คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 420 ไร้ยางอาย
เจรจาแลกเปลี่ยนสำเร็จ จินเฟยเหยาครุ่นคิดแล้วเอ่ยถามพี่กระจก “พี่กระจก ตอนนี้ท่านวางแผนจะทำอย่างไร เก็บการรับรู้กลับโลกระดับสวรรค์หรือพกกระจกสะบัดก้นจากไปใช่หรือไม่? ถ้าท่าน นจะไป ท่านจะคืนศิลาวิญญาณที่ข้าจ่ายไปให้ข้าใช่หรือไม่”
“ศิลาวิญญาณ? ศิลาวิญญาณเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ข้าไม่ได้รับศิลาวิญญาณของเจ้าเสียหน่อย ใครรับก็ไปหาคนนั้น อีกทั้งข้ายังไปไม่ได้ สมองอย่างเจ้าข้าเกรงว่าจะไม่พอใช้ อีกอย่างข้ าอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ เดินเล่นแบบนี้ก็ดี ตอนเจ้าเปิดวงเวท ข้าอาจจะต้องชี้แนะเจ้านิดหน่อย” พี่กระจกวนอยู่กลางอากาศหลายรอบอย่างรวดเร็วและเอ่ยอย่างกระหยิ่มราวกับไม่คิดจะจากไป ป
พอจินเฟยเหยาเห็น เจ้าหมอนี่คิดจะอยู่กับตนเอง เรื่องนี้ทำไม่ได้ คนผู้นี้วิปริตอย่างยิ่ง ถ้าเมื่อใดยั่วโทสะเขาแล้วเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเต่าจะทำอย่างไร ดังนั้นนางจึงยิ้ม ประจบเอ่ยว่า “พี่กระจก ท่านคิดจะลอยอยู่แบบนี้ทั้งวันหรือ ระยะทางยังอีกยาวไกล ท่านติดตามข้าไปหาดวงตาวงเวทจะลำบากเกินไปหรือไม่”
“เล่นลูกไม้น้อยๆ หน่อย เจ้านึกว่าข้าไม่รู้ความระแวงระวังของเจ้าหรือ เจ้าแค่ไม่อยากให้ข้าติดตามเจ้าเท่านั้น เจ้าวางใจได้ มีเพียงถึงดวงตาวงเวทจึงสามารถหยิบยืมพลังของดวงตาวงเวท ทออกมาได้ ปกติใครจะมีเวลาว่างออกมาหามดแมลงตัวเล็กๆ อย่างเจ้าบ่อยๆ” เรื่องนี้เกินความคาดหมายของจินเฟยเหยา คิดไม่ถึงว่าพี่กระจกจะอยู่ข้างนอกทั้งวันไม่ได้
ทว่าจินเฟยเหยาคิดๆ ดูแล้วไม่ถูกต้อง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าสงสัย “แต่เมื่อครู่ท่านยังบอกว่าเห็นข้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกทั้งยังรู้สภาพการณ์ปัจจุบันของโลกวิญญาณน้ำพุเหลือง ตอ อนนี้กลับมาบอกว่าถ้าไม่ถึงดวงตาวงเวทก็ออกมาไม่ได้ ท่านหลอกคนโง่หรือ”
“เรื่องนี้…” พี่กระจกยิ้มและแสร้งทำท่าลึกลับ “ข้าหลอกเจ้า ใครจะไปดูเจ้า ข้ารู้เรื่องโลกวิญญาณน้ำพุเหลือง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของกระดูกมังกรคือดวงตาวงเวท ข้าสร้างวงเวทไว้ ใต้ร่างของเขา เขาไม่รู้หรอก ถึงอย่างไรก็กักขังเขาไว้เป็นเวลาพอสมควรแล้ว เจ้ามีเวลาว่างกลับไปก็เอาร่างเนื้อคืนให้เขาเถอะ”
ที่แท้ก็หลอกลวง เข้าใจผิดไปหรือไม่ ผู้ยิ่งใหญ่ที่เหาะขึ้นสวรรค์ก็พูดโกหกหลอกคนเล่นด้วย
ได้ยินเขาพูดถึงมังกรปิศาจ จินเฟยเหยาจึงนึกได้ว่าใส่วิญญาณจริงมังกรปิศาจครึ่งตัวไว้ในถุงเฉียนคุน วันนั้นนางกลืนวิญญาณมังกรลงในปากโดยตรง จนกระทั่งหนีออกจากโลกวิญญาณชิงหลิว จึงคายออกมาและใส่ไว้ในกล่องหยก จนถึงตอนนี้เจ้าหมอนั่นก็ยังหลับลึกอยู่ ถ้ารู้ว่าคนที่ฟันตนเองกลายเป็นสองท่อนปกติอยู่ในถุงเฉียนคุนใบเดียวกัน เกรงว่าคงหวาดกลัวจนปัสสาว วะมังกรราดออกมา
“พี่กระจก ข้าสอบถามเรื่องหนึ่งจากท่านได้หรือไม่?” จินเฟยเหยาพลันเอ่ยปากถาม
เวลานี้พี่กระจกกำลังฉวยโอกาสอันหาได้ยากหนีออกมาบินไปบินมารอบๆ อย่างตื่นเต้นยินดี แถมยังไปดูวงเวทชุ่มชื้นบนแท่นทรงกลมว่ามีปัญหาหรือไม่ ถ้าเกิดปัญหาเนื่องจากเวลาผ่านมานาน เกินไป จะได้ใช้แรงงานที่อยู่ข้างๆ ซ่อมแซมได้พอดี ได้ยินเสียงถามจึงตอบส่งๆ ว่า “ยังคิดจะสอบถามเรื่องอะไรอีก?”
“ท่านว่าถ้ามังกรปิศาจตัวนั้น…ไม่มีเนื้อ ความหมายของข้าคือถ้าหายไปครึ่งหนึ่ง เขาจะเป็นอย่างไร?” จินเฟยเหยาลังเลนิดหนึ่ง จากนั้นจึงกระซิบถาม
“โอ้…” พี่กระจกวนรอบนางหลายรอบทันที จากนั้นได้ยินเสียงเขาจุปาก “ดูไม่ออกเลย เจ้าใจกล้าไม่เบา ข้าขอแนะนำว่าทางที่ดีอย่ามีความคิดแบบนี้ ตอนนี้เจ้าเป็นร่างของวิญญาณจริงเ เทาเที่ย ต่อไปเหาะขึ้นสวรรค์ก็ต้องเข้าไปอยู่เผ่าปิศาจ เจ้ากินกายเนื้อของเขาไปครึ่งหนึ่ง ถึงตอนนั้นเขาจะมาหาเรื่องเจ้า อีกทั้งตอนนี้เจ้าก็สู้เขาไม่ได้ ข้าขอแนะนำให้ตัดทิ้งไป ปเล็กน้อย อย่างเช่นทำหายไปชั้นหนึ่งโดยให้เรียบเสมอกัน ไม่ใช้ฟันเขาลงมาครึ่งหนึ่ง”
“กินแล้วสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ขอเพียงกินอย่างฉลาด ระดับความหนาลดลงไปเล็กน้อยคงไม่พบเห็น” พี่กระจกคิดจะหลอกล่อให้นางกินเนื้อมังกรปิศาจแท้ๆ กินอย่างไรก็บอกเสียละเอีย ยดลออ
เดิมทีจินเฟยเหยาก็มีความคิดเช่นนี้จริงๆ ไม่กินตรงส่วนที่เห็นได้ชัด แบบนี้จะถูกพบเห็นได้ง่ายกว่า ท่านว่าหลังจากส่งมังกรปิศาจกลับไปหาฝั่งกระดูกและสองส่วนรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับ บพบว่าครึ่งท่อนล่างไม่มีเนื้อมีแต่กระดูก มิเห็นได้ชัดว่าถูกคนกินไปหรือ กินตามความหนาก็สะดวกดี เดิมทีมังกรปิศาจก็ถูกตัดเนื้อลงมาชั้นหนึ่งเพราะเรื่องวงเวทอยู่แล้ว เพียงแต ต่เจ้าหมอนี่ตระหนี่ ดังนั้นชั้นเดียวที่ว่าจึงหนาไม่ถึงหนึ่งนิ้ว ทดสอบวิชาดาบของจินเฟยเหยาอย่างยิ่ง
ตอนนี้มังกรปิศาจกำลังหลับใหล สามารถตัดอีกชั้นหนึ่งได้พอดี ตัดน้อยหน่อย ความหนากว้างเท่าฝ่ามือหนึ่งก็พอ แบบนี้ต่อไปมังกรปิศาจน่าจะถือว่าตนเองไม่ได้กินอาหารมานานปีจึงผอมลง
นางไม่ได้บอกวิธีนี้ออกมา คิดไม่ถึงว่าพี่กระจกก็พูดเช่นนี้ ท่าทางเขาจะเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี
เวลานี้จินเฟยเหยาส่ายศีรษะอย่างช้าๆ เอ่ยอย่างจริงจังและจริงใจ “พี่กระจกท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นห่วงว่ามังกรปิศาจตัดวงเวทที่ท่านสร้างไว้บนร่างของเขา ต่อไปจะมีผลกระทบต่อ อตัวเขาเอง อย่างไรนั่นก็เป็นเลือดเนื้อนะ ไม่ใช่สิ่งของอื่นๆ ท่านมาพูดกินไม่กินอะไร ล้อเล่นมากไปแล้ว”
“เชอะ” พี่กระจกส่งเสียงขึ้นจมูก คิดจะกินชัดๆ ยังพูดจาตลบตะแลงอีก
“ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว ดวงตาวงเวทก็จัดการเสร็จแล้ว ข้ารู้สึกว่าสมควรขึ้นไปข้างบนเสียที เพียงแต่ข้ากลัวว่าท่านจะตัดใจกลับเข้าในกระจกไม่ได้ อยากอยู่เล่นต่อสักครู่ ส สูดอากาศหน่อยหรือไม่?” จินเฟยเหยาเห็นไม่มีอะไรแล้ว จึงคิดจะกลับขึ้นไปด้านบน
ยากนักที่พี่กระจกจะได้ออกมาสูดอากาศข้างนอก จะยอมกลับเข้าไปง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร ดังนั้นจึงหมุนวนอย่างรวดเร็วหลายรอบ จากนั้นเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ที่นี่คือสถานที่ซึ่งมีปราณว วิญญาณเข้มข้นที่สุดในโลกวิญญาณจ้งถู่ ตอนนี้เจ้าเป็นขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายแล้ว แต่พลังบำเพ็ญเพียรต่ำเกินไป หรือไม่คิดจะบรรลุขั้นแปลงจิตที่นี่แล้วค่อยออกไป? พลังบำเพ็ญเพียร ขั้นกำเนิดใหม่หลังจากขึ้นโลกระดับเทพแล้วก็เหมือนกับทารก มีอันตรายอย่างยิ่ง ถึงแม้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการกำจัดวงเวทสะกดวิญญาณเก้าชั้นคือวิ่งไปโลกระดับวิญญาณแต่ละแห่ง ทว่า โลกวิญญาณบางแห่งอันตรายอย่างยิ่ง ขนาดพลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่เหยียบย่างเข้าไปก็ยังไม่ไหว”
คิดไม่ถึงว่าจะขู่ขวัญข้า ตนเองคิดจะอยู่เล่นสนุกต่ออีกหลายวันชัดๆ จินเฟยเหยาขมวดคิ้วมองดูเขา ปราณวิญญาณที่นี่เข้มข้นอย่างยิ่งจริงๆ ไม่รู้ว่าเดิมทีเป็นเช่นนี้หรือมีสาเหตุม มาจากวงเวทดินชุ่มชื้น แต่จะว่าไป เดิมทีตนเองก็คิดจะหาสถานที่บรรลุขั้นแปลงจิต ที่นี่นับว่าเป็นสถานที่ที่ดี เพียงแต่ต้องใช้เวลายาวนาน ถ้าต้องอยู่กับคนแบบนี้…อันตรายเกินไป ป
ราวกับเดาความคิดของนางออก พี่กระจกเดินเล่นอยู่กลางอากาศ เอ่ยเหมือนพึมพำกับตนเอง “เคล็ดวิชาทงเสินมีจุดที่ไม่ดีอย่างหนึ่งคือจะใช้พลังของสัตว์เทพต้องเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ ถึ งพลังจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น แต่หลังขั้นแปลงจิตไป จะไม่เหมือนขั้นกำเนิดใหม่ที่พอเปลี่ยนร่างก็จะเลื่อนจากขั้นกำเนิดใหม่เป็นขั้นแปลงจิต ทว่าจะรักษาระดับอยู่ที่ขั้นแปลงจิต”
“เพราะเหตุใด!” เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับจินเฟยเหยา หลังจากแปลงกายเป็นเทาเที่ยพลังบำเพ็ญเพียรของตนเองก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นแปลงจิตได้ นี่คือไพ่ตายของนาง ถ้าแปลงร่างห หรือไม่แปลงร่างก็เป็นขั้นแปลงจิต ไม่อาจเปลี่ยนเป็นขั้นว่างเปล่าอย่างที่คิดไว้ ตนเองจะเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ไปทำไม!
“แน่นอนว่าเนื่องจากพลังบำเพ็ญเพียรของวิญญาณจริงอยู่ที่ขั้นแปลงจิต ตอนขั้นกำเนิดใหม่พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าต่ำกว่าของวิญญาณจริง พอเปลี่ยนร่างย่อมสามารถหยิบยืมใช้พลังได้เป็ นธรรมดา ทว่าหลังจากเจ้าเข้าสู่ขั้นแปลงจิต ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนร่างหรือไม่ก็มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นแปลงจิตทั้งหมด ย่อมไร้ประโยชน์เป็นธรรมดา” พี่กระจกเอ่ยพลางหัวเราะหึๆ
“ที่จริงขอเพียงฝึกเคล็ดวิชาเพิ่มอีกอัน ขณะที่ใช้เคล็ดวิชาทงเสินก็สามารถหยิบยืมใช้พลังของเทาเที่ยได้ อีกทั้งยังไม่ต้องเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์”
ได้ยินเรื่องนี้ จินเฟยเหยาก็เหล่มองเขา “ท่านคิดจะทำอะไรกับข้า อยากให้ข้าติดกับสินะ”
“อย่าคิดแบบนี้สิ ข้าแค่อยากจะอยู่ข้างนอกอีกหลายวัน” พี่กระจกเริ่มแสร้งทำเสียงหยาดเยิ้มอีก
“เจ้าให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนปิดด่านกักตนทะลวงขั้นแปลงจิต ข้าจะเสนอเคล็ดวิชานี้แก่เจ้า หรือพอคิดจะใช้ความแข็งแกร่งของเทาเที่ยเจ้าก็ต้องเปลี่ยนร่างเป็นสุนัขตัวใหญ่? เจ้าไม่น น่าจะใช่คนที่มีงานอดิเรกแบบนี้นะ”
“จะมีงานอดิเรกแบบนี้ได้อย่างไร ข้าเป็นคนปกตินะ” จินเฟยเหยาเริ่มลังเล บรรลุขั้นแปลงจิตเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง มีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ข้างกาย ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัย อย่างยิ่ง
แต่ถ้าไม่ต้องเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ก็สามารถใช้พลังของเทาเที่ยได้ นางก็หวั่นไหวอย่างยิ่ง ฝ่ามือเดียวก็สามารถใช้พลังโจมตีเป็นหลุมใหญ่ลึกหลายสิบจั้ง ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้
นางครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย “ท่านคงไม่รบกวนการฝึกบำเพ็ญของข้านะ”
“เจ้าเห็นข้าว่างมากหรือ ข้าไม่รบกวนเจ้าแน่นอน ข้ายังมีเรื่องอื่นๆ ต้องทำอีก แค่คิดจะอยู่ข้างนอกต่ออีกหลายวัน เจ้าฝึกบำเพ็ญของเจ้า ข้าเล่นสนุกของข้า สองฝ่ายไม่เกี่ยวข้อง กัน รอจนเจ้าบรรลุขั้นแปลงจิตแล้วก็สามารถนำกระจกสภาพโลกวิญญาณออกไปข้างนอกขจัดวงเวทสะกดวิญญาณเก้าชั้นได้” พี่กระจกสบถสาบานอย่างจริงจัง
คิดว่าบุคคลเช่นนี้ไม่น่าจะจงใจทำลายการเลื่อนขั้นของตนเอง พลังบำเพ็ญเพียรกระจิริดแค่นี้เขาคงไม่เห็นอยู่ในสายตา อยากจะสังหารตนเองก็มีนับหมื่นวิธี ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงตอบรับ บ “ก็ได้ แต่ข้าจะออกไปบอกกับพวกหวาหวั่นซีก่อน”
“ไปเถอะ รีบไปรีบมา” พี่กระจกเอ่ยอย่างรื่นเริง น้ำเสียงนี้ทำให้จินเฟยเหยาอดสงสัยไม่ได้ คนผู้นี้อยู่มาจนเหาะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร ทำให้คนไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เพิ่งเดินไปสองก้าว จินเฟยเหยาพลันนึกเรื่องหนึ่งได้ จึงหยุดลงและเอ่ยถามอย่างสงสัย “พี่กระจก ข้ามีเรื่องหนึ่งขบคิดไม่เข้าใจ”
“เรื่องอะไร? ทำไมเจ้าจึงมีปัญหามากมายขนาดนี้ ถามเรื่องแล้วเรื่องเล่าไม่ขาดสาย” พี่กระจกส่ายร่างพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“นี่เป็นคำถามสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่รู้ข้าจะไม่สบายใจ” จินเฟยเหยาได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของเขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้อ…ผู้หญิงนี่ยุ่งยากจริง” พี่กระจกก็ถอนหายใจเอ่ยอย่างจนปัญญา
จินเฟยเหยาถือว่าไม่ได้ยิน เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “พี่กระจก เพราะเหตุใดตอนข้าเห็นกระจกสภาพโลกวิญญาณจึงอยากจะซื้อมันขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ ทั้งยังปรารถนาอย่างแรงกล้า มีควา ามรู้สึกว่าถ้าไม่ซื้อแล้วพามันท่องไปโลกวิญญาณแต่ละใบก็จะตายตาไม่หลับ?”
นี่เป็นจุดที่นางสงสัยมากที่สุด เพราะหลังจากซื้อมาได้ไม่นาน ความคิดจะอยากเที่ยวเล่นไปทั่วของนางก็เบาบางลงมาก แม้แต่บันทึกแผนที่ก็ใช้เพียงครั้งเดียวตอนได้มาไว้ในมือที่โ โลกวิญญาณหนานเฟิง เนื่องจากใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป หลังจากนั้นนางก็ไม่เคยใช้อีกเลย
“ที่แท้เรื่องนี้เอง ง่ายดายยิ่ง เนื่องจากข้าลงเวทเสน่ห์วัตถุไว้ในกระจกสภาพโลกวิญญาณ ขอเพียงมีความรู้สึกสนใจสิ่งนี้สักนิด อีกทั้งเคยเห็นสักแวบ ในใจจะเกิดความรู้สึกอยากคร รอบครองอย่างรุนแรงทันที นี่เป็นเวทเสน่ห์ที่ข้าคิดค้นออกมาโดยเฉพาะ ตอนข้ามีพลังบำเพ็ญเพียรไม่สูงนัก ใช้วิธีนี้ประมูลขายของวิเศษที่ตนเองหลอมสร้างได้ในราคาสูงเป็นจำนวนมาก ตอ อนนั้นหาเงินได้มหาศาลแทบตายจริงๆ อีกทั้งวงเวทที่บันทึกแผนที่ใหม่ ที่จริงคือวงเวทกุญแจที่เปิดการทำงานของกระจกสภาพโลกวิญญาณ ใช้ครั้งเดียวก็พอ ไม่เช่นนั้นมันจะสามารถเปิดวง งเวทของแต่ละโลกเองโดยไม่ต้องให้เจ้าถ่ายเทพลังวิญญาณเริ่มการทำงานได้อย่างไร” พี่กระจกเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจและไม่สนใจสีหน้าเดือดดาลจนแทบจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงและในสีม่วง งมีสีแดงแฝงอยู่ของจินเฟยเหยาเลยสักนิด
สารเลวเอ๊ย! เป็นคนประเภทใดกัน คิดไม่ถึงว่าขายสิ่งของยังใช้เวทเสน่ห์วัตถุอีก!