!”
หวาหวั่นซีเม้มปากกลั้นหัวเราะ “เจ้าแสร้งทำได้เหมือนจริงมาก ข้ายังกลัวว่าเจ้าจะหัวเราะกลางคัน ทำให้ข้าแสดงสีหน้าโศกเศร้าอย่างเสียแรงเปล่า”
“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าได้รับการหล่อหลอมมาอย่างโชกโชน จะถูกเปิดโปงได้อย่างไร แต่เจ้าว่าถ้าต่อไปเขารู้จะมาหาเรื่องพวกเราหรือไม่ ตอนเขาไปสีหน้าน่าเกลียดมาก สายตาสตรีปัญญาอ่อนส่ งสามีตอนท้ายของเจ้าร้ายกาจจริงๆ” จินเฟยเหยาปาดน้ำตาที่หัวเราะออกมา เอ่ยถามแบบลมหายใจไม่ปะติดปะต่อ
“จะใช่หรือ?” หวาหวั่นซีเอ่ยเสียงเรียบ “เขายังมีหน้ามาเจอข้าอีกหรือ?”
“นี่ เล่าให้ข้าฟังหน่อย เจ้าหลอกเขาขึ้นเตียงได้อย่างไร คิดไม่ถึงว่ายังหวั่นไหวด้วย ฮ่าๆๆ ขำแทบตาย ปิศาจราคะเหรินเซวียนจือบังเกิดจิตปฏิพัทธ์ พูดออกมาก็ทำให้คนไม่เข้าใจ” จิน นเฟยเหยานึกถึงท่าทางของเหรินเซวียนจือเมื่อครู่ก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้
หวาหวั่นซีม้วนเส้นผมอย่างสง่างามและเอ่ยยิ้มๆ “คนอย่างเขายังต้องหลอกด้วยหรือ ตนเองคิดจะหลอกพาข้าไป ข้าก็เลยใช้แผนซ้อนแผน ส่งสายตารักอย่างลึกซึ้งให้เขาหลายครั้ง ง่ายๆ แ แบบนี้แหละ”
“ครั้งนี้เขาถูกจู่โจมอย่างหนัก แต่เจ้าลงแรงทำเรื่องนี้ทำไม ว่างมากก็ไปช่วยข้าจับสัตว์ทะเล” จินเฟยเหยานวดใบหน้าที่หัวเราะจนปวดเมื่อยแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่ได้ลงแรงอะไร” หวาหวั่นซีเอ่ยเรียบๆ “ข้าเกลียดพวกบุรุษที่ชอบเล่นสนุกกับสตรีที่สุด เห็นแล้วสะอิดสะเอียน พูดจาหวานหู ที่จริงก็ทำเพื่อปรารถนาที่ความเห็นแก่ตัวเท่านั้น เล่ นสนุกกับสตรี สุดท้ายตนเองก็ถูกคนกินเรียบทั้งหนังและกระดูก”
“เจ้านี่ชั่วร้ายจริงๆ แม้แต่วิธีที่ทำให้เขาตกหลุมรักเจ้าก็ยังคิดออกมาได้ คงไม่ได้ใช้เวทเสน่ห์ด้วยหรอกนะ?” จินเฟยเหยารู้ว่านางคิดจะพูดอะไร คงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากใน นคฤหาสน์กุ่ยเม่ยเสียแปดส่วน ตอนนั้นแค้นจนเป็นแบบนั้น สภาพในตอนนี้ถือว่าไม่เลวอย่างยิ่งแล้ว
ได้ยินคำถามของนาง หวาหวั่นซีเงยหน้าขึ้นเอ่ยอย่างสงสัย “อาศัยรูปโฉมของข้ายังจำเป็นต้องใช้เวทเสน่ห์อะไรอีก? อีกทั้งเจ้าเป็นเจ้านายของข้า ข้าจึงเลียนแบบเจ้า”
“อา…เจ้าเกินไปแล้ว” จินเฟยเหยามุมปากกระตุก ยายคนหลงระเริงว่าตนเองสูงส่ง สวยแล้วยอดเยี่ยมนักหรือ!
ไป๋เจี่ยนจู๋ยืนนิ่งเป็นไก่ไม้อยู่ไกลๆ มองพวกนางสองคนอย่างตกใจสุดขีด ไร้เดียงสาเกินไป ยายนี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด ทั้งยังเลวร้ายมากขึ้นทุกที เรื่องแบบนี้ก็ทำออกมาไ ได้
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนหลอกลวงความรู้สึก ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนมาหลงรักตนเอง จากนั้นก็สลัดเขาทิ้งอย่างเลือดเย็น! สลัดทิ้งน่ะช่างเถอะ ยังถูกด่ากลับไปอีก อีกทั้งดูจากตอนนี้ เหริน นเซวียนจือต้องรู้สึกว่าตนเองเห็นแก่ตัวเกินไปและโทษว่าเป็นความผิดของตนเองทั้งหมดแน่
สังหารคนโดยไม่เห็นโลหิต! ที่น่าชังกว่านั้นคือพวกนางยืนหัวเราะอยู่ตรงนี้อย่างกำเริบเสิบสาน ไม่เคยเห็นคนชั่วร้ายขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ คนอื่นฆ่าร่างกาย พวกนางทำลายแม้แต่หัว วใจของผู้อื่น!
เวลานี้ไป๋เจี่ยนจู๋รู้สึกว่าตนเองเหมือนคนโง่งม เมื่อครู่ถึงกับนึกว่าจินเฟยเหยากลายเป็นคนดีแล้ว ขุนเขาแปรเปลี่ยนง่ายนิสัยเดิมยากกลับกลาย[1]จริงๆ คนแบบนี้หมดทางเยียวยาแล้ว ว วิธีสั่งสอนคนมีมากมาย ตอนนี้กระทั่งความรู้สึกก็นำมาใช้ทรมานคน
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีโทสะพลุ่งพล่าน ไป๋เจี่ยนจู๋สะบัดชายเสื้อจากไปอย่างเดือดดาล ช่วยผู้อ่อนแอที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอะไรกัน คงหลอกคนเสียแปดส่วน ผู้ใดจะรู้ว่านางคิดจะทำร้ายห หรือคิดจะเอาเปรียบคนอื่นอีก ไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว ซือจู่อยากทำก็ให้เขาทำเองเถอะ
จินเฟยเหยาและหวาหวั่นซีพูดถึงเรื่องน่าขำของเหรินเซวียนจือ พลางเดินเข้าค่ายของสำนักตงอวี้หวง นอกจากเรื่องนี้ จินเฟยเหยายังถามนาง สภาพการณ์ของที่นี่มีส่วนช่วยต่อเมืองซั นเหรินอย่างไร
หวาหวั่นซีเล่าเรื่องที่สอบถามมาในหลายวันนี้ให้ฟัง คิดจะพัฒนาเมืองซั่นเหริน วิธีที่ดีที่สุดคือยึดกุมแร่หายาก ถ้าจำเป็นก็ต้องขุดแร่ทั้งหมดล่วงหน้าและยังต้องเชื่อมโยงเผ่ าพิภพทั้งหมดไว้ด้วยกัน มีเพียงหนึ่งหมื่นคนไม่ได้ ต้องทำให้เผ่าพิภพทั้งหมดทั้งมวลเชื่อฟัง เช่นนี้จึงสามารถขุดแร่และยึดกุมไว้ในมือได้
อีกทั้งยังต้องรีบยกระดับความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเซียนเผ่าพิภพ แต่เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ ได้แต่ให้เผ่าพิภพใช้ศิลาวิญญาณเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรและคิดหาวิธีขุดแร่ดีๆ ออกม มาซ่อนไว้ก่อน
จินเฟยเหยารู้สึกว่าความคิดนี้โง่งมเกินไป แต่เวลานี้ไม่มีวิธีอื่น คิดจะพัฒนาให้กลายเป็นเมืองสินแร่ขนาดใหญ่ยังต้องค่อยๆ คิดอ่านและวางแผนกันอีกที
……………………………………..
[1] ขุนเขาแปรเปลี่ยนง่ายนิสัยเดิมยากกลับกลาย หมายถึง นิสัยเดิมของคนเปลี่ยนแปลงได้ยาก