ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 161 โลกกลมจริง ๆ
“ทำไมหนูถึงเป็นน้องหมีแต่ไม่ใช่พี่หมีล่ะครับ?”เลอแปงถาม และกระชับมือที่อุ้มคนอีกฝ่ายไว้
“เพราะหนูตัวเล็ก และอีกอย่างพี่หมีต้องหาของกินให้น้องหมีด้วยค่ะ หนูไม่มีเงินซื้อของให้น้องหมีค่ะ” ปากเล็กของเธอขยับก็พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเลอแปงหัวเราะเสียงดังลั่น ยิ่งรู้สึกชอบซารางมากขึ้น“ซารางอยากกินอะไรอีกครับ คุณอาจะซื้อให้”
เธอเลียปากพร้อมกับชี้ขนมสายไหมด้านข้าง
ไม่พูดอะไรสักคำ เลอแปงรีบสาวเท้าเดินซื้อสายไหมถุงที่ใหญ่ที่สุด ซารางยิ้มแก้มปริจนดวงตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว มือเล็กถือขนมสายไหม ทว่าก็ไม่ได้กิน แต่เป็นการป้อนเข้าปากเลอแปงแทน เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยว่า “คุณอาสุดหล่อกินก่อนค่ะ”
ถึงแม้ปกติไม่ค่อยชอบกินหวาน ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเล็กของซาราง ถึงจะให้เลอแปงดื่มน้ำหวานหลายแก้วก็ไม่ใช่ปัญหา
จากนั้น ซารางก็ป้อนขนมสายไหมให้เชอร์รีน “หม่ามี๊ก็กินด้วยสิค่ะ”
“หนูกินเลยค่ะ หม่ามี๊ไม่กิน” เชอร์รีนคลี่ยิ้ม ตอนแรกตั้งจะมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเลอแปง สุดท้ายคือเลอแปงเป็นฝ่ายเที่ยวตามใจพวกเธอสองแม่ลูก
โดยเฉพาะซารางที่ชอบเลอแปงมากโข พูดคุณอาสุดหล่อติดปากเลย ยิ่งไม่ยอมห่างจากอ้อมกอดของเขาด้วย เธอแค่ต่อว่าหนึ่งประโยค แม้แต่เลอแปงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
เขาอุ้มซารางไม่ปล่อยมือเลย เธอยอมสองคนนี้จริงๆ
ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นร่างผู้ชายอันคุ้นเคยโดยบังเอิญ เธอหันกลับมามองซารางปราดหนึ่ง เลือดทั่วร่างกายของเชอร์รีนพุ่งทะยานขึ้นมาที่หน้ากันหมด
เมืองsจะว่าใหญ่ก็ไม่ใช่ จะว่าเล็กก็ไม่เชิง ทว่าทำไมถึงต้องเจอหน้ากันครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย แถมยังเจอกันภายในสองวันอีกต่างหาก ทำไมเธอถึงซวยอะไรขนาดนี้?
เวลากลัวอะไรก็มักจะเจออย่างนั้น?
และเขาก็เห็นทางนี้เช่นกัน เพราะเขากำลังยกเท้าเดินทางฝั่งนี้……
แย่แล้ว ตอนนี้ซารางยังอยู่ในอ้อมแขนของเลอแปง คงพาลูกหลบไปโดยเร็วไม่ได้!
เธออดกระวนกระวายไม่ได้ ครั้งก่อนเขาแค่ได้ยินเสียงซารางที่ระเบียงทางเดินเท่านั้น ยังไม่เห็นหน้าซาราง เธอจึงพอวางใจได้
ทว่าตอนนี้เขาเดินเข้ามาหาแล้วเห็นหน้าซาราง เช่นนี้จะให้เธอใจเย็นได้ยังไงไหว?
วันนี้ไม่ควรพาซารางออกมาจริงๆ!
เมื่อเลอแปงสังเกตสีหน้าของเธอแล้วก็พูดโดยกดเสียงให้เบาลง ซึ่งจะได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น “ใจเย็นครับ พวกเราต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ครับ ถ้าจำเป็นก็ต้องโกหกด้วยครับ ……”
เชอร์รีนผงกศีรษะและทำตัวให้ผ่อนคลาย ปรับหัวใจที่เต้นรัวแรงให้สงบลง เพราะต้องเผชิญหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ งั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือ รับมืออย่างสุขุมใจเย็น อย่าให้ตัวเองแตกตื่นเป็นอันขาด
เขาทำท่าจะมาคุยสัญญาก็ไม่ปาน เพราะด้านหลังมีคนติดตามกลุ่มหนึ่ง และล้อมเขาไว้ตรงกลางประหนึ่งดาวล้อมเดือนไม่มีผิด
ตอนนี้มีสายตาผู้หญิงมากมายจับจ้องมาที่นี่
ตอนนี้ผู้คนเห็นเขายกเท้าเดินไปหาคู่หนุ่มสาว จึงพากันหยุดเดินแล้วยืนรอดูอยู่ที่เดิม
ถึงแม้ว่าจะบอกตัวเองในใจว่าอย่าลุกลน ทว่าเมื่อเขาก้าวเข้าใกล้เข้ามา หัวใจเชอร์รีนก็อดเต้นรัวแรงไม่ได้
ในที่สุดออกัสก็หยุดเดิน แล้วยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าพวกเขาสองคน
“ทำไมพี่มาที่นี่ด้วยครับ?” เลอแปงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เซ็นสัญญากะทันหัน……” ออกัสตอบแบบไม่ยินดียินร้าย เพียงแต่ดวงตาลุ่มลึกที่แสนดำขลับคล้ายมองคล้ายไม่มองเชอร์รีน
จากนั้น สายตาเขาก็หยุดอยู่ที่ตัวซาราง พลางมองอย่างใจจดใจจ่ออยู่นาน ก่อนจะยกริมฝีปากบางพูดว่า “ลูกใคร?”
รู้สึกเด็กหน้าตาเหมือนเธอหลายส่วน ทั้งยังมีหลายส่วนเหมือนเขามากด้วย……
เชอร์รีนตอบเสียงเรียบเฉยอย่างใจเย็น ไม่เลิ่กลั่กสักนิด“ลูกพี่ชายฉัน”
เพียงแต่ตอนนี้มีเธอเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วขนาดไหน
“ใช่เหรอ?” สายตาออกัสกวาดมองเธออย่างไม่สะทกสะท้าน จากนั้นก็จ้องมองซารางที่กำลังกินสายไหมอยู่ แววตาเย็นเยียบกลายเป็นอ่อนนุ่มในบัดดล“ชื่ออะไร?”
“ซารางโนะ”น้ำเสียงเชอร์รีนยังคงเย็นชาดุจเดิม
“ผมอุ้มหน่อย……” ระหว่างที่พูด แขนออกัสก็ยื่นไปหาซาราง เพื่อจะอุ้มเธอมา
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ซารางถึงไม่ยินดีให้เขาอุ้ม ร่างเล็กเธอบิดไปอีกทางแล้วหันหลังให้ออกัส
จากนั้นสองมือเล็กก็คล้องคอเลอแปงไว้ ก่อนจะเอาคางน้อย ๆ พิงไว้ที่บ่าของเลอแปง ต่อด้วยส่งลิ้นอมชมพูออกมากินขนมสายไหม
ดังนั้น สองมือออกัสหยุดค้างกลางอากาศ เขาเลิกคิ้วพลันหรี่ตาขึ้น พลางจ้องแผ่นหลังร่างตัวน้อยอย่างรู้สึกผิดหวังเลือนราง
มุมปากเลอแปงยกยิ้ม ก่อนจะเป็นเสียงหัวเราะออกมา ดวงตาดอกท้อยกขึ้นอย่างหยอกล้อ “คิดไม่ถึงเลยว่า มีวันเสน่ห์พี่ใหญ่จะไม่ทำงานด้วย โดนสาวน้อยซารางปฏิเสธซะแล้ว!”
ได้ยินดังนั้น ออกัสก็ไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับได้ยินซารางพูดกับเลอแปงว่า “คุณอาสุดหล่อหนูหิวแล้วค่ะ อยากกินข้าวค่ะ”
เลอแปงก้มหน้ามองเวลา“บ่ายโมงครึ่งแล้ว มิน่าล่ะซารางถึงรู้สึกหิว ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว พี่จะไปกินมื้อเที่ยงกับพวกเราไหมครับ?”
ลูกกระเดือกเขาขยับ เสียงทุ้มต่ำก็ลั่นออกมา ทั้งยังเจือความหมายลึกซึ้งยากจะหยั่งถึงในแบบฉบับคล้ายมีคล้ายไม่มีร่วมด้วย “ได้……”
เลอแปงชะงักงันอยู่กับที่ ส่วนเชอร์รีนก็ขมวดคิ้วอย่างสังเกตเห็นยาก
อันที่จริงเลอแปงแค่พูดไปตามมารยาท เขาคิดว่าพี่ชายคงไม่ตอบตกลง เพราะด้านหลังยังมีพนักงานมากมายรออยู่
ทว่าใครจะไปรู้……ใครจะไปรู้……ใครจะไปรู้ว่าเขากลับตอบตกลง!
ตอนนี้เลอแปงรู้สึกเสียใจมากที่ถามเช่นนั้น อยากตบปากตัวเองสักสองสามทีจังเลย
เชอร์รีนก็คิดว่าเขาไม่รับคำเชิญ ทว่าสุดท้ายก็เหนือความคาดหมาย หัวใจที่ผ่อนคลายลงอย่างยากลำบากกลับมาร้อนรุ่มกลุ้มใจปานถูกแขวนขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
ออกัสกวาดสายตามองทั้งสองคนอย่างเรียบเฉย เขาอ่านใจพวกเธอออก ทว่าไม่ได้พูดเปิดโปง แต่เป็นการหมุนกายไปคุยกับพนักงานที่ติดตามด้านหลังด้วยเสียงเย็นเยียบ
เมื่อเห็นดังนั้น เชอร์รีนกับเลอแปงก็สบตากันสักครู่ ล้วนขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ซารางชอบกินปลาเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นเชอร์รีนเลือกร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องปลาเป็นพิเศษ
เมื่อเดินเข้าร้านอาหาร เชอร์รีนอุ้มซารางมาจากอ้อมแขนของเลอแปง พลางกล่าวว่า“พวกคุณนั่งก่อนนะคะ ฉันพาซารางเข้าห้องน้ำก่อนค่ะ”
เลอแปงขานรับหนึ่งคำ ส่วนออกัสก้าวเท้ายาวเข้าห้องวีไอพีเรียบร้อย
ภายในห้องน้ำ เชอร์รีนกำลังล้างมือให้ซาราง จากนั้นก็กำชับลูกสาวว่า“เดี๋ยวไปรอต่อหน้าคุณอาคนที่เห็นตอนหลัง หนูจะเรียกหม่ามี๊ว่าหม่ามี๊ไม่ได้นะคะ ต้องเรียกว่าอาหญิง รู้ไหมคะ?”