ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 156 คุณครูเชอร์รีน พวกเราพบกันอีกแล้วนะ
เด็กยังเล็ก และค่อนข้างจะกล่อมง่าย พอได้ยินว่ามีไอศกรีมให้กิน ซารางขมุบขมิบริมฝีปากน้อยที่สีชมพู ลิ้นอันน้อยนิดเลียไปเลียมาอย่างหิวโหย ดวงตากะพริบสว่างไสว ชูนิ้วที่นุ่มขาวอันน้อยนิดขึ้นมาสามนิ้ว “คุณยายคะ คุณยายคะ หนูจะกินรสชาติช็อกโกแลตค่ะ จะเอาสามชิ้นค่ะ”
“ได้ ซารางของเรากินไอศกรีมรสช็อกโกแลตสามชิ้น” แล้วยิ้ม กนกอรอุ้มซารางไปยังข้างตู้เย็นด้วยความเอ็นดู ให้เธอเลือกไอศกรีม
ใช้โอกาสนี้ เชอร์รีนและทับทิมเดิมออกจากห้องอย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนนั่งรถแท็กซี่ไปถึงนอกบริษัท จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องโถงบริษัท เชอร์รีนเดิมไปถามที่หน้าเคาน์เตอร์โดยตรง ส่วนทับทิมก็มองสำรวจเครื่องประดับบที่แข็งทนและสง่างาม
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ให้ทั้งสองรอสักพัก จากนั้นก็โทรศัพท์ไปยังห้องทำงานของเลขา
หลังจากผ่านไปไม่นาน ทางเบื้องบนก็มีการตอบรับ ให้คุณเชอร์รีนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นห้าสิบที่ห้องของท่านประธานโดยตรง
หลังจากพูดกล่าวขอบคุณพนักงานหน้าเคาน์เตอร์แล้ว เชอร์รีนและทับทิมก็ขึ้นลิฟต์ไป ในสมองของเธอก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเรื่องหนึ่ง ท่านประธานของที่นี่เป็นใครกันแน่?
จริงๆ แล้ว เมื่อกี้เธอน่าจะถามนามสกุลของท่านประธานกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก่อน ทว่า กลับลืมไป
แต่ว่า ในไม่ช้าก็จะได้เจอหน้ากันแล้ว ดังนั้น รู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรมาก
ผลักประตูห้องทำงานของท่านประธาน ใบหน้าที่คุ้นเคยมากๆ เผยออกมาตรงข้างหน้า ทันใดนั้นเชอร์รีนตะลึงงันอยู่ที่เดิม จ้องเขาอย่าแข็งทื่อ ถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองเดินภาพลวงตาขึ้น
ลุกขึ้น เลอแปงที่สวมสูดเดินตรงมาทางเธอทีละก้าว ใบหน้าที่หล่อเหลายิ้มโค้งขึ้น ราวกับดวงอาทิตย์ในเดือนเจ็ด เจิดจ้า เบิกบาน เร่าร้อน
ท้ายที่สุด ในตอนที่ระยะทางห่างกับเธอเพียงแค่ห้าวเดียว เลอแปงจึงจะหยุดเดิน จ้องเธออย่างนิ่งๆ จับมุมปาก น้ำเสียงที่น่าฟังเผยออกมา “คุณครูแสนสวย เป็นที่หมายของนักเรียน……”
ยังคงเหมือนสี่ปีก่อน เธอยืนอยู่บนเวที เขาฟุบอยู่แถวสุดท้ายด้วยความเกียจคร้าน มองเธอเช่นนี้แหละ ทีละคำทีละประโยค “คุณครูแสนสวย เป็นที่หมายของนักเรียน……”
ทว่า เทียบกับเมื่อสี่ปีก่อน มีบางส่วนที่เปลี่ยนไปอย่างแตกต่างจริงๆ
เทียบกับสี่ปีก่อน เลอแปงสูงขึ้นเล็กน้อย และความเขินอาย ความเป็นเด็กๆ ในตอนนั้น ต่างก็หายไปหมด สิ่งที่ทนแทนในตอนนี้คือความเป็นผู้ใหญ่ สง่างาม และมั่นคง
ดึงสติที่หายไปกลับมา เชอร์รีนยิ้มอ่อน ด้านนิสัยนั้น เขากลับไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ลำตัวที่สูงโค้งตัวลงเล็กน้อย เลอแปงโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างไม่คาดคิด ดมกลิ่นอายหอมที่เผยออกมา ในใจของเขานั้นมีความอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก
พบกันหลังจากที่ไม่ได้พบกันมานาน การกอดอย่างเป็นมิตรคือเรื่องสมเหตุอยู่แล้ว
ทว่า ผ่านไปนานมาก เขาไม่มีแม้กระทั่งความหมายที่จะปล่อยออก เชอร์รีนจึงต้องพูดเตือนเขา “เลอแปง ฉันจะถูกนายรัดตายแล้ว”
พอได้ยินแล้ว เลอแปงจึงจะปล่อยเธอออกด้วยความไม่อยาก “sลังจากผ่านไปสี่ปีพบเจอผมในวิธีแบบนี้ น่าเซอร์ไพรส์มากเลยใช่ไหม?”
ไม่มีการลังเลใดๆ เชอร์รีนพยักหน้า เธอเซอร์ไพรส์มากจริงๆ และตื้นตันมาก การเปลี่ยนแปลงของเขา ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก
แน่นอนว่าทับทิมก็มองอะไรบางอย่างออกแล้ว แต่แค่ว่า ชีวิตของเชอร์รีนดีขนาดนี้! ดีถึงขั้นให้เธอรู้สึกอิจฉา
สี่ปีก่อน คือออกัส ชายผู้ที่หล่อเหลาดั่งเทพ คือคนรักในดวงใจของผู้หญิงทุกคนในเมืองS
สี่ปีต่อมา ก็คือผู้ชายที่โดดเด่นคนหนึ่ง ความรู้สึกที่เผาไหม้ในแววตาของเขาชัดเจน เร่าร้อน และรุนแรงมาก
ทำไม เธอถึงไม่มีชีวิตดีๆ แบบนี้ล่ะ?
แต่ว่า ดูแล้วท่านประธานชอบเชอร์รีนขนาดนี้ งั้นหลังจากนี้สามีของเธอจะต้องประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองในบริษัทแน่นอน
พอนึกถึงจุดนี้ เธอก็ยิ้มเบิกบานด้วยความดีใจ คิดความปรารถนาใจไปด้วย พลางพูดกับเชอร์รีนไปด้วยว่า “ในเมื่อพวกเธอรู้จักกัน ฉันก็ไม่รบกวนพวกเธอระลึกความหลังที่นี่แล้ว เชอร์รีน ฉันกลับไปดูแลโซชิแล้วนะ”
พึ่งพูดจบ ก็ไม่รอให้เชอร์รีนพูด ทับทิมหันหลัง แล้วปิดประตูห้องทำงานด้วยความเอาใจ
ในห้องสำนักงานเหลือเพียงแค่สองคนแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ รอยยิ้มในนัยน์ตาโตสองชั้นของเลอแปงก็ไม่เคยเลือนหายไป แม้กระทั่งน้ำเสียงก็อ่อนหวานนุ่มลื่น “รอผมห้านาที……”
“โอเค” เชอร์รีนพยักหน้า “นายไปยุ่งก่อนเถอะ ฉันจะดื่มน้ำพอดี”
นั่งลงยังเก้าแหนัง เลอแปงเซนต์ชื่อไปยังเอกสารด้วยความรวดเร็ว ความเร็วที่เขาเซนต์ชื่อนั้นเร็วมาก ราวกับว่ารอไม่ไหวแล้ว
ขณะที่ดื่มน้ำ สายตาของเชอร์รีนกวาดไปทางร่างกายของเขา ขณะนี้ เธอยากจะคิดจริงๆ ที่จะนำเลอแปงเมื่อสี่ปีก่อนที่ไม่เคยสอบผ่านมาคิดเชื่อมกัน
กองเอกสารหนาๆ เลอแปงเซนต์ชื่อหมดภายในห้านาที โยนปากกาทิ้ง “ไปเถอะ เธอควรจะเลี้ยงอาหารกลางวันผมฉัน……”
“แน่นอนอยู่แล้ว ทานอาหารกลางวันอะไรก็ได้?”
เลอแปงพยักหน้า นัยน์ตาจ้องใบหน้าที่สง่างามของเธอด้วยความหลงใหล ขอแค่สามารถานอาหารพร้อมกับเธอได้ ที่เหลือล้วนไม่สำคัญแล้ว
ทั้งสองนั่งลิฟต์พิเศษเฉพาะสำหรับท่านประธานลงมาถึงห้องโถง ในตอนที่เดินออกมาจากลิฟต์ คนรอบๆ ข้างต่างก็มองมา
มีคนที่หลงใหลในตัวเลอแปง แล้วสงสัยในตัวเชอร์รีน……
นั่งรถสีดำ แล้วจากไป สี่ปีนี้จำนวนครั้งที่เชอร์รีนกลับเมืองSก็สามารถนับได้เลย การเปลี่ยนแปลงของเมืองSก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทันใดนั้นเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง และไม่รู้ว่าควรพาเขาไปทานอาหารกลางวันที่ไหน
คิดไปสักครู่ เธอเอ่ยขึ้นว่า “หรือว่า ก็ไปแถวๆ โรงเรียนเถอะ รสชาติอาหารที่นั่นไม่เลวเลย”
“โอเค” ยิ้มแฉ่งนัยน์ตาโตสองชั้น หมุนพวงมาลัย ไปทางซ้าย
ทว่า ในตอนที่ผ่านสี่แยก ได้สวนทางกับรถหรูสีดำคันหนึ่งไป ระยะทางกระชั้นชิดเช่นนี้ ใครก็ไม่ได้สนใจใคร
ทว่า แถวหลังในรถคันนั้น ออกัสได้นั่งอยู่ในนั้น ร่างกายที่สูงของขาวนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ กำลังหลับตาพักผ่อน
โทรศัพท์มีเสียงสั่น จึงจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้น ฝ่ามือที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงสูท เลื่อนออก รับฟัง
“ออกัส ลูกกลับประเทศวันนี้ไม่ใช่เหรอ? แม่ให้คนขับรถไปรับนายนะ” เสียงของสุนันท์ดังผ่านออกมาจากโทรศัพท์
“ไม่ต้องครับ……” ฝ่ามือที่ใหญ่ของเขานวดไปที่ระหว่างคิ้ว น้ำเสียงทั้งต่ำและแหบ ฟังแล้วเหมือนว่าจะเป็นหวัด “ผมอยู่บนรถแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงจะไปถึง……”
“งั้นก็ดี แม่ให้คนรับใช้ไปเก็บของให้นาย แม่วางสายก่อนนะ”
ทิ้งโทรศัพท์ลงบนที่นั่ง ดวงตาที่แหลมคมของออกัสหรี่ตาลงอีกครั้ง เขาเหมือนว่าเหนื่อยล้ามาก……
……
อีกทางหนึ่ง
เชอร์รีนก็ไม่ได้มาที่นี่สี่ปีแล้วเช่นกัน ทว่า ถนนเส้นนี้กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย ถึงขั้นว่า เจ้าของร้านอาหารข้างทางก็ยังเป็นคนเดิม
ในตอนที่นั่งลงที่นั่งอีกครั้ง มีความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เชอร์รีนส่งเมนูอาหารให้เลอแปง “นายอยากทานอะไร ก็สั่งอะไร”
เลอแปงไม่มีความเกรงใจใดๆ ทันใดนั้นก็สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ
หยิบกาต้มน้ำที่เจ้าของร้านให้มา เชอร์รีนเติมน้ำทั้งสองแก้วให้เต็ม คือน้ำดอกส้ม สีเหลืองสดใส