ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 107 ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก
จากนั้นไม่นาน เชอร์รีนก็ได้สติกลับคืนมา เธอเดินไปที่ห้องครัว และทำซุปไก่มันฝรั่ง จากนั้นก็นั่งทานอยู่บนโต๊ะอาหาร เห็นเขาเป็นคนที่ไร้ตัวตนอีกครั้ง
ออกัสดื่มน้ำอุ่นต่อไปไม่ไหวแล้ว ความเย็นชาและเฉยเมยของเธอได้กลับคืนมาอีกครั้งในทันที
อารมณ์เบิกบานก็ได้ถูกเมฆหมอกปกคลุมภายในชั่วพริบตา ดวงตาลึกล้ำของเขาจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของเธอ: “คุณเชอร์รีน พวกเรามาคุณกันหน่อย”
ทานซุปร้อน ๆ ลงไป แม้แต่มือและเท้าก็พลอยอุ่นขึ้นมาด้วย เธอเงยหน้า มองดูเขา และกล่าวทีละคำอย่างเน้นย้ำ
“คุณออกัสต้องการคุยอะไรกับฉันเหรอคะ?
หรือว่าจะจัดการความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราสามคนให้จบสิ้น? ในเมื่อไม่ยอมอย่า เช่นนั้นความหมายของคุณออกัสก็คือรักษาสภาพอย่างปัจจุบันนี้เอาไว้ สภาพอย่างปัจจุบันที่ว่าหมายถึงอะไร นั่นก็คือการแต่งงานระหว่างพวกเราเป็นเพียงแค่ข้อตกลงสินะ
คุณออกัสมีสิทธิ์ที่จะมาก้าวก่ายเรื่องของฉัน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปก้าวก่ายเรื่องของคุณออกัส ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจำเป็นต้องคุยกันอีก ไม่ใช่เหรอคะ?”
ออกัสหรี่ตาแน่น เขาพบว่า คุณหญิงเชอร์รีนไม่ได้ฉลาดอย่างธรรมดา แถมยังมักจะพูดแทงใจดำอย่างตรงจุด
“นอกเสียจากว่าคุณออกัสจะตัดสินใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตัดสินใจที่จะหย่ากับฉัน หรือตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันกับเธอ แบบนี้ พวกเราถึงมีความจำเป็นที่จะต้องคุยกัน อีกอย่างในตอนที่คุณออกัสบอกว่าอยากจะคุยกับฉัน คุณคิดดีแล้วหรือยังว่าจะคุยกับฉันเรื่องอะไร? คงจะไม่ใช่เพราะทนไม่ไหวกับสีหน้าและท่าทางของฉันในตอนนี้ ดังนั้น ถึงคิดอยากจะคุยกับฉันขึ้นมาชั่วขณะหรอก ใช่ไหม?”
เขาคนนี้ถึงแม้ค่อนข้างจะลึกล้ำ ทำให้คนคาดเดาไม่ได้ราวกับหลุมที่มองไม่เห็นก้น แต่ฟังคำพูดในหลายวันมานี้ของเขา เธอก็พอจะเดาออกได้บ้าง
คุณชายใหญ่ของตระกูลสิริไพบูรณ์ที่มีเชื่อเสียงโด่งดังในเมืองs มีเมื่อไหร่กันที่คนอื่นไม่เยินยอ ประจบประแจง เลียแข้งเลียขาเขา?
แต่เธอกลับเย็นชาต่อเขาติดต่อกันอยู่หลายครั้ง เป็นธรรมดาที่คุณชายใหญ่ออกัสจะทนไม่ได้
เขาขมวดคิ้วทั้งสองข้าง ออกัสชำเลืองตามองเธอ สายตาสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากนัยน์ตาดำสนิทของเธอ
ในเวลานี้ ซุปไก่มันฝรั่งถ้วยนั้นก็ได้ถูกทานจนมาถึงก้นถ้วย เชอร์รีนลุกขึ้น และวางถ้วยเอาไว้ตรงนั้น แล้วไปแปรงฟันในห้องน้ำ
จากนั้นไม่นาน ก็เดินออกมา กวาดสายตาผ่านร่างของเขา: “ถ้าคุณออกัสก็อยากทานซุปเหมือนกัน งั้นก็รบกวนล้างถ้วยช้อนเอง แล้วตัดเอาซุป ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ”
การแต่งงานในครั้งนี้จะสิ้นสุดลงไม่ได้ เธอคงไม่อาจพูดจาเย็นชากับเขาในทุก ๆ วันได้ แบบนี้ นับเป็นการทำลายอารมณ์ของตัวเองเท่า เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างอิสระ
ในท้องของเธอยังมีทารกอยู่ หมอบอกว่าให้เธอรักษาอารมณ์ที่มีความสุขเอาไว้ แบบนี้ไม่เพียงดีต่อเธอ และยังดีต่อเด็กด้วย
เมื่อพูดจบ เธอก็เข้าไปในห้องนอน ขึ้นเตียง แล้วพักผ่อน
ออกัสเหลือบมองเงาร่างของเธอหายไป แต่คำพูดที่เธอทิ้งเอาไว้นั้น กลับทำให้เขารู้สึกดีเป็นพิเศษ รู้สึกสบายตั้งแต่หัวจรดเท้า
เดินเข้าไปในห้องครัว ล้างถ้วยที่เธอใช้จนสะอาด และตักซุปออกมาถ้วยหนึ่ง
ซุปนั้นข้นข้างจะจืด และเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ทานแล้วรู้สึกสดชื่น สำหรับอาหารที่เธอทำ เหมือนว่านับวันเขาจะเคยชินขึ้นมาเรื่อย ๆ
เครื่องทำความร้อนภายในห้องรับแขกยังไม่ทันอุ่นสักเท่าไหร่ ยังคงมีความเหน็บหนาวอยู่เหมือนเดิม เขามองผ่านห้องนั่งเล่น สายตาหยุดลงที่ประตูห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ดวงตาของออกัสขยับเล็กน้อย ร่างสูงโปร่งเดินไปทางประตู เพียงแต่ว่าฝีเท้านั้นเบามาก เหมือนกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น
เชอร์รีนที่อยู่บนเตียงในตอนนี้ได้หลับอย่างสนิท นับจากที่เธอได้ตั้งครรภ์ เธอก็ง่วงนอนเป็นพิเศษ ตอนกลางคืนนอนเร็ว พอตอนเช้านอนยังไงก็นอนไม่พอ
เขาเดินเบา ๆ ออกัสยืนอยู่ที่ข้างเตียง และจ้องมองดูเธอ เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าที่ใหญ่พอ ๆ กับฝ่ามือ ขาวอมชมพู ดูสงบเสงี่ยมรีบร้อย แต่กลับดื้อรั้นแบบนั้น ทันทีที่เอ่ยปาก กลับช่างพูดช่างจา
นอกจากนี้แล้ว เมื่อมีอารมณ์ขึ้นมา ก็เย็นชา แม้แต่มองยังไม่มองคุณเลยสักนิดติดต่อกันหลายวัน ยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะคุยกับคุณเลย มันทำให้คนเคียดแค้นจริง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
มือที่ร้อนอุ่น ๆ เลื่อนผ่านไปบนใบหน้าของเธอ การเคลื่อนไหวของออกัสทั้งเบาทั้งอ่อนโยน
จากนั้น เขาหยิบเอาผ้าห่มและผ้าห่มบาง ๆ ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา และไม่กลับไปที่ห้องรับแขกอีก และใช้ผ้าห่มบาง ๆ ปูลงไปบนพื้น ร่างสูงโปร่งได้นอนลงที่ข้างเตียง
ห้องเล็ก ๆ คนสองคน ต่อให้เครื่องทำความร้อนไม่มีผลอะไรมาก แต่มันก็ยังดีกว่าที่ห้องรับแขกเป็นร้อยเท่า
ภายในห้อง มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ของทั้งสองคน ดังล่องลอย……
กลางดึก เชอร์รีนอยากจะเข้าห้องน้ำ จึงตื่นขึ้นมา หลังจากที่ตั้งครรภ์ก็ไม่เพียงมักง่วงนอน แล้วยังฉี่บ่อยอีกด้วย
เธอลุกขึ้น อาศัยแสงจากดวงจันทร์ กลับเห็นว่ามีคนนอนอยู่บนพื้นอย่างเลือนราง ขมวดคิ้ว และเปิดโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ถึงได้มองเห็นอย่างชัดเจน
ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าคมคายหนุนอยู่บนแขน เรียบง่ายและเกียจคร้าน ภายใต้แสงจันทรา ช่วงดูมีรสชาติ
บางทีอาจเป็นเพราะ ตอนที่อยู่ด้านนอกตึกพักอาศัย เขาไม่ได้สนใจหยาดฝน แต่ได้จับข้อมือของเธอพาเธอจากไป หรืออาจจะเป็นเพราะ ในตอนที่เธอถามว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะไปก้าวก่ายความอิสระของเขาหรือไม่ ประโยคที่เขาตอบรับนั่น ทำให้เธอใจอ่อนเล็กน้อย
ผู้หญิงที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความรักเหมือนจะเป็นแบบนี้แทบทุกคน แม้อีกฝ่ายจะให้ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อย เธอก็จะคว้าเอาไว้ และจดจำมันไว้ในใจ……
ถึงแม้เมื่อตอนบ่ายจะได้บอกกับเจ้าของตึกเรื่องเครื่องทำความอุ่นไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย
ตอนที่นอนอยู่ในผ้าห่มยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอออกมา ความเหน็บหนาวนั่นหนาวจนทิ่มแทงกระดูก
เดินเบา ๆ เชอร์รีนหยิบเอาผ้าห่มออกมาจากตู้ที่อยู่ด้านข้าง และห่มให้เขา จากนั้นค่อยลุกไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากที่กลับมาจากห้องน้ำ เธอก็นอนไม่ค่อยจะหลับ สายตามองไปบนเงาร่างสูงโปร่งที่อยู่บนพื้นอย่างเป็นกังวลอยู่บ่อยครั้ง พลิกไปพลิกมา ยากที่จะนอนหลับ
ถึงที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ได้หลับลึกลงไปอีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น ออกัสได้ตื่นขึ้นมาก่อน ในตอนที่ดวงตาลึกซึ้งที่แฝงไปด้วยความง่วงได้กระทบกับผ้าห่มที่อยู่บนร่างกาย เขาก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เหมือนกับว่าปฏิกิริยาของคุณหญิงเชอร์รีนได้ค่อย ๆ อ่อนโยนขึ้นมา……
ก้มหน้า มองดูเวลาแวบหนึ่ง หกโมงเช้านิด ๆ เอาผ้าห่มออกและลุกขึ้น สายตาอันอ่อนโยนกวาดผ่านร่างของเธอ แล้วออกไปจากห้อง
เดินออกจากซอยมืดนอกเขตที่อยู่อาศัย ข้างถนนทั้งสองฟากฝั่งเต็มไปด้วยร้านขายอาหารเช้า มีทุกอย่างที่ควรจะมี
เขาหยุดยืนอยู่ที่น้าร้านเล็ก ๆ ออกัสกวาดสายตาผ่านร้านอาหารเช้านานาชนิด ไม่รู้ว่าเธอชอบอาหารเช้าประเภทไหนมากกว่า สุดท้าย เขาขยับริมฝีปาก กล่าว: “เอาทุกอย่างอย่างละนิดละหน่อยแล้วกัน”
เจ้าของร้านพยักหน้าอย่างเบิกบานใจ และนำอาหารเช้าแต่ละอย่างอย่างละชุดใส่ถุงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็มัดปากถุง ละยื่นให้เขา
เขารับมา ออกัสยื่นแบงก์ร้อย (แบงก์ห้าร้อย) ให้กับเจ้าของร้าน ไม่รอให้เจ้าของร้านทอนเงิน ก็ได้หมุนตัวเดินจากไป
ทันทีที่เจ้าของตึกเปิดประตูออก ก็พบชายหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาต้อนรับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมาทันที เธอเอ่ยปากทักทาย: “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณออกัส”
“อรุณสวัสดิ์ครับ” พยักหน้า ออกัสเฉยชาอย่างสุภาพ จากนั้นก็เดินผ่านเจ้าของตึก และเปิดประตูห้องเข้าไป
เขาจ้องมองเงาร่างนั้นเดินลับไปจากสายตา เจ้าของตึกแจะปากออกเสียง ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ทำไมเธอไม่เคยเจอมาก่อนนะ!
อายุสี่สิบกว่า ผ่านช่วงเวลาที่จะลุ่มหลงในความรักไปนานแล้ว แต่ก็ยังถูกทำให้หลงเสน่ห์จนแทบโงหัวไม่ขึ้น ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด
สิ่งสวยงามทำให้คนชื่นตาชื่นใจจริง ๆ มองเพียงแค่แวบเดียว ก็ทำให้รู้สึกจิตใจเบิกบานผ่อนคลายไปทั้งตัว
และนึกถึงอาหารเช้าที่เขาถืออยู่ในมือเมื่อสักครู่ เจ้าของตึกยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เอาใจใส่ น่าหลงใหล