ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 133 ให้เธอกลับไปบ้านตระกูลสิริไพบูรณ
ตอนเที่ยง เขายังยืนอยู่หน้าโรงเรียนโอบกอดจูบเธออย่างชิดใกล้ แต่พอตอนกลางคืน พริบตาเดียวก็ปรากฏตัวกับหยาดฝนที่ร้านเครื่องประดับแล้ว
อือ ตารางของเขายุ่งมากแบบนี้!
รีบไปบริษัท จากนั้นวนเวียนอยู่ระหว่างผู้หญิงสองคน แบบนี้ไม่วิกลจริตเหรอ?
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะความรู้สึก หรือความคิดของผู้ชาย เธอก็ไม่รู้อะไรเลย
ความหนาวในฤดูใบไม้ผลิ กิ่งไม้นอกหน้าต่างค่อยๆแตกหน่อสีเขียว สีเขียวอ่อนๆอย่างนั้น สวยมาก
และตอนนี้เป็นเวลาค่ำ จึงมองไม่เห็นชัด ก็แค่ ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่ทำไมเธอยังรู้สึกหนาวเย็นอยู่นะ?
พลิกตัวไปมาที่เตียง เชอร์รีนไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ได้แต่ใช้ผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้ มองนอกหน้าต่างที่มืดมน อย่างเหม่อลอย……
ที่ห้องรับแขก
ควันบุหรี่ลอยฟุ้ง ออกัสสูบบุหรี่ไม่หยุด กลิ่นบุหรี่ในอากาศทำให้รู้สึกฉุนจมูก
ไม่รู้ทำไม จิตใจของเขาถึงหงุดหงิดมากขึ้น!
เขาไม่ค่อยสูบบุหรี่แล้ว แต่วันนี้กลับเป็นวันที่สืบเยอะที่สุด บุหรี่กล่องหนึ่งสูบจนเห็นก้นกล่อง
ส่วนบัตรเอทีเอ็มนั้นกลับทิ้งไว้ที่หน้าประตูห้องนอน ไม่มีคนเก็บ จึงวางอยู่ตรงนั้นโดดเดี่ยว
ตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ออกัสเหลือบมองไป ขึ้นว่าเป็นสายของหยาดฝน
อารมณ์ของเขาไม่มีความผันผวนเลย มือใหญ่ที่เป็นข้อกระดูกของเขาเอาโทรศัพท์มาไว้ในฝ่ามือ แล้วใช้นิ้วมือกวาดไป กดวางสาย อย่างไม่ลังเลสักนิด
เงียบไปไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง สายที่โทรมายังเป็นหยาดฝน
สายตาที่หม่นหมองนั้นมองไปที่หน้าจอ หลังจากหยุดไปสี่ห้าวินาที เขาจึงรับ เอาไว้ที่หู พูดเบาๆ:“ฮัลโหล……”
“ถึงบ้านยัง?”เสียงของหยาดฝนชัดเจนและไพเราะเหมือนเคย ผสานกับความอ่อนโยนเล็กน้อย
“อือ……”เสียงของเขาดูไม่แยแส
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อยากถามคุณว่ากลับบ้านปลอดภัยไหม งั้นก็แค่นี้นะ ฝันดี”
หยาดฝนฟังอารมณ์ของเขาที่หดหู่เล็กน้อยออก ดังนั้นก็ไม่พูดอะไรมาก ได้แต่พูดประโยคธรรมดาไปสองคำ แล้ววางสายไป
ส่วนมาก ผู้หญิงต่างจำเป็นต้องพิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้า พอทำอะไรเหมาะสมก็สมควรหยุด อย่าให้ผู้ชายรู้สึกเบื่อคุณ พอรู้สึกเบื่อ ก็ไม่ใช่ลางที่ดี
ส่วนสุนันท์ก็นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามหยาดฝน มองไปแวบหนึ่ง:“ออกัสกลับคอนโดแล้ว?”
หยาดฝนดื่มกาแฟ แล้วตอบไปว่า:“อือ”
“ใช่สิ ของที่วันนี้ฉันให้เธอล่ะ?”สุนันท์พูดอีกครั้ง
ได้ยินอย่างนั้น หยาดฝนยื่นเครื่องบันทึกเสียงเล็กๆอันหนึ่งไปให้
สุนันท์รับไป แล้วมองไปที่หยาดฝน:“ไม่ชอบพฤติกรรมเช่นนี้ของฉันเหรอ?”
“เปล่า”หยาดฝนดื่มกาแฟ:“ป้าคิดมากไปแล้ว”
“งั้นก็ดี แต่ก็ไม่ต้องไม่ชอบหรอก ฉันไม่ได้สนใจที่ทำเรื่องแบบนี้ตลอด ให้เธอเอาของสิ่งนี้อัดบทสนทนาของเธอกับออกัส ก็อยากให้เธอตายใจ ต่อไป ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องระหว่างพวกเธออีกแล้ว ใช่สิ พรุ่งนี้เธอโทรหาเธอให้เธอกลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์หน่อย”
พอได้ยิน หยาดฝนก็ขมวดคิ้ว ปฏิเสธอ้อมๆว่า:“ฉันโทรไปเธอน่าจะไม่รับ ป้าโทรไปดีกว่า”
“หึ ผู้หญิงคนนั้นปีกกล้าขาแข็งเสียจริง ไม่แน่ว่าแม้แต่คำพูดของฉันก็จะไม่ฟัง ช่างเถอะ ฉันโทรไปดีกว่า”พอพูดถึงเชอร์รีน เธอก็โมโห
ส่วนอีกด้าน
ในห้องรับแขก ออกัสไม่ง่วง สายตาคอยมองไปที่ประตูห้องตลอด
แต่สุดท้าย ประตูของห้องก็ไม่เปิดออก ช่องปิดแน่นมาก
ข้างในห้อง ข้างนอกห้อง ต่างไม่ง่วง บรรยากาศเงียบเหงาจนทำให้คนรู้สึกเหงาหงอย ……
เช้าวันรุ่งขึ้น
เชอร์รีนไม่ได้นอนทั้งคืน แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ถึงรู้สึกว่ากลับตาไปนิดเดียว พอลืมตามา ฟ้าก็สว่างแล้ว
เธอมองดูเวลา ไปห้องน้ำ ล้างหน้าหวีผมแต่งหน้าสักหน่อย ตอนหันกลับไป เห็นชายหนุ่มออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี
แค่มองแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร หยิบกระเป๋าขึ้นมา เธอเดินไปที่ด้านนอกห้องอีกครั้ง
อารมณ์ไม่ดีนัก อีกอย่างก็ไม่หิวด้วย ดังนั้นเลยไม่ได้ทำอาหารเช้า เธอว่าระหว่างทางไปโรงเรียนค่อยซื้ออะไรสักหน่อย
สายตาของออกัสมองไปที่แผ่นหลังอันผอมบาง ก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่ลงอีกครั้ง
แต่พอมือเปิดประตู เชอร์รีนเห็นหยาดฝนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอก็เหมือนเพิ่งถึง ยื่นมือออกไป กำลังจะกดออดประตู
ประตูเปิดออก มือของหยาดฝนก็ลอยอยู่กลางอากาศ
เธอรู้สึกแย่ต่อหยาดฝน นี่คือเรื่องหนึง่ที่ไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นก็ไม่ต้องต้อนรับนักหรอก
ตาทั้งคู่ของทั้งสองสบตากัน เชอร์รีนมองเธออย่างเยือกเย็น ไม่พูดจา
ออกัสที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นเธอยืนนิ่งตรงนั้น คิ้วที่สวยงามก็ขมวด เขาเหลือบมองเธอ เหมือนอยากทำลายความเยือกเย็นระหว่างทั้งสองคน พูดเสียงทุ้มแต่อบอุ่น:“ใคร?”
เธอยังคงไม่พูด จงใจขยับไปด้านซ้าย ให้เขาเห็นคนที่มา จากนั้นก็เดินหน้าไปโดยไม่หันหน้ากลับ เข้าไปในลิฟต์ แล้วปิดประตูลิฟต์ลง
จากช่องว่างของลิฟต์ เธอยังเห็นการประจันหน้าของทั้งสองคนอย่างคลุมเครือ ใบหน้าของหยาดฝนมาพร้อมรอยยิ้มบางๆอันอ่อนโยน
เชอร์รีนหลับตาลง เล็บยาวๆที่มือจิกไปในฝ่ามือแรงๆ จิกจนเนื้อนุ่มๆนั้นรู้สึกเจ็บ
อะไรเห็นแล้วจะมาแปดเปื้อนสายตาก็อย่าไปมอง อะไรเห็นแล้วจะมาแปดเปื้อนสายตาก็อย่าไปมอง เธอบอกตัวเองในใจ!
หยาดฝนร้อนใจทนไม่ไหวแบบนี้ แต่เช้าตรู่ ก็มารออยู่หน้าประตู รักกันเหลือเกินต่อ ก็แค่กลับยิ่งทำให้เธอไม่อยากอาหารเลย
แก้มของเธอซีดขาวเล็กน้อย กัดฟัน ทนไว้ จากนั้นยื่นมือไปแตะหน้าของตัวเองเบาๆ ปรับอารมณ์ ฟื้นฟูอีกครั้ง
“ยังไม่กินข้าวเช้าสินะ พวกเรากินข้าวเช้าด้วยกันดีกว่า จากนั้นคุณค่อยไปทำงาน ดีไหม?”ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของหยาดฝนมีรอยยิ้มบางๆ
หลังจากจ้องร่างที่ผอมบางนั้นจนหายวับไปจากสายตา ออกัสจึงละสายตากลับ ขยับริมฝีปาก เสียงหม่นลง:“เช้าวันนี้มีสัญญาสองสามฉบับต้องเซ็นชื่อ”
“งานยุ่งแค่ไหน ก็ทำให้ร่างกายเหนื่อยไม่ได้นะ ระหว่างทางพวกเราก็ทานโจ๊กสักชาม จากนั้นคุณค่อยไปทำงาน ใช้เวลาไม่มากหรอก สิบนาทีก็เสร็จแล้ว”
สีหน้าของหยาดฝนดูเบิกบานสำราญใจ เธอตื่นแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็รีบมา:“หรือว่าคุณอยากไปดื่มกาแฟ?”
เขาละสายตาลง ดูนาฬิกาที่ข้อมือ:“ไม่มีเวลาแล้ว”
“เวลาห้านาทีน่าจะมีมั้ง ฉันรีบมากินข้าวเช้ากับคุณตั้งเช้าตรู่อย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไร ก็น่าจะมีเวลาสักห้านาทีมั้ง?”
ออกัสไม่พูดอะไร ถือว่ายอมรับ
หยาดฝนหัวเราะเบาๆ เดินอยู่หลังเขา ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปลิฟต์
ตอนเที่ยง เชอร์รีนได้รับโทรศัพท์ของป้าบัว บอกว่าคุณหญิงให้เธอกลับไปบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์หน่อย
พอได้ยิน เธอก็ปฏิเสธไปโดยตรง บอกว่าตอนเที่ยงยังมีงานต้องทำ ไม่มีเวลากลับไป
ป้าบัวกลับลำบากใจเล็กน้อย บอกว่าคุณหญิงกำชับมาอย่างดี จะต้องกลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เธอก็มาบอกต่อ ลำบากใจมาก