ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 113 ตอนกลางคืนเลี้ยงข้าวทุกคน
เวลานี้เอง เสียงก้าวเดินดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงพูดด้วยความแปลกใจ:”คุณครูเชอร์รีน!”
ได้ยิน เชอร์รีนกัดฟันแล้วหันหน้ากลับไป ร้องเรียกอย่างไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ: “อาจารย์ดวงใจ”
อาจารย์ดวงใจอยู่ห้องทำงานเดียวกับเธอ ลับหลังมีแต่คนเรียกเธอว่ามนุษย์ป้า ซึ่งจะสื่อว่าเธอชอบยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป แต่ความเป็นจริงเธอนิสัยดี
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณครูเชอร์รีนจริงๆ” อาจารย์ดวงใจยิ้ม ใบหน้าแปลกใจ
คำพูดนี้ ทำเอาเชอร์รีนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร
โชคดีคือ วินาทีต่อมา ความสนใจของอาจารย์ดวงใจหยุดอยู่ที่ออกัส มองตั้งแต่หัวจรดเท้า:”นี่คือสามีของคุณครูเชอร์รีนเหรอคะ?”
ไม่มีคำพูดใด เธอแค่พยักหน้าด้วยความกระอักกระอ่วน
“ฉันเพิ่งลางานไปไม่นาน ก็เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นแล้ว สุดท้ายไม่แม้แต่จะได้ไปร่วมงานแต่ง คุณครูเชอร์รีน คุณกับสามีของคุณควรจะทำอะไรหน่อยไหมคะ เลี้ยงข้าวพวกเราสักมื้อ?”
เพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกัน เลี้ยงข้าวหนึ่งมือ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
เชอร์รีนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูด:”คืนนี้แล้วกันค่ะ แต่ว่าเขายุ่งนิดหน่อย ฉันไปแล้วกัน”
อาจารย์ดวงใจยิ้มแล้วพูด:”ได้ยังไงคะ นี่ถือเป็นการจัดงานเลี้ยงมงคลชดเชย มีแค่ภรรยา ไม่มีสามี แล้วจะเป็นงานเลี้ยงมงคลได้ยังไง ใช่ไหมคะ สามีคุณครูเชอร์รีน?”
ริมฝีปากบางยกขึ้น ออกัสพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ:”ตอนกลางคืนผมจะหาเวลาว่างมาครับ”
ได้ฟัง อาจารย์ดวงใจยิ้มแก้มปริ:”ต้องแบบนี้สิคะ”
ตามด้วย กล่าวทักทายอย่างมีมารยาท หลังจากนั้น สายตาของออกัสจ้องมองไปยังริมฝีปากชมพูที่บวมเล็กน้อยของเธอ จากไปด้วยความอารมณ์ดี
ตลอดทาง อาจารย์ดวงใจคล้องแขนเชอร์รีน:”โธ่เอ๊ย เมื่อกี้ฉันตกใจจริงๆค่ะ คิดไม่ถึงว่าคุณครูเชอร์รีนจะเปลี่ยนเป็นคนเปิดเผยแบบนี้”
พูดถึงเรื่องนี้ เชอร์รีนยิ้มแห้งๆโดยที่ภายในใจไม่ได้ยิ้มไปด้วย พูดไม่ออก
โชคดี เดินไปถึงห้องทำงานแล้ว คุณครูทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมการสอน ไม่ก็ตรวจเอกสาร อาจารย์ดวงใจไม่ได้ถามต่อ
แต่แก้มที่แดงระเรื่อบนใบหน้าของเชอร์รีนไม่ได้จางลง นั่งที่โต๊ะทำงาน เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ข่มการเต้นของหัวใจ ลดอุณหภูมิที่แทบจะปะทุขึ้นมา ผ่อนคลาย……
……
บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์
หลายวันติดต่อกันแล้ว บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์มีแค่สุนันท์กับหยาดฝน
การที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันทำให้บรรยากาศอึมครึม มื้อเช้า ทั้งสองพูดคุยกันไม่ถึงสิบคำ
“จริงด้วย หยาดฝน คืนนั้นให้เธอไปหาออกัส เจอเขาหรือยัง?”
หยาดฝนกำลังพลิกอ่านหนังสือพิมพ์ในมือ ข่าวที่รายงานล้วนเกี่ยวกับอำเภอซีซ่า
ได้ยินคำพูดนั้น มือของเธอหยุดชะงัก ไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพียงแค่พูดด้วยสีหน้านิ่งงัน: “เจอแล้วค่ะ”
“เขาอยู่ที่คอนโด?” สุนันท์คาดเดา
“เปล่าค่ะ เชอร์รีนเช่าห้องแถวโรงเรียน ออกัสก็อยู่ที่นั่นด้วย” เธอพูด อารมณ์ลุ่มลึกและประหลาดทั้งหมดปกคลุมไว้
ได้ฟัง สุนันท์ฟาดตะเกียบในมือลงบนโต๊ะ โมโหขึ้นมาทันที โกรธจนหายไม่ทัน
เห็นแบบนั้น หยาดฝนวางหนังสือพิมพ์ในมือลง เดินไปด้านหลังเธอ ตบหลังเบาๆ เพื่อปรับลมหายใจ
หลายวันที่ผ่านมานี้ เธอโมโหเชอร์รีนมากอยู่แล้ว ได้ยินหยาดฝนพูดแบบนี้อีก ก็ยิ่งโมโห
ดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว กว่าหัวใจของสุนันท์จะกลับมาเต้นเหมือนเดิม สิ่งที่เดาไว้ไม่ผิด เชอร์รีนเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์จริงๆ!
ผู้หญิงที่สามารถให้ออกัสไปอยู่ในที่แบบนั้น ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ เธอจะทำได้ยังไง?
แต่ว่า เธอหันกลับมาแล้วมองหยาดฝนอย่างพิจารณา
แต่กลับเห็นเธอสีหน้านิ่งสงบ ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่า เธอจะไม่รักออกัสแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้น จะนิ่งขนาดนี้ได้ยังไง?
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เธอพูดเปรยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ:”เขาล่ะ ช่วงนี้กลับมาไหม?”
หยาดฝนย่อมเข้าใจคำว่าเขาที่เธอพูดถึงคือใคร: “ไม่ค่ะ”
สุนันท์ขมวดคิ้ว:”ช่วงนี้ไม่เคยกลับมาก่อนเลยเหรอ?”
“ค่ะ” หยาดฝนลังเลพักหนึ่ง แต่ก็ยังคงตัดสินใจบอกเธอตามความจริง:”เลอแปงไปต่างประเทศแล้ว ไปอเมริกา”
“วันที่สองหลังจากวันนั้นเลอแปงก็ไปอเมริกา ไปหลายวันแล้ว”
ได้ฟัง หัวใจที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะเต้นเหมือนเดิมกลับเต้นแรงอีกครั้ง เธอเอามือทาบอก จากนั้นคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ โทรหาเลอแปง
เหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แล้ว สิ่งที่ได้ยินคือ ไม่มีหมายเลขที่ท่านต้องการ กรุณาโทรใหม่อีกครั้ง
“ไม่รู้ว่า…ไม่รู้ว่า…ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเอาอะไรให้เลอแปงกิน!” สุนันท์โมโหจนกัดฟันกรอด:”เลอแปงถึงทำแบบนี้กับแม่แท้ๆของตนเองได้!”
ตั้งแต่เล็กจนโต เลอแปงเชื่อฟังคำพูดของเธอ ถึงแม้จะดื้อ ไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่ด้านอื่นๆดีทุกอย่าง ตอนที่อยู่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ ชอบทำให้เธอมีความสุข
แต่เวลานี้ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่เอาแม้กระทั่งแม่แท้ๆของตนเองแล้ว!
“บางที เลอแปงอาจจะมีความคิดของตนเอง” หยาดฝนพูด
“จะมีความคิดอะไร ประเทศที่เลอแปงเกลียดที่สุดก็คืออเมริกา บอกว่าที่นั่นพูดแต่ภาษาแปลกๆ เขาฟังไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว ต้องเป็นเพราะฉันตบเขาและคำพูดพวกนั้นแน่นอน ทำให้เขาโมโหแล้วไปแบบนี้!”
หยาดฝนไม่ได้พูดอะไรอีก ในเมื่อเธอคิดแบบนี้แล้ว คำพูดของคนอื่น ก็ฟังไม่เข้าหู
สุนันท์หายใจเร็วขึ้น จากนั้น แทบจะหายใจไม่ออก รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน เป็นลมหมดสติไป
ตกตะลึง ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย หยาดฝนรีบให้คนขับรถส่งเธอไปโรงพยาบาล ไปห้องฉุกเฉิน
ไม่นาน หมอที่รักษาเดินออกมา หยาดฝนรีบเดินไปหา: “เป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอ?”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ว่าตอนนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลระยะหนึ่ง คุณหญิงสุนันท์ความดันสูงและมีภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ดังนั้นมีโอกาสที่จะทำให้เกิดเลือดออกในสมอง คุณต้องระวังเรื่องนี้ อย่าทำให้เธอโมโห พยายามให้เธออารมณ์ดีตลอดเวลา” หลังจากหมอพูดเสร็จ ก็เดินจากไป
หยาดฝนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป เห็นเพียง สุนันท์นอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดขาว อาการไม่ดีเท่าไหร่
ได้ยินเสียงฝีเท้า เธอลืมตาขึ้น พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง:”หมอว่ายังไงบ้าง?”
“บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แต่ว่าความดันสูงและมีภาวะหลอดเลือดแข็งตัว มีความเป็นไปได้ที่เลือดจะออกในสมอง บอกให้คุณไม่ต้องโมโห พยายามอารมณ์ดีตลอดเวลา”
คำพูดของหมอเมื่อครู่ หยาดฝนพูดทุกอย่าง:”แต่ว่าตอนนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลระยะหนึ่ง”
ได้ฟัง สุนันท์หัวเราะ:”สะใภ้คนนั้นอยู่บ้าน ใครจะมีอารมณ์ดีได้”
เพราะเชอร์รีน ออกัสย้ายออกไปจากบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เลอแปงไม่เอาแม้แต่คนในครอบครัวแล้ว ทะเลาะกับแม่อย่างหนัก แล้วไปอเมริกา