ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 108 ทำไมถึงอยากไปประเทศอเมริกา
แต่ก็มีชั่วขณะหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ ดูเสื้อผ้าที่คุณออกัสสวมใส่ คำพูดและการกระทำ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความสง่างามและความสูงศักดิ์อย่างบอกไม่ถูก
นอกจากนี้แล้ว รถของเขาดูก็รู้ว่ามีมูลค่านับล้าน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีเงิน แต่ทำไมถึงได้อาศัยอยู่ในที่แบบนี้ล่ะ?
เธอส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เจ้าของตึกเหยียดค้าน และไปออกกำลังกายตอนเข้าที่สนามที่อยู่ด้านข้าง
เชอร์รีนที่อยู่บนเตียงยังไม่ทันตื่น ออกัสไม่ได้ไปปลุกเธอ แต่ได้นั่งทานอาหารเล็กน้อยอยู่บนโต๊ะอาหาร
จากนั้น ก็ได้นำอาหารที่เหลืออยู่เก็บเข้าไปในกล่องเก็บอุณหภูมิ เขามองดูเวลา และหยิบเอาเสื้อคลุมสีดำขึ้นมาแล้วจากไป เจ็ดโมงครึ่งยังมีการประชุมนานาชาติ ส่วนตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงตรงแล้ว
เชอร์รีนตื่นขึ้นมาในเวลาเจ็ดโมงสิบนาที สายตามองไปที่พื้นโดยสัญชาตญาณ
กลับพบว่า ผ้าห่มที่อยู่บนพื้นได้ถูกพับ และวางเอาไว้ที่ด้านข้างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่มีเสียงใด ๆ ดังลอยมาจากห้องรับแขก เป็นที่ประจักษ์ เขาได้ออกไปแล้ว
ตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟัน เนื่องจากตื่นสายเกินไป ดังนั้นจะทานอาหารเช้าก็คงไม่ทัน เธอเตรียมที่จะดื่มนมอุ่น ๆ
เดินไปถึงห้องครัว กลับพบว่ากล่องเก็บความร้อนได้วางอยู่บนเตา เดินเข้าไป เธอเปิดกล่องเก็บความร้อนออกด้วยความสงสัยเล็กน้อย ถึงได้พบว่ามีน้ำเต้าหู้ และโจ๊กข้าวหอมนิลวางอยู่ในนั้น
ส่วนที่ด้านข้างมีปาท่องโก๋ ซาลาเปา ยังมีพาย หรือแม้กระทั่งไข่ต้มสองใบวางอยู่
ไม่ต้องคิด ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนซื้อของพวกนี้ เพียงแต่ว่า เธอกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า เขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้
มาถึงโรงเรียน เกือบจะมาสายไป แต่ก็ยังดี ที่มาได้ทันเวลาพอดี
เดินไปถึงห้องเรียน กลับพบว่าที่นั่งของเลอแปงยังคงว่างเปล่า เธอเลยถามครูคนที่สอนแทนในคราบเรียนเรียนด้วยตัวเองเมื่อคืน ครูที่สอนแทนบอกว่าที่นั่งตรงนั้นว่างเปล่ามาโดยตลอด
แบบนี้ก็หมายความว่า เลอแปงไม่ได้มาโรงเรียนหนึ่งวันเต็ม ๆ
เชอร์รีนขมวดคิ้ว เดินออกไปจากห้องทำงาน และโทรหาป้าบัวที่อยู่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์: “ป้าบัว เลอแปงได้กลับไปที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์หรือเปล่าคะ?”
“ไม่ค่ะ คุณชายรองไม่ได้กลับมั้งคืนเลย”
ครั้งนี้ เธอขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม กดโทรออกเบอร์ของเลอแปง กลับแจ้งว่าไม่มีคนรับโทรศัพท์
ไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ และไม่ได้มาโรงเรียน เขาไปที่ไหนกันแน่นะ?
จากนั้นไม่นาน เธอกดโทรศัพท์โทรออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้ ในที่สุดก็มีคนรับสาย เธอมีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที
แต่ทว่า เสียงแทรกที่ดังลอยออกมานั้นยังมีเสียงประกาศรวมอยู่ด้วย ทำให้หัวใจของเชอร์รีนต้นตึกตัก สองมือจับโทรศัพท์แน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอเอ่ยปากพูด: “เลอแปง ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
เสียงประกาศที่ดังออกมาจากโทรศัพท์นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นที่สนามบิน แต่ในเวลานี้ เขาทำอะไรอยู่ที่สนามบิน?
“สนามบิน” เลอแปงไม่ได้ปิดบังอะไร เขาพูดตามความจริง
ได้ยินดังนั้น ลมหายใจของเชอร์รีนก็กระชั้นชิดขึ้นมาเล็กน้อย เธอพลางถือโทรศัพท์ พลางเดินออกไปนอกโรงเรียนอย่างรีบร้อน: “เลอแปง อย่าพึ่งขยับนะ ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันจะรับไปทันที!”
เดินออกไปนอกโรงเรียนภายในไม่กี่ก้าว เธอยื่นมือออกไปเรียกรถแท็กซี่ และกล่าวพลางหอบหายใจ: “สนามบิน”
ตลอดทาง ความเร็วของแท็กซี่ไม่นับว่าช้า แต่สำหรับเชอร์รีนที่รีบร้อนแล้ว มันช้าเกินไปจริง ๆ
นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ เธอเอ่ยเร่งคนอยู่ตลอดเวลา ให้เขาขับเร็วหน่อย เร็วอีกหน่อย
คนขับเองก็นิสัยดี ได้เอ่ยปากพูดอะไร พยายามขับให้เร็วขึ้น
ต่อให้เป็นแบบนั้น สุดท้ายก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วถึงมาถึงสนามบิน ฤดูอันเหน็บหนาว เชอร์รีนร้อนรนจนเหงื่อออกเต็มหลัง
ยืนอยู่ในสนามบินที่กว้างขวางที่ผู้ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เธอมองไปรอบ ๆ มองหาเงาร่างของเลอแปง ในขณะเดียวกัน ก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา และโทรออกไปอีกครั้ง: “เลอแปง อยู่ตรงไหนน่ะ?”
“ร้านเค้กที่อยู่ด้านข้าง”
ได้ยินดังนั้น ร่างกายและหัวใจที่เคร่งเครียดของเชอร์รีนก็ผ่อนคลายลงทันที เธอหอบหายใจเล็กน้อย ตบที่หน้าอกเบา ๆ โชคดี ที่เขายังไม่ไป
ทีละร้าน ๆ เธอมองดูร้านค้าที่อยู่รอบ ๆ อย่างละเอียด และพบเข้ากับร้านเค้กร้านหนึ่งจริง ๆ
เธอเดินเข้าไป ก็เห็นเลอแปงนั่งอยู่โต๊ะตรงมุมที่ใกล้กับประตู กำลังเล่นโทรศัพท์ เมื่อเห็นเธอ ก็เงยหน้าขึ้น และยิ้ม แฝงไปด้วยความสดใสของวัยรุ่นโดยเฉพาะ
“นายไปตั้งใจเรียน มาที่สนามบินทำไม?” เมื่อเชอร์รีนเอ่ยปาก ก็สั่งสอนเขาทันที
เงียบไม่พูดอะไร มุมปากของเลอแปงยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น เขาลุกขึ้น ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ มือทั้งสองข้างวางลงไปบนไหล่ของเธอ และพิจารณาดูเธออย่างละเอียด: “ให้ผมดูหน่อย”
เธอไม่เข้าใจ: “ดูอะไร?”
“ดูว่าในตอนที่คุณเป็นกังวลเพราะผมนั้นมีท่าทางแบบไหนกัน……” เลอแปงตอบอย่างจริงจัง สายตาจับจ้องไม่กะพริบ
แก้มขาว ๆ ของเธอยังคงเหมือนเดิม บางทีอาจเป็นเพราะร้อนใจ ตอนนี้ถึงได้อมชมพูเล็กน้อย และยังมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ อยู่ที่ปลายจมูก สายตาร้อนรนและโมโห
สถานการณ์แบบนี้เธอควรที่จะหยุดมัน ภายในใจของเชอร์รีนเข้าใจดี เธอเอ่ยปากช้า ๆ : “เลอแปง——”
แต่ทว่า ยังไม่รอให้เธอพูดจบ มือทั้งสองข้างของเลอแปงก็กดไหล่ของเธอ ให้เธอนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม และเอ่ยปากพูด: “ให้ผมพูดก่อน”
ทิ้งประโยคนี้เอาไว้ เขาก็ไปที่เคาน์เตอร์ รอจนถึงตอนที่เขากลับมา ในมือก็ถือกล่องเค้กกล่องหนึ่งเอาไว้
ร่างสูงโปร่งนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เลอแปงร้องเพลงไป พลางเปิดกล่องเค้กออก
เค้กไม่ใช่เค้กครีม แต่เป็นเค้กผลไม้ มีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่บนเค้ก ใต้ต้นไม่มีเธอที่สวมเสื้อแขนสั้นสีขาวยืนอยู่ ใบหน้านั้นทำได้เหมือนจริงมาก ที่มุมปากยังมีรอยยิ้มที่สดใส
ครึ่งค่อนวัน เธอถึงค่อย ๆ ได้สติกลับคืนมา สายตาเลื่อนไปที่เลอแปง ด้วยความงุนงง: “เลอแปง นี่มันอะไรกัน?”
“เค้กวันเกิด วันเกิดของคุณคือวันที่แปดเดือนกุมภาพันธ์ไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นผมคงอยู่ที่อเมริกาแล้ว ไม่สามารถจัดวันเกิดให้คุณ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ ก็คือจัดให้คุณก่อน” บนใบหน้าหล่อเหลาของเลอแปงปะปนไปด้วยรอยยิ้ม: “เหมือนคุณไหม?”
ความสนใจของเชอร์รีนไม่ได้อยู่ที่เค้ก แต่อยู่ที่คำพูดของเขา สีหน้าจริงจัง: “นายจะไปอเมริกางั้นเหรอ?”
ได้ยินดังนั้น เลอแปงก็เอามือจับหน้าผากอย่างจนใจ: “สมกับที่เป็นครูจริง ๆ สิ่งที่ให้ความสนใจนั้นแต่งต่างจริง ๆ”
“ไปอเมริกาทำไม?” เชอร์รีนจ้องมองเขา สายตามองผ่านไปบนใบหน้าของเขา รอยบวมแดงพวกนั้นได้หายไปจนเกือบหมด
“แน่นอนว่าเพราะอยากไปยังไงล่ะ” เลอแปงตอบอย่างง่าย ๆ
“ทำไมถึงอยากไป?” เชอร์รีนถามต่อ: “เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหรือเปล่า?”
ลงมือปาดเค้ก เขาปาดออกมาสองชิ้น คนละชิ้น พลางส่ายหัว: “ไม่ใช่”
ถึงแม้ในใจจะไม่ชอบสุนันท์ ไม่มีความรู้สึกดีต่อเธอเลยสักนิด แต่ว่า เพื่อที่จะรั้งเลอแปงเอาไว้ เธอไม่รังเกียจที่จะเอาอกเอาใจหล่อน
“ตอนนั้นเธอกำลังโมโหอยู่ จะต้องพูดออกมาเพราะความโมโหอย่างแน่นอน นายเป็นลูกชายของเขา เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะไม่ให้นายกลับไปที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์จริง ๆ ได้ยังไง?”
เลอแปงไม่ได้พูดอะไร แต่ได้ลงมือชิมเค้ก พลางชื่นชม: “รสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ!”
“นายฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่า?” เชอร์รีนโมโหเล็กน้อย และเอื้อมมือไปแย่งเอาซ้อมในมือของเขามา