คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 424 แปลงจิต
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีคนยืนอยู่คนหนึ่งและก็อาจจะเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง
เห็นคนยืนอยู่ตรงนั้นชัดๆ ทว่ามือ ศีรษะ และส่วนอื่นๆ ที่เผยออกมานอกร่มผ้า กลับมีขนยาวสีดำ โดยเฉพาะส่วนศีรษะก็คือเทาเที่ยที่หดเล็กลง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนเทาเที ยตัวหนึ่งยืนอยู่ เพียงแต่สวมเสื้อผ้าเท่านั้น
จินเฟยเหยามีโทสะแทบตายแล้ว เมื่อครู่ตอนเลื่อนขั้นมีอัสนีสวรรค์สายหนึ่งโจมตีทะลุพื้นดินเข้ามา อัสนีสวรรค์มีขนาดใหญ่และพลังมหาศาลเกินไป คิดจะฟาดนางให้ตายโดยตรง พี่กระจกที่ อยู่ข้างๆ เตือนให้นางใช้คาถาผสานหยิบยืมพลังแห่งร่างเทาเที่ยมารับอัสนีสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ของวิเศษต้านทานอัสนีสวรรค์ตอนเลื่อนขั้น ต้องใช้กายเนื้ออันแข็งแกร่งต้านทานไ ไว้
นางไม่กล้าชักช้า ใช้คาถาผสานโดยไม่คิดสักนิดก็รู้สึกว่าทั่วร่างเปี่ยมพลังทันที อีกทั้งไม่ได้ยืนสี่ขาบนพื้นจริงๆ ยังนั่งขัดสมาธิอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
รอจนอัสนีสวรรค์ผ่านพ้น จินเฟยเหยาจึงนับว่าบรรลุขั้นแปลงจิต อาการบาดเจ็บที่ถูกอัสนีสวรรค์ผ่าก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังคิดจะดูว่าหลังตนเองบรรลุขั้นแปลงจิต ตมีความสามารถมากเพียงใด นางก็สังเกตเห็นปัญหาร้ายแรงอย่างหนึ่ง
ใช้คาถาผสานแล้วไม่ต้องเปลี่ยนร่างเป็นเทาเที่ยจริงๆ แต่สัตว์ที่ยืนอยู่เหมือนคนนี่มันเรื่องอะไรกัน!
“ข้าจะเหยียบท่านให้ตาย ของแบบนี้ท่านก็กล้านำมาให้คนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า หรือท่านนึกว่าแค่ยืนก็จะไม่ใช่เทาเที่ยแล้ว! ในอดีตตอนกลายเป็นสัตว์ยังแสร้งทำแอ๊บแบ๊วน่ารัก ไม่เช่นน นั้นก็ขู่ขวัญผู้อื่นได้เนื่องจากร่างกายใหญ่โตมีลักษณะดุร้าย ตอนนี้ครึ่งคนครึ่งสัตว์น่ารักแบบนี้นับเป็นตัวอะไร ข้าไม่ได้แสดงวาไรตี้นะ” จินเฟยเหยามีเพลิงโทสะแผดเผา ลักษณะใน ตอนนี้อัปลักษณ์แทบตายแล้ว เมื่อครู่พี่กระจกยังจงใจบินผ่านด้านหน้านาง ใช้บานกระจกสว่างไสวส่องรูปโฉม เรื่องนี้ยั่วโทสะนาง ถึงพี่กระจกจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกระดับสวรรค์ วันนี้ นางก็ต้องอัดเขา!
นางใช้มือจับกระจกสภาพโลกวิญญาณกระแทกพื้นอย่างแรง จากนั้นขึ้นไปเหยียบอย่างหนักหน่วง
“ทำไมคนอย่างเจ้าจึงไร้เหตุผลแบบนี้นะ เจ้าบอกว่าไม่อยากกลายร่างเป็นสัตว์มิใช่หรือ ข้าก็ให้เจ้าใช้ลักษณะของมนุษย์ยืนอย่างไรเล่า แค่เพิ่มขนกับใบหน้าอัปลักษณ์นิดหน่อย ไม่เห็นเป็ นอะไรเลย ใครจะไปสนใจ!” พี่กระจกในกระจกสภาพโลกวิญญาณร้องโวยวายว่าถูกใส่ความ รู้สึกว่าความหวังดีของตนเองไม่ได้รับการตอบแทนที่ดี
“ใครจะสนใจ?” จินเฟยเหยาเดือดดาล หน้าตาแบบนี้เหมือนสัตว์ปิศาจเสียยิ่งกว่าเผ่าปิศาจ ยังบอกว่าไม่มีใครสนใจอีก นางเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น เรียกทงเทียนหรูอี้ให้กลายเป็นค้อนสอง งด้ามทุบลงไปบนพี่กระจกอย่างไม่เกรงใจ
“ทุบอย่างแรง รอให้ข้าคลายโทสะค่อยหยุด!” นางยืนกอดอกเอ่ยอย่างดุร้ายอยู่ด้านข้าง ทงเทียนหรูอี้ผลัดเปลี่ยนกันทุบพี่กระจกราวกับตีเหล็ก
ภายใต้การทุบของทงเทียนหรูอี้ กระจกสภาพโลกวิญญาณไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ได้ยินเสียงทุบดังเคร้ง ทุบแต่ละครั้งสะเก็ดไฟกระเด็นกระดอน
เสียงค่อยๆ ดังไปด้านบนอย่างช้าๆ บรรดาเผ่าพิภพได้ยินทุบดังเคร้งๆ ดังมาจากใต้ดินก็หันมามองหน้ากัน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ให้พวกเขาคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก ตอนนี้ยัง มีเสียงประหลาดดังมาอีก แปลกประหลาดเกินไปจริงๆ
“ราชัน ท่านออกไปดูหน่อย คาดว่าทั้งสามเผ่าจะส่งคนมาสอบถามข่าวคราว ถ้ามีคนถาม ท่านก็บอกว่าส่งคนไปดูแล้วพบว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนท่านหนึ่งกำลังปิดด่านกักตนอยู่จริงๆ ทว่าไม่รู ทั้งหน้าตาและเผ่าพันธุ์ นางสวมชุดสีดำปิดบังไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เรื่องอื่นๆ ท่านก็บอกว่าไม่รู้อะไรเลย อย่างมากก็บอกว่ามาเมื่อห้าสิบปีก่อน อย่างอื่นไม่ต้องพูดมาก” หวา าหวั่นซีครุ่นคิดแล้วเรียกราชันอี้ถู่มาให้เขาไปเฝ้าบนผิวดิน
ราชันอี้ถู่เอ่ยอย่างระมัดระวัง “เสียงดังเคร้งๆ นั่นมันเรื่องอะไรกัน? คนอื่นๆ ต้องอยู่ที่นี่ต่อหรือไม่”
“ไม่ต้อง ให้แต่ละคนกลับไปได้ ข้ากับพั่งจื่อจะไปดูหน่อย น่าจะไม่เป็นไร” หวาหวั่นซีสั่ง จากนั้นราชันอี้ถู่ตอบรับ ก็พาคนไปเริ่มปลอบโยนประชาชนและสลายฝูงชน
หวาหวั่นซีกับพั่งจื่อมาถึงด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน อุโมงค์ใต้ดินที่นำไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขุดไว้สูงและกว้างขวางแต่แรกแล้ว คนทั้งสองมาถึงด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไ ได้ยินเสียงทุบดังเคร้งๆ ดังชัดเจน
“นี่กำลังทำอะไรอยู่ ไม่คิดจะทำงานขนาดนี้เลย แค่บรรลุขั้นแปลงจิตก็คิดจะตีเหล็กแล้ว?” หวาหวั่นซีเอ่ยเย้ยหยันอย่างสงสัย ยืนอยู่ด้านนอกใช้พลังวิญญาณตะโกนเข้าไปทันที “เฟยเห หยา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
จินเฟยเหยายังทุบตีและด่าทอพี่กระจกอยู่ ได้ยินเสียงหวาหวั่นซีตะโกนอยู่ด้านนอก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ช่างใส่ใจจริงๆ ถ่ายทอดเสียงเข้ามาให้โดยตรง นางหยุดมือทันที มองดูลักษณะของตน นเอง แล้วรีบเอ่ยกับพี่กระจก “พวกหวั่นซีมาแล้ว ถ้าเห็นสารรูปนี้ของข้าต้องหัวเราะจนฟันร่วงแน่ ท่านรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า”
พอพี่กระจกได้ฟังก็เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “ทั่วร่างข้าถูกทุบจนเจ็บปวดไม่หยุด การรับรู้ก็ใกล้จะสลาย เรื่องราวมากมายก็ลืมหมดแล้ว”
ทั่วร่างเจ็บปวดไม่หยุดอะไรกัน บนกระจกไม่มีริ้วรอยเลยสักนิดชัดๆ ยังแสร้งทำเป็นน่าสงสาร จินเฟยเหยาเก็บทงเทียนหรูอี้กลับมา หยิบกระจกโลกวิญญาณขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ถ้าท่านคิดไม่ ออก ข้าจะรออยู่ที่นี่ เดินทางไปทั่วเพื่อเปิดวงเวทอะไรนั่นก็หายไปจากสมองของข้าพอดี ว้าว ลืมจนหมดแล้ว ดียิ่งนัก ข้าสามารถอาศัยอยู่ในโลกวิญญาณจ้งถู่ได้อย่างวางใจแล้วสิ นะ”
“พอแล้ว เจ้าแค่ถอนคาถาผสานกลับไปก็กลับสู่ร่างเดิมได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย” พี่กระจกส่งเสียงขึ้นจมูก เอ่ยอย่างไม่พอใจ
จินเฟยเหยาตะลึงงัน เมื่อครู่มีโทสะจนลืมเรื่องนี้ไปเลย นางรีบถอนคาถาผสานร่าง ถอยออกจากรูปลักษณ์ของสัตว์ นางไม่ยอมรับว่าตนเองลืมเรื่องนี้ไปแน่นอนจึงตีหน้าขรึมเอ่ยว่า “ที ข้าพูดเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องนี้ ข้าหมายถึงว่าถ้าต่อไปข้าต้องใช้พลังของเทาเที่ยจะทำอย่างไร!”
พี่กระจกเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “อะไรจะทำอย่างไร ไม่แปลงเป็นเทาเที่ยทั้งตัวเหมือนเมื่อก่อนก็ต้องกลายเป็นสัตว์ในร่างคนอย่างในตอนนี้”
“ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?” จินเฟยเหยาถือกระจกสภาพโลกวิญญาณแล้วเขย่าอย่างรุนแรง “สภาพแบบนี้ใครจะอยากได้ ถ้าไม่ใช้ ข้าจะเรียนของพรรค์นี้ไปทำไม เคล็ดวิชาแผ่นนี้ของท่านยาก แทบตาย ข้าใช้เวลาตั้งนานจึงทะลวงขั้นแปลงจิตได้ สาเหตุกว่าครึ่งคือเรียนรู้คาถาผสาน ตอนนี้ท่านถึงกับบอกข้าว่าไม่ต้องใช้ เช่นนั้นข้าจะเสียเวลามากมายขนาดนี้ไปทำไม!”
“ตอนเจ้าฝึกได้ถึงขั้นสิบสอง โผล่แค่เขาหรือหางออกมาก็สามารถหยิบยืมพลังทั้งหมดของวิญญาณจริงเทาเที่ยได้” เห็นนางคำรามจนหน้าแดงก่ำ พี่กระจกจึงเอ่ยเรียบเรื่อย
“หืม?” จินเฟยเหยาหยุดลงมือและเอ่ยถาม “ทำไมท่านไม่บอกแต่แรก ตอนนี้ข้าอยู่ขั้นที่เท่าใดแล้ว?”
“ขั้นหนึ่ง…”
“ข้าใช้เวลาตั้งสิบเจ็ดปีนะ! เพิ่งได้ขั้นหนึ่ง! ฝึกถึงขั้นสิบสองถ้าข้าไม่แก่ตายก็คงเหาะขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ยังต้องหยิบยืมพลังของเทาเที่ยทำไม อีกทั้งข้ายังต้องไปเปิดวงเวท ทบ้าๆ ให้ท่าน ไหนเลยจะมีเวลาว่างไปฝึกบำเพ็ญเคล็ดวิชาผสาน” จินเฟยเหยาออกแรงในมือ เริ่มเขย่าขึ้นมาอีก
นางอดด่าทอในใจไม่ได้ ผู้ยิ่งใหญ่พวกนี้มอบสิ่งของให้มั่วซั่ว ถ้าไม่ใช่วัตถุดิบเยอะหายากเป็นพิเศษ หลอมตามสบายครั้งหนึ่งก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยปี ถ้าไม่ใช่คนยากจนก็ไม่รู้ว่าข้าวส สารกับฟืนมีราคาแพงจริงๆ ของแบบนี้พวกเขาก็นำมาล้อเล่นได้
พี่กระจกเห็นว่าเล่นสนุกจนเพียงพอแล้ว จึงเอ่ยอีกประโยคว่า “ไม่มีอะไรทำเจ้าก็ลองนำคาถาผสานมาใช้ดู เวลาที่ใช้ยิ่งมาก การเลื่อนขั้นก็จะยิ่งเร็ว สิ่งนี้ไม่ต้องจงใจฝึกฝนเป็นพิ เศษ เรียนเป็นแล้วต่อไปใช้บ่อยๆ ก็พอ ฝึกฝนจนชำนาญก็จะเลื่อนขั้นได้เอง”
“สิ่งของบ้าบออะไรกัน! ท่านจงใจใช่หรือไม่ แค่อยากเห็นเรื่องขำขันที่ข้ากลายเป็นสัตว์ในร่างมนุษย์!” จินเฟยเหยามีโทสะจริงๆ แล้ว ขว้างกระจกสภาพโลกวิญญาณออกไปอย่างแรง
“สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง นี่ยังเป็นสิ่งที่ข้าแก้ไขหลังผ่านการครุ่นคิดมาโดยเฉพาะ ไม่ต้องให้เจ้าฝึกฝน ขอเพียงใช้บ่อยๆ ก็เลื่อนขั้นได้ เจ้ามีปัญหาหรือ” ถึงพี่กระจกกำลังปฏิเสธ ธ ทว่าใจจริงเบิกบานสุดขีด รอมาหกสิบสองปีก็เพื่อเห็นนางพ่ายแพ้ในวันนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าในใจจะตื่นเต้นยินดีมากเพียงใด
จินเฟยเหยากัดฟันแล้วเอ่ยถาม “มีเวลาน่า ต้องใช้คาถากี่ครั้งหรือใช้เวลากี่ชั่วยามจึงบรรลุขั้นสิบสอง”
พี่กระจกหัวเราะหึๆ “ไม่มาก ฝึกจากขั้นหนึ่งจนถึงขั้นสิบสอง เจ้าแค่เปลี่ยนร่างหนึ่งล้านสามแสนหนึ่งหมื่นสี่พันชั่วยามก็พอ”
“หา?” จินเฟยเหยามีสีหน้างุนงง นี่คือเวลานานเพียงใดกัน ฟังดูเหมือนนานมาก
“สามร้อยปี” พี่กระจกเอ่ยเตือนอย่างไม่พลาดโอกาส เตรียมดูจินเฟยเหยามีเพลิงโทสะลุกโชนสามจั้ง ถึงอย่างไรกระจกสภาพโลกวิญญาณก็แข็งแกร่งอย่างยิ่งปล่อยให้นางทรมานไปเถอะ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ ครั้งนี้จินเฟยเหยาไม่ได้ขว้างมัน ทว่าอุ้มกระจกสภาพโลกวิญญาณขึ้นเช็ด จากนั้นเริ่มอ้าปากจะงับ พี่กระจกตกใจสุดขีดรีบร้องตะโกนลั่น “ข้ารู้แ แล้ว! ข้าไม่ได้จงใจทำให้เจ้าโกรธ เจ้าเคยรับปากว่าจะไปเปิดวงเวท ถ้าตอนนี้เจ้าทำลายกระจกสภาพโลกวิญญาณ มันจะเหนี่ยวนำให้วงเวทพังพินาศ ถึงเจ้าเป็นขั้นแปลงจิตแล้วก็ต้องกลายเป็นเถ ถ้าธุลีทันที”
คิดไม่ถึงว่าตนเองแค่เห็นทงเทียนหรูอี้ทำอะไรเขาไม่ได้จึงคิดจะงับเขาสักหลายที ถึงงับไม่เข้าก็ต้องใช้น้ำลายทำให้เขาขยะแขยงหน่อย พี่กระจกถึงกับหวาดกลัว หรือว่าสิ่งที่ร้ายกา าจที่สุดของเทาเที่ยไม่ใช่ความแข็งแกร่ง ทว่าเป็นฟันสีขาวหิมะเต็มปาก?
ดังนั้นนางจึงจงใจเชิดหน้าขึ้น เอ่ยด้วยท่วงท่าสูงส่ง “ครั้งนี้ช่างเถอะ ข้ายกโทษให้ ครั้งหน้าถ้าท่านทำแบบนี้อีก ข้าจะกินท่านต่างเซาปิ่ง”
พี่กระจกไม่ส่งเสียง ครั้งนี้เรือล่มในร่องน้ำ[1]เสียแล้ว ต่อให้มีวิญญาณจริงของเทาเที่ยสิงร่างก็ไม่มีใครคิดจะใช้ปากกัดของวิเศษ ยายนี่ไม่ใช่คนที่ทำตามหลักการปกติจริงๆ ต่อไปถ ถ้าเหาะขึ้นโลกระดับสวรรค์ คนผู้นี้เล่นพนันขึ้นมาคงคดโกงเสียแปดส่วน ต่อไปเล่นกับนางไม่ได้เด็ดขาด วิญญูชนผู้เที่ยงธรรมอย่างข้าเผชิญหน้ากับอันธพาลแบบนี้ก็จนปัญญาจริงๆ
ฟันของเทาเที่ยแหลมคมอย่างยิ่ง ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าสามารถกัดกระจกสภาพโลกวิญญาณแตกละเอียดได้ ทว่าของวิเศษชั้นยอดอันประณีตถึงเพียงนี้ ถ้าเสียหายแม้แต่น้อยก็จะเปิดวงเวทสะกดวิญญา าณเก้าชั้นไม่ได้ ต่อไปค่อยจัดการนาง ยายโง่นี่หลอกง่ายอย่างยิ่ง
เห็นตนเองอ้าปากแยกเขี้ยวก็ขู่ขวัญผู้ยิ่งใหญ่ที่เหาะขึ้นสวรรค์ได้ นอกจากตกใจแล้วนางยังลอบยินดี นี่คือหาวิธีควบคุมเขาได้แล้ว หลังจากเหาะขึ้นสวรรค์เขาจะคิดบัญชีรวบยอดหรือ อไม่ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ใครจะรู้ว่าตนเองจะได้เหาะขึ้นสวรรค์หรือไม่ เรื่องอีกยาวไกลแบบนี้ไม่ต้องไปครุ่นคิดเลย
…………………………………..
[1] เรือล่มในร่องน้ำ หมายถึง ทำผิดพลาดในเรื่องง่ายๆ หรือเรื่องที่มั่นใจว่าเอาอยู่ จัดการได้