ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 148 พวกเขาจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ
แต่ไม่ว่ายังไง นี่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งแล้วล่ะ เป็นปาฏิหาริย์ที่ยากจะเชื่อได้!
ทั้งตรวจร่างกายและกินยา พอหมอบอกว่าต้องให้น้ำเกลือ เธอบอกอยากกลับไปให้น้ำเกลือเองที่บ้าน หมอก็อนุญาตอย่างเต็มใจ
ภายใต้การประคับประคองของหมอและพยาบาล เธอนั่งรถเข็นกลับคฤหาสน์ พอให้น้ำเกลือแล้ว หมอก็จากไปเหลือแค่พยาบาล
คฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้ ยังคงมีแค่เธอคนเดียว สามีของเธอกลับเฝ้าคนรักอยู่ที่โรงพยาบาล……
เกลียดไหมน่ะเหรอ?
วินาทีนี้ เธอไม่เกลียดแล้วล่ะ เขาเฝ้าคนรักของเขานั่นเป็นเรื่องปกติ และเธอก็เป็นแค่คนแปลกหน้า
การแต่งงานของทั้งสองเริ่มต้นจากข้อเสนอเงื่อนไข ในระหว่างนี้ เธอผิดกฎสัญญาเอง เธอจมลึกเข้าไปในหลุมความรักเอง
เขาไม่รักเธอ เขามีดอกกุหลาบและแสงจันทร์ของเขาเอง……
ดังนั้น จบเถอะ ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ต้องจบอยู่ดี
เธอนั่งอยู่ตรงนั้น เขียนบ้างหยุดบ้าง ปนกับความเจ็บปวด ชินชา และความเศร้าใจ ผ่านไปนานมาก เธอถึงจะเขียนสัญญาหย่าจนเสร็จด้วยความยากลำบาก……
ภายในห้องเงียบมาก มีแค่เสียงลมหายใจอ่อนๆของเธอที่ดังอยู่ในห้อง
กวาดตามองตัวหนังสือใหญ่ห้าคำนั้น ทันใดนั้น เธอก็เหมือนถูกเข็มทิ่มเข้าหัวใจ มันเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ
ที่จริง เจ็บปวดเหมือนจะขาดใจก็ใช่ว่าจะไม่ใช่เรื่องดี ขอแค่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอยู่ งั้นต้องมีสักวันที่บาดแผลสมานเป็นปกติ
แต่ถ้าไม่หย่าแล้วอยู่แบบนี้ต่อไป ก็เหมือนกับมีก้างปลาอยู่ในคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่มีวันที่จะหยุดเรื่องนี้ได้
เธอแบกรับกับความเจ็บปวดนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
และไม่อยากอยู่คนเดียวในคฤหาสน์หรูหรานี้อีก ภายในใจกลับต้องเดาว่าสามีกับชู้รักกำลังทำอะไรกันอยู่ตลอดเวลา……
พอตัดสินใจได้แล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับทั้งคืน
เธอพักอยู่ในคฤหาสน์อยู่หลายวัน เขาไม่เคยกลับมาเคยสักครั้ง แค่ครั้งเดียวก็ไม่เคย
สักพัก เชอร์รีนก็ลงจากเตียง เดินไปมาในคฤหาสน์ได้แล้ว แต่เธอวางเท้าลงไปช้ามาก ช้ามากจริงๆ
ความรู้สึกร้อนรนและหวาดกลัวจากการตกเลือดในครั้งนั้น เธอยังจำมันได้ดี จนถึงตอนนี้ ยังคงเป็นปมในใจเธออยู่
ความรู้สึกสั่นคลอนนั้น ชีวิตนี้เธอจะไม่ทดลองมันอีกเป็นครั้งที่สอง
หนังสือหย่าเอาวางไว้ข้างๆ เธอปริ้นออกมาและเซ็นชื่อเสร็จแล้ว
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ขาดคือลายเซ็นของเขา
ในเมื่อเขาไม่กลับคฤหาสน์ งั้นเธอก็ไปโรงพยาบาลแล้วกัน……
……
ณ โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย
หยาดฝนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่รอยแผลบนใบหน้าและตามร่างกาย กลับไม่สามารถกำจัดออกไปได้เลย
เช้าวันนี้ หยาดฝนส่องหน้าซีกขวาตัวเองในกระจก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผล แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมไว้เลย
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอก็นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเงียบๆ ไม่พูดอะไรเลย ดูเงียบจนผิดปกติ
มีเสียงของพวกพยาบาลดังขึ้นมาเป็นบางครั้ง: “เธอดูสิ หน้าซีกซ้ายของผู้หญิงคนนั้นสวยมากเลยนะ จริงๆเล้ย หน้าซีกขวาไปโดนอะไรมานะ?”
“ได้ยินว่าตกลงมาจากหน้าผา ถูกกิ่งไม้และก้อนหินบาดน่ะ ถึงได้ทิ้งรอยแผลไว้แบบนั้น”
“ไม่ว่ายังไง ก็ยังน่าเสียดายมากอยู่ดี ผู้หญิงคนนั้นสวยมากเลยนะ แต่ไม่น่าโดนแบบนี้เลยจริงๆ!”
ได้ยินแล้ว มือของเธอก็สัมผัสไปที่ใบหน้าข้างขวาอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้ที่นั่นยังคงขาวเนียนอยู่ แต่ที่เหลือกับขรุขระไม่สม่ำเสมอกัน
ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออก ร่างสูงโปร่งของออกัสเดินเข้ามา เขาเพิ่งทายาที่แผ่นหลังเสร็จ เหลือบตาไปเห็นท่าทีของหยาดฝน แววตาของเขาก็มืดมนลง
ได้ยินเสียงเท้าเดิน หยาดฝนก็เงยหน้าขึ้นมองดูคนที่เข้ามา เธอพยายามฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “นายมาแล้วเหรอ……”
แต่รอยยิ้มนั้นดูไม่สวยเท่าไหร่ ผิวขยับแต่เนื้อไม่ขยับ ท่าทางดูฝืนมาก
“อืม……” ออกัสตอบกลับเสียงเบา เขานั่งลงตรงหน้าเธอ มือใหญ่ของเขาปัดผมที่ปิดหน้าเธอไว้ไปข้างหลัง แล้วพูดเสียงเข้มว่า: “ไม่ต้องยิ้มแล้วล่ะ……”
หยาดฝนอึ้ง ต่อมาเธอก็หุบยิ้มแล้วพูดว่า: “ออกัส ตอนนี้ฉันขี้เหร่มากเลยใช่ไหม?”
“ไม่นี่ เธอยังสวยเหมือนเมื่อก่อนเลย……” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นายโกหกคนไม่เก่งเลยนะ หรืออาจจะพูดได้ว่า นายไม่เคยโกหกใครมาก่อน” หยาดฝนยังคงสัมผัสใบหน้าที่ขรุขระของตัวเอง แล้วพูดว่า: “ตอนนี้หน้าฉันเป็นแบบนี้แล้ว จะใช้คำว่าสวยอีกได้ยังไง”
ริมฝีปากบางเม้มปากเส้น ออกัสไม่ได้พูดอะไร แต่แค่จ้องเธอด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็ให้คำมั่นสัญญากับเธอว่า: “พวกนั้น จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำทั้งหมด!”
หยาดฝนพยักหน้า ในใจแม้จะเศร้าโศก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา แค่กัดฟันกรอดจนริมฝีปากเป็นรอย ความสวยในเมื่อก่อนหลงเหลืออยู่แค่ใบหน้าซีกซ้ายแล้ว
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว แม้พวกนั้นจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมด แล้วยังไงล่ะ?
หรือว่า ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม?
หรือว่า ใบหน้าและเรือนร่างเธอจะไม่มีบาดแผลแบบนี้?
ไม่หรอก ไม่มีทาง สายไปแล้ว ทุกอย่างสายไปแล้ว!
แม้เธออยากให้ตัวเองตั้งสติและใจเย็น แต่ว่า ความรู้สึกเสียใจก็อดไม่ได้พรั่งพรูขึ้นมาเต็มอก จนเธอรับไม่ไหว!
เธอลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าออกัส แล้วกอดเอวของออกัสไว้แน่น
ครั้งนี้ หยาดฝนไม่ได้ร้องไห้ แค่กอดเอวเขาเอาไว้แน่นๆแบบนี้ ใบหน้าซบลงไปบนแผ่งอกที่อบอุ่นของเขา
ออกัสตัวแข็งทื่อ และเสียงที่อึดอัดปนความทุกข์ของหยาดฝนดังขึ้น: “ให้ฉันกอดนายแบบนี้สักพักนะ……”
ไม่มีคำพูด ไม่ได้ผลักตัวเธอออกไป ออกัสลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆ
เชอร์รีนเดินเข้ามาก็เห็นภาพนี้พอดี เพราะความชินชา ดังนั้นเธอจึงพูดออกมาได้อย่างใจเย็นว่า: “ขอโทษด้วยนะ รบกวนพวกเธอหน่อย”
ได้ยินแล้ว ออกัสก็หันไปมองเธอ
และหยาดฝนที่กอดเขาไว้อยู่ก็ปล่อยมือออก เธอหันหลังไปมองเชอร์รีน แล้วตะคอกออกไปทันทีว่า: “ออกไป!”
เรื่องที่เกิดขึ้นบนหน้าผา เธอไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด!
เชอร์รีนไม่สนใจหยาดฝน เธอยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน อาการของทั้งสองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่มีความจำเป็นต้องมายืนทะเลาะกันอีก
“พูดอีกครั้งนะ ออกไป!” อารมณ์ของหยาดฝนคลั่งขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันมาหาเขา ไม่ได้มาหาเธอ เธอไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งหรอกนะ”
ได้ยินแล้ว หยาดฝนก็คลั่งกว่าเดิม ร่างกายเธอเพิ่งดีขึ้นไม่กี่วัน ตอนนี้กลับโมโหจนฟิวส์ขาด เธอหน้ามืด ทรงตัวไม่ค่อยอยู่ และพูดด้วยความเกลียดชังว่า: “แต่ว่า ฉันไม่อยากเห็นคนที่ปล่อยฉันตกจากหน้าผา ไสหัวออกไปซะ เดี๋ยวนี้เลย!”
เชอร์รีนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน: “ฉันพูดจบแล้วจะไปเอง”