ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 130 ฉันดูหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
แต่ภาพที่สวยงามเช่นนี้กลับเสียดแทงสายตาและหัวใจของเธอ
คืนนี้มีงานเลี้ยง?
อ่อ งานเลี้ยงที่เขาหมายถึงคือมาเป็นเพื่อนหยาดฝนงั้นเหรอ น่าตลกสิ้นดี เธอหลงเชื่อเขาจริงๆ
เธอดูหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
มือของเธอบีบกล่องทาร์ตไข่เอาไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอยิ้มหยันออกมาอย่างขมขื่น
ควงผู้หญิงสลับกันสองคนแบบนี้ เขาไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือไง เขาอาจจะไม่เหนื่อยแต่เธอกลับเหนื่อยแทนเขา เหนื่อยแทบหมดเรี่ยวแรง
ทางเลือกง่ายๆ เช่นนี้เอง ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาหากจะต้องเลือก
ถ้าหากตอนนี้เขายังรักหยาดฝน ไม่มีอะไรยากเลยสำหรับฐานะอย่างคุณชายออกัสของเมือง S แม้ว่าการได้คบกับหยาดฝนจะเป็นเรื่องยากขนาดไหน คนอย่างออกัสจะทำไม่ได้งั้นหรือ
ถึงตอนนั้น คนสองคนก็แค่แต่งงานกันไป ไม่ต้องคบกันลับหลังใคร จะได้ไม่ต้องแอบๆ ซ่อนๆ แบบนั้นดีกว่าตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ
ส่วนตัวเธอ ออกัสไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ไม่ต้องมาเสียเวลาคิดเรื่องของเธอ
นิสัยโดยเนื้อแท้ของเธอไม่ใช่คนที่ไม่มียางอาย ถ้าหากเขารู้สึกอะไรกับเธอบ้าง แน่นอนว่าเธอจะทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง
แต่ถ้าหากเขาไม่มีใจให้เธอ เธอก็จะถอยห่างออกไปอย่างว่าง่าย และจะไม่มาปรากฏให้เขาเห็นหน้าอีก
ส่วนในเรื่องของทรัพย์สมบัติ เธอไม่ได้ต้องการมันอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือเด็กในท้องคนนี้เท่านั้น
อาโนสัมผัสได้ถึงอากัปกิริยาของเธอที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป เขาจึงมองตามสายตาของเธอไปยังร้านเครื่องประดับฝั่งตรงข้ามจึงเห็นคู่หญิงชายที่สง่างามคู่หนึ่ง
ร่างกายแข็งแกร่งสันทัด ใบหน้าหล่อเหลา แถมหน้าตายังคุ้นตามาก เขาพินิจมองอย่างละเอียด ทันใดนั้นจึงนึกออกว่าเขาคือคนที่อยู่บนหน้าปกนิตยสารไม่ใช่หรือ
ประธานของสิริไพบูรณ์กรุ๊ป ในเมือง S เขาถือเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลใหญ่โตของเมืองนี้
เมื่อคิดทบทวนไปมา อาโนจึงนึกถึงตอนที่ตนฟังการสอนอยู่หลังห้อง ท่าทางของคุณครูพวกนั้นรวมทั้งผู้ดูแลหลักสูตรต่างพากันเคารพนบนอบเขา
แถมยังมีคนถามขึ้นว่า คนนี้ใช่ภรรยาของประธานออกัสหรือไม่
ตอนนี้พอมาคิดทบทวนดูแล้ว อาโนก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา จึงเอ่ยว่า “นั่นคือสามีของคุณไม่ใช่เหรอ”
เชอร์รีนได้ยินจึงเบนสายตากลับมาแล้วเอ่ยเรียบๆ “อืม”
“แต่ทำไมสามีของคุณถึงอยู่กับผู้หญิงอื่นล่ะ เขารู้ไหมว่าคุณอยู่ในร้านกาแฟตรงนี้”
“คนนั้นคืออาของเขา” เชอร์รีนพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร จากนั้นก็เงียบไป ไม่ได้พูดอะไรเพียงนั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้น
แต่อาโนกลับไม่เชื่อ “ดูพวกเขาอายุไล่เลี่ยกันคงห่างกันไม่กี่ปีหรอก คงจะไม่ใช่อาหลานกันแท้ๆ หลอกมั้ง”
นี่เป็นคำพูดแทงใจดำแท้ๆ เมื่อเชอร์รีนหันกลับไปมอง พวกเขาทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้หายวับไปกับตาแล้ว
“ตอนแรกผมคิดว่าชีวิตแต่งงานของคุณมีความสุขเสียอีก แต่ดูท่าแล้ว คงไม่ใช่อย่างนั้น”
เชอร์รีนยังคงปิดปากเงียบ จึงดูไม่ออกว่าตอนนี้อารมณ์ของเธอเป็นอย่างไร เรียบเฉย นิ่งสงบ
“แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณเริ่มต้นกันได้ยังไง หรือว่าเป็นมาอย่างไรถึงได้แต่งงานกัน แต่ผมคิดว่าคุณดูไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น น้ำเสียงของเชอร์รีนจึงเปลี่ยนไป “ร่าเริง?”
“นิสัยของเธอเป็นคนนิ่งสงบ อาจจะไม่เหมาะกับคำว่าร่าเริงสักเท่าไหร่ แต่เมื่อก่อนคุณทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวากว่านี้”
“วันเวลาแปรเปลี่ยน นิสัยของคนเราก็แปรเปลี่ยนตามไปด้วย ไม่มีใครหรอกที่จะยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง คุณเองก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกันใช่ไหม”
อาโนได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม แล้วจิบกาแฟ รสชาติขมๆ กระจายไปทั่วริมฝีปากของเขา “ผมไม่ปฏิเสธว่าชีวิตการแต่งงานของผมไม่มีความสุข ชีวิตการแต่งงานของคุณก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน เรื่องนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้”
“ก็ใช่” เชอร์รีนตอบช้าๆ “การแต่งงานครั้งนี้แย่กว่าที่ฉันคิดไว้มาก และยังมีเรื่องร้ายๆ อีกหลายอย่าง”
คำว่าแย่ของเธอหมายถึงตัวเธอเอง หากเธอไม่ได้มีใจให้เขา สนใจแค่ดูแลลูกของตัวเอง ตอนนี้เธอคงไม่เจ็บปวดทรมานแบบนี้ และคงจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขกว่านี้
แต่สถานการณ์ตอนนี้เลยเถิดไปกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก ดังนั้นเธอจึงต้องเจ็บปวดแบบนี้
ในตอนนั้นเธอไม่ได้สังเกตว่าที่นั่งหลังม่านเถาวัลย์สีเขียวที่กั้นอยู่ด้านหลังของเธอ ตอนนี้มีคนสองคนเดินมานั่ง สองคนนั้นก็คือออกัสกับหยาดฝน
ดังนั้นออกัสจึงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่อย่างชัดเจนไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว หยาดฝนหันไปมองคนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามออกัส
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเริ่มหมองหม่นลงราวกับมีเมฆดำลอยปกคลุม ดวงตาของออกัสหรี่เล็กลง ดูอันตรายและหม่นหมอง
หยาดฝนมาที่นี่เพราะทาร์ตไข่ของร้านนี้ที่มีชื่อเสียงมากจึงแค่ตั้งใจจะแวะมาซื้อไปฝากสุนันท์ แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเชอร์รีนที่นี่ แถมยังได้ยินบทสนทนาแบบนี้อีก
“ถ้าให้โอกาสคุณอีกครั้ง คุณจะเลือกชีวิตการแต่งงานแบบไหน” อาโนถอนใจเบาๆ หากเป็นไปได้เขายินดีที่จะกลับไปในช่วงเวลานั้นและแต่งงานกับเธอ เขาไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญความลำบากอยู่บ้าง
จะเลือกชีวิตการแต่งงานแบบไหน?
“อยู่กับผู้ชายที่เรารักสักคนและมีลูกด้วยกัน ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข” นี่คือความคาดหวังที่เธอปรารถนามาตลอด
แต่ประเด็นสำคัญของอาโนไม่ได้อยู่ที่ประโยคๆ นี้ จึงถามออกไปอีกว่า “อย่างนี้แสดงว่า คุณไม่ได้รักสามีของตัวเองหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเชอร์รีนก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเกร็ง เธอไม่ได้ตอบ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
เธอรัก แต่เขาไม่รักเธอ เพราะว่าหัวใจของเขาเป็นของ……
ในตอนนั้นรอบตัวของออกัสมีรังสีความหมองหม่นและหนาวยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจนทำให้คนรอบตัวต้องตัวแข็ง
เขาขยับขาและก้าวเท้ายาวๆ เข้าไป หยาดฝนเห็นดังนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป เธอรีบยื่นมือออกไปหวังจะดึงเขาเอาไว้แต่พบว่าตัวเองช้าเกินไปแล้ว
เธอไม่เคยเห็นเขาโกรธมากแบบนี้มาก่อน อาการของเขาตอนนี้เหมือนสิงโตที่กำลังโมโหจัดที่ดูแล้วน่าสยดสยอง
แต่ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนี้
เป็นเพราะว่าเชอร์รีนบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีความสุขและมีแต่เรื่องแย่ๆ หรือว่าที่เชอร์รีนไม่ยอมบอกว่ารักเขาถึงได้โกรธขนาดนี้
เธอดูไม่ออก เธอไม่เข้าใจอะไรเลย!
แต่เธอต้องการรู้คำตอบจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงโมโหมากขนาดนี้ เรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ
เชอร์รีนรู้สึกถึงเงาร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่แผ่ซ่านความน่าอึดอัดออกมา เธอชะงักไปก่อนจะเงยหน้า จึงเห็นสีหน้าที่ขะมุกขะมัวของเขา ไหนจะมีหยาดฝนที่อยู่ข้างเขาอีก
เห็นชัดๆ ว่าคนที่นอกใจคือเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ ราวกับสามีที่ออกมาตามจับภรรยาที่นอกใจ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าขำมาก
“กลับบ้าน……” น้ำเสียงแข็งกร้าวลอดผ่านตามไรฟันออกมา สายตาคมปลาบของเขาราวกับต้องการจะทิ่มแทงเธอจนทะลุ
เชอร์รีนเองก็ไม่ได้หลบตา เธอจ้องตาเขากลับ ทั้งยังหัวเราะเยาะเบาๆ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น “ฉันยังกินทาร์ตไข่ไม่หมด คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ออกัสก้าวอาดๆ เข้ามาคว้ามือของเชอร์รีนเอาไว้แล้วออกแรงลากเธอให้ลุกขึ้น
คำพูดประโยคเมื่อกี้ของเธอ ได้ล้ำเส้นขีดความอดทนของเขาเรียบร้อยแล้ว