ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 163 พวกเราคอยดูก็แล้วกัน
เธอมองสิ่งของในถุงอย่างจดจ่อชั่วครู่ จากนั้นก็ยกมุมปากเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน
อืม ไม่เจอกันสี่ปี คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นคนละเอียดขนาดนี้……
เชอร์รีนเปลี่ยนกางเกงเสร็จ แล้วจัดแจงของพวกนั้น ก่อนจะผลักประตูออกไปล้างมือ แล้วเดินไปด้านนอก
จากนั้นก็เห็นผู้ชายสูงยาวเข่าดียืนพิงอยู่ด้านข้างหน้าต่างห้องน้ำ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเธอนานแล้ว
“คุณเชอร์รีนออกมาแล้ว งั้นพวกเราก็มาคุยกันเถอะ……” ออกัสยืนตัวตรง ดวงตาดำขลับคู่นั้นเสมือนลุ่มลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้กำลังจ้องมองมายังเธอ
ใบหน้าเชอร์รีนเงียบสงบ กล่าวเสียงเย็นเยียบว่า“ฉันไม่คิดว่าพวกเราจะมีเรื่องให้คุยกัน ยังมีอีก ระหว่างเราไม่มีความจำเป็นต้องยืนคุยกันด้วย”
สิ้นเสียงก็ไม่ได้มองเขาแม้แต่ปราดเดียว เธอยกเท้าเดินไปด้านหน้า
ออกัสมองร่างที่ค่อยๆเดินห่างไปพลันขมวดคิ้ว ใบหน้าคมสันยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น เมื่อริมฝีปากบางยกขึ้นก็พูดเนือยๆออกมาอย่างกดดัน “ซารางโนะ……”
ได้ยินดังนั้น ร่างบางของเชอร์รีนก็ชะงักค้าง วินาทีต่อมาหัวใจของเธอเต้นรัวแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ฝ่ามือของเธอก็เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาบ้างแล้ว
เธอยืนอยู่กับที่ ก่อนจะหันหน้ากลับไปพลันยกมุมปากขึ้น แล้วเผยรอยยิ้มที่เงียบสงบและเย็นชาออกมา “คุณออกัสพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
เขาจ้องเธอ คิ้วงามขมวดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะก้าวมาหาเธออย่างเชื่องช้า ดวงตามืดครึ้มมองลงมายังเธอ “คุณเชอร์รีนมั่นใจเรื่องชาติกำเนิดของเด็กคนนี้มากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“คุณออกัสกำลังหมายถึงเด็กไม่ใช่ของพี่ชายฉันงั้นเหรอ หรือว่าต้องเป็นของคุณออกัส?” เธอสวนกลับอย่างสงบเยือกเย็น
“แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? ทำไมถึงเป็นของผมไม่ได้ หา?” เสียงเคร่งขรึมของออกัสส่งออกมาทีละคำ คล้ายกับจะกระแทกใส่ก้นบึ้งหัวใจของเชอร์รีนอย่างสุดแรง
มือข้างลำตัวหมัดไว้แน่น ก่อนจะจิบเล็บที่ฝ่ามือ ทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย เชอร์รีนขมวดคิ้วยิ้มเย้ยหยันและประชดประชันว่า“คุณออกัสเป็นโรคเพ้อเจ้อหรือเปล่า ยังว่าสติไม่สมประกอบ ตอนนี้ถึงกับเอาลูกคนอื่นมาเป็นของตน คุณออกัสน่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยนะ?”
เขาไม่ได้โกรธ หากแต่เป็นการยิ้มทะลึ่ง ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้นเป็นรูปเรเดียน นิ้วมือใหญ่ได้รูปของเขาบีบคางของเธอ ก่อนประสานตากับเธอ
“เป็นลูกพี่ชายคุณ แต่ทำไมหน้าตาเหมือนคุณสี่ส่วน อีกหกส่วนเหมือนผมล่ะ?”
เชอร์รีนง้างมือปัดมือของเขาออกแรงๆ“ฉันยอมรับว่าเหมือนฉันสี่ส่วน เพราะฉันเป็นอาหญิงของเธอ แต่สำหรับที่คุณออกัสบอกว่าเหมือนคุณหกส่วนนั้น ขออภัยที่ฉันตาบอด ฉันดูไม่ออกแม้แต่เศษเสี้ยว”
ออกัสไม่โกรธและไม่ได้พูดอะไร แค่ยกริมฝีปากบางขึ้นมายิ้มและจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น
รอยยิ้มที่อ่านอารมณ์ไม่ออก ทว่ากลับทำให้หัวใจของเชอร์รีนหวาดหวั่นยิ่งนัก ความคิดของเขาลึกซึ้งเกินไป เธออ่านไม่ออกจริงๆ
ดวงตาออกัสลุ่มลึกและเหี้ยมโหด เขาก้มลงอย่างเหนือการคาดหมาย ทั้งยังเจือรอยยิ้มไว้ในทีด้วย เขาก้มหน้าใกล้เธอเข้ามาทุกที สุดท้ายคือไม่ได้จูบริมฝีปากอมชมพูราวดอกไม้ของเธอ
ทว่ากลับเป็นการรู้สึกเจ็บขึ้นมา เชอร์รีนขมวดคิ้ว ยื่นมือแล้วใช้กำลังทั้งหมดที่มีดันร่างกายเขาออกไป
ผู้ชายคาดเดาล่วงหน้าไว้แล้วว่าเธอจะต่อต้าน เขารีบจับสองมือของเธอไว้เหนือศีรษะ ส่วนสองขาที่คิดจะถีบเขาก็ถูกขาของเขาหนีบไว้ตรงกลาง ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ลิ้มของเขาเลียระหว่างคอของเธอซึ่งมีไฝสีดำนูนออกมาอย่างกำเริบเสิบสาน เสียงเคร่งขรึมของเขาลอดออกจากริมฝีปากเขา“คุณเชอร์รีน ผมรู้สึกเหมือนก็พอ และผมขอเตือนคุณหนึ่งประโยคด้วย ต้องมีผลลัพธ์ที่ทำให้คุณใบ้ พูดไม่ออกแน่ คุณรอดูแล้วกัน……”
ความหวาดหวั่นกับความหงุดหงิดผสมปนเปพร้อมกัน เชอร์รีนเอาหัวกระแทกใส่หัวอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเจ็บ ก่อนจะพูดลอดไรฟันว่า “ปล่อยฉัน!”
ศีรษะทั้งสองกระแทกกันจนเกิดเสียงดัง“ตง” ออกัสโอดครวญหนึ่งเสียง เป็นเช่นนี้เขาจึงจะปล่อยมือและขาเธอออก
การกระแทกกันครั้งนี้แม่นยำและรวดเร็วมาก บอกว่าไม่เจ็บคงเป็นเรื่องลวงโลก เชอร์รีนรู้สึกปวดหัวจนชาไปเลย
“สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ที่แท้คุณออกัสเป็นโรคเพ้อเจ้อนี่เอง” ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว เธอก็ออกไปโดยไม่เหลียวหันมอง
ร่างกายเธอค่อยๆหายลับจากการมองเห็น ออกัสยกมือใหญ่ขึ้นมาถูริมฝีปากเบาๆ ดวงตาลุ่มลึกดั่งน้ำทะเล
เป็นโรคเพ้อเจ้อเหรอ ฮ่าๆๆ เธอรอดูผลตรวจสอบได้เลย……
เชอร์รีนเดินเข้าห้องวีไอพีแล้วก็เห็น ร่างน้อยๆของซารางกำลังนั่งบนตักของเลอแปง ทั้งสองกำลังเล่นเป่ายิ้งฉุบกันอยู่
“คุณอาสุดหล่อค่ะ ครั้งต่อไปหนูออกกรรไกร คุณอาออกผ้านะคะ”
“ทำไมล่ะครับ?” เลอแปงเลิกคิ้ว
“คุณอาสุดหล่อชนะไปหนึ่ง……สอง……”ซารางนับเลขไปด้วย จับนิ้วนุ่มเล็กของตัวเองไปด้วย บนปากก็เผยตัวเลขออกมาว่า“หนึ่ง สอง สาม สี่ หก”
“เดี๋ยวก่อนครับ” เลอแปงพูดแทรก มือใหญ่กุมมือเล็กไว้“ซาราง ห้าของหนูไปไหนแล้วครับ?”
“โดนเสือกินแล้วค่ะ คุณอาสุดหล่อชนะไปตั้งหกครั้งแล้ว ให้หนูชนะหนึ่งครั้งนะคะ ครั้งเดียวเอง ได้ไหมคะ?” เธอกระพริบตาปริบๆ
เชอร์รีนชินกับการนับเลขของลูกสาวแล้ว ลูกสาวจะนับถึงสี่แล้วกระโดดข้ามไปเลขหกเลย ชอบลืมเลขห้าเสมอ
ถ้าเกิดไปว่าลูกสาวล่ะก็ ลูกสาวก็จะพูดเป็นต่อยหอยว่าโดนเสือกินแล้ว หมายเลขห้าโดนเสือกินแล้ว
“อันนี้เหรอ ให้อาคิดดูก่อนนะ……” ดวงตาดอกท้อของเลอแปงหรี่ขึ้น จากนั้นใช้นิ้วชี้ใบหน้าตัวเอง “หอมแก้มสิ แล้วจะให้ซารางชนะหนึ่งครั้งครับ”
ซารางไม่พูดอะไร รีบยกก้มแล้วยืดปากเล็กสีชมพูขึ้นไป ก่อนจะหอมแก้มเลอแปงสองครั้งอย่างมีเสียง
พร้อมกันนั้น ออกัสผลักประตูเข้ามาเห็นภาพซารางหอมแก้มเลอแปง
ดวงตาเล็กเรียวของเขายกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องใบหน้าที่ดีใจระรื่นของเลอแปงก็รู้สึกว่าเป็นภาพที่ขวางหูขวางตายิ่ง
ซารางกระดุกกระดิกอยู่บนตักของเลอแปง ไม่เคยอยู่นิ่งเลยสักนาทีเดียว ทันใดนั้น เธอก็ลื่นไหลลงจากขาของเลอแปง จากนั้นร่างเล็กก็ล้มอยู่กับพื้น
เลอแปงหน้าถอดสี กำลังเตรียมจะยื่นมือออกไป ทว่าออกัสท่าทางว่องไวกว่า รีบขยับมือใหญ่อย่างรวดเร็วก็สามารถซารางขึ้นมาได้แล้ว พอวางสาวน้อยลง ในฝ่ามือของเขาก็มีเส้นผมนุ่มลื่นหลายเส้นแล้ว
ซารางรู้สึกตกใจ ใบหน้ารูปไข่อมชมพูตกใจจนกลายเป็นซีดขาว ทว่าก็ไม่ได้ร้องไห้
การได้อุ้มซาราง ทำให้ออกัสสัมผัสผิวกายนุ่มนิ่งจนร่างกายแข็งทื่อ เขาไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน ไม่เคยรู้เลยว่าการได้อุ้มเด็กจะให้ความรู้สึกเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา ซารางก็รีบบิดหน้าไปอีกข้าง ก่อนจะโน้มตัวออกไปพร้อมกับพูดอย่างขมขื่นว่า“อาหญิงอุ้มหน่อยค่ะ ให้อาหญิงอุ้มค่ะ”