ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 166 มีคนมารับลูกไปแล้ว
บนชั้นสูงสุดของตึกในห้องทำงานตำแหน่งประธาน
ร่างสูงยาวเข่าดี อกผายไหล่ผึ่ง เมื่อสวมใส่เสื้อแขนสั้นสีม่วงและกางเกงขายาวสีเทาควันบุหรี่ จึงยิ่งขับเน้นให้ตัวสูงและไหล่กว้างมากขึ้น
สีม่วงสะท้อนแสงให้ใบหน้าผู้ชายเผยโครงหน้าอันแข็งแรงและสวยสดงดงามยิ่งขึ้น
ที่แท้ผู้ชายก็สวมชุดสีม่วงแล้วก็กลายเป็นคนสง่างาม มีเสน่ห์และเหมือนผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน
เลขาเตโชเคาะประตูห้อง หลังจากได้ยินเสียงขานรับเขาจึงจะเข้ามาแล้วยื่นผลตรวจให้เจ้านายเหนือหัว “ท่านประธานครับ”
แขนยาวออกัสยื่นผ่านโต๊ะทำงาน จากนั้นก็รับกระเป๋าหนังวัวมา เมื่อเปิดออก มือใหญ่ก็เริ่มทำการพลิกอ่านทันที
เมื่อพลิกถึงหน้าที่แสดงผลตรวจ เขาก็กวาดสายตาอ่านหนึ่งรอบ จากนั้นก็วางผลตรวจไว้ด้านข้าง ใบหน้าหล่อเหลาเงียบสงบ ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆสักนิด มีก็แต่ริมฝีปากบางที่ยกโค้งขึ้นคล้ายมีคล้ายไม่มี ถือเป็นการเปิดเผยความในใจของเขาออกมา
ซึ่งเขาไม่ได้ตกตะลึงเลย เพราะเป็นผลตรวจที่อยู่ขอบเขตการคาดเดาของเขา ก่อนหน้านี้เขาก็รู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
ถึงไม่ตรวจดีเอ็นเอเขาก็มั่นใจเต็มร้อยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวเขาอย่างแน่นอน!
สำหรับสาเหตุการตรวจดีเอ็นเอก็คือ เขาจะเอาหลักฐานส่วนนี้เพื่อหุบปากเธอ เธอจะได้เป็นใบ้ เถียงเขาไม่ออก
ลูกพี่ชายเธอ คิกๆ คำแบบนี้เธอก็ยังคิดออกมาได้นะ……
ผู้ช่วยเตโชเหลือบไปเห็นผลตรวจที่เขียนคำโตๆไว้หลายคำ ผลตรวจของทั้งสองคือ พ่อกับลูกสาว
มีสายสัมพันธ์เป็นพ่อกับลูกสาว?
เช่นนั้นเท่ากับว่า ลูกของท่านประธานเป็นผู้หญิง?
ทว่าท่านประธานเห็นผลตรวจแล้ว ทำไมไม่มีท่าทีตอบสนองเลยล่ะ?
เมื่อออกัสเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายตาของผู้ช่วยเตโช เขาเอนกายพิงหลังบนเก้าอี้หนัง ใบหน้าคมสันยกคิ้วขึ้น อยากรู้มากเหรอ?”
ผู้ช่วยเตโชถูกจับได้คาหนังคาเขา พลางทำเสียงกระแอมกระไออย่างเก้อเขิน “นิดหน่อยครับ”
ออกัสยกมุมปากยิ้มเบาๆคล้ายกับอารมณ์ดีมาก
ผู้ช่วยเตโชเห็นท่านประธานอารมณ์ดี ซึ่งมีไม่บ่อยนักก็ยิ้มตาม ถือโอกาสรีบถามว่า “ท่านประธานครับ ปีนี้คุณหนูอายุกี่ขวบแล้วครับ?”
ออกัสยกกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาจิบหนึ่งคำ นิ้วเรียวยาวพลิกเอกสารอย่างสำราญ มุมปากเขากระตุกพลันได้ยินกล่าวว่า “สามขวบกับอีกห้าเดือน”
“เด็กกว่าลูกของผมหนึ่งขวบครับ” ผู้ช่วยเตโชกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินดังนั้น ออกัสก็ละสายตาจากเอกสารขึ้นมามองเขา“พึ่งได้ยินผู้ช่วยเตโชเล่าเรื่องครอบครัวครั้งแรก เป็นลูกสาวเหมือนกันหรือเปล่า?”
ผู้ช่วยเตโชตอบ“ใช่ครับ ลูกสาว”
เขาดื่มกาแฟต่ออีกหนึ่งคำ เมื่อคางเขาขยับ เสียงก็ลอยออกจากริมฝีปากบางของเขา “ลูกสาวแหละดี……”
“ทำไมเหรอครับ?” ผู้ช่วยเตโชรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าท่านประธานจะชอบลูกชายเสียอีก คาดไม่ถึงว่าเขาจะชอบลูกสาวด้วย
เมื่อนึกถึงร่างตัวน้อยๆที่อุ้มแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ง และใบหน้ารูปไข่อมชมพูของลูกสาว หัวใจของออกัสก็พองโต ขนาดเสียงยังเจือความอ่อนโยนมากขึ้นเล็กน้อย “ลูกสาว……น่ารัก……แต่ลูกชายจะซนไปหน่อย……”
ผู้ช่วยเตโชยิ้ม ไม่คิดว่าจะเป็นเหตุผลเช่นนี้“อันที่จริงลูกสาวก็ซนมากเลยนะครับ”
เพราะลูกสาวบ้านเขาซนกว่าเด็กผู้ชายอีก ต้องจับปูใส่กระด้งตลอด
คิ้วงามยกขึ้น ออกัสเม้มปาก พลางพูดอย่างมีเหตุมีผล “ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ก็น่ารักกว่าเด็กผู้ชาย……”
คาดไม่ถึงว่าท่านประธานก็เป็นทาสลูกสาวด้วย ผู้ช่วยเตโชยังคงยิ้มแย้ม กล่าวต่อไปว่า “ท่านประธานทำงานต่อเลยครับ ผมขอรับออกไปก่อนครับ”
“อืม……” ตอนแรกก็ขานรับเบาๆหนึ่งเสียง จากนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ออกัสจึงอ้าปากเรียกเขา “ไปสืบความเคลื่อนไหวของเชอร์รีนหน่อย”
“ครับ” ผู้ช่วยเตโชผลักประตูแล้วเดินออกไป
ผู้ช่วยเตโชไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ทำงานรวดเร็วทันใจมาก ใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง “ท่านประธานครับ ตอนนี้คุณเชอร์รีนไม่อยู่ที่เมือง Sแล้วครับ เมื่อหกโมงเย็นของเมื่อวานเธอนั่งรถไฟจากเมืองSไปยังเมืองทะเลหทัยครับ ตอนนี้เดินทางไปถึงเมืองทะเลหทัยแล้วครับ”
ได้ยินดังนั้น ดวงตาเรียวเล็กของเขาหรี่ขึ้น ใบหน้าเย็นเยียบมีความมืดมิดปกคลุมอีกหนึ่งชั้น ดวงตาดำขลับยิ่งดำมากขึ้น ทั้งยังมีเพลิงโกรธลุกโชติช่วงในนั้นด้วย
ผู้ช่วยเตโชติดตามเขามาหลายปี จึงเห็นอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนของเขา เอ่ยปากถามว่า “ท่านประธานครับ ตอนนี้ผมจะไปจองไฟล์ทบินจากเมืองSไปยังเมืองทะเลหทัยในรอบที่เร็วที่สุดครับ”
ดวงตาขยับเล็กน้อย ผ่านไปสักพัก ออกัสจึงเอ่ยขึ้นมาว่า“ไม่ต้อง จองของพรุ่งนี้”
“ครับท่านประธาน”
อีกฝั่งหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น
เชอร์รีนตื่นแต่เช้า วันนี้ผู้บริหารจะมาตรวจการ ดังนั้นคุณครู่ทุกท่านจำเป็นต้องไปโรงเรียนแต่เช้า เพื่อเตรียมการต้อนรับ
ซารางก็ตื่นแล้วเช่นกัน ดวงตากลมโตกะพริบไปมาไม่หยุด จากนั้นก็ลุกจากเตียงไปใส่เสื้อด้วยตัวเอง
“อืม ซารางเป็นเด็กดีมากค่ะ……” เชอร์รีนอุ้มลูกสาวมาไว้บนเตียง แล้วให้ลูกสาวใส่รองเท้าเอง “วันนี้หม่ามี๊ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า กินข้าวเช้ากับซารางไม่ได้แล้วค่ะ หม่ามี๊เลยซื้อน้ำเต้าหู้กับซาลาเปาชิ้นเล็กให้หนูเอาไปกินที่โรงเรียนอนุบาล ได้ไหมคะ?”
“ค่ะ หม่ามี๊” ซารางขานรับ ปากเล็กพูดเจื้อยแจ้วว่า“หนูกินคนเดียวได้ค่ะ อืม ยังมีอีก หม่ามี๊ไม่อยู่หนูก็จะได้ยินซาลาเปาเล็กสองอันเลยค่ะ”
“หนูรู้ไปถึงอันนี้เลยนะคะ เตรียมตัวเสร็จหรือยังคะ พวกเราควรออกไปได้แล้วค่ะ”
เชอร์รีนซื้อซาลาเปาหนึ่งเข่ง ควรลูกสาวจะกินไม่หมด เลยบอกให้ไปแบ่งกินกับเพื่อนๆ จากนั้นเธอก็ไปโรงเรียน
เธอเป็นคนที่มาเช้าเป็นคนแรก ทว่าก็ต้องเลิกงานสายมาก ผ่านเวลาเลิกงานมานานแล้ว แต่ก็ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะต้องสรุปผลการทำงานให้แล้วเสร็จก่อน
เธอแอบก้มหน้าดูเวลา ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว ถึงเวลาเลิกเรียนของซารางแล้ว เธออดรู้สึกกระวนกระวายใจไม่ได้
ทว่าเบื้องบนยังสรุปผลทำงานไม่เสร็จ จึงไม่มีใครถืออภิสิทธิ์กลับไปก่อน จึงได้แต่นั่งรอต่อไป
ทว่าก็ไม่ได้เครียดอะไรมาก เพราะเมื่อก่อนก็เคยมีสถานการณ์เช่นนี้ คุณครูของซารางจะอยู่เป็นเพื่อนซารางจนกว่าเธอจะไปรับ จากนั้นถึงจะกลับไป
ดังนั้น เธอกับคุณครูของซารางสนิทสนมกันมาก คุณครูก็ดูแลซารางให้เป็นอย่างดี หลังจากรู้ว่าเธอทำงานอะไรแล้ว คุณครูของลูกสาวก็มักจะรอเธอ เมื่อเลยเวลารับซารางกลับบ้านเสมอ
ในที่สุดก็เลิกประชุม เชอร์รีนวิ่งออกจากโรงเรียนด้วยความเร็วสูงสุด ก่อนจะโบกรถแท็กซี่แล้วไปหาซารางที่โรงเรียนอนุบาล
ระหว่างทาง เธอหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาคุณครูของลูกสาว แต่กลับพบว่าแบตมือถือหมดไม่รู้ตอนไหนเสียแล้ว
เมื่อจนปัญญาก็ต้องเก็บมือถือเข้าที่ เธอเร่งให้คนขับไปเร็วๆหน่อย
พอถึงหน้าประตูโรงเรียน ผู้ปกครองที่มีรับนักเรียนต่างแยกย้ายกลับกันหมดแล้ว เพราะเลยเวลารับลูกมากว่าสองชั่วโมงแล้ว
เมื่อเดินเข้าโรงเรียนอนุบาล เชอร์รีนก็รีบตรงไปยังห้องเรียนของซาราง ทว่ายังไม่ถึงที่หมายก็เห็นคุณครูของซารางระหว่างทางเสียแล้ว
เธอรู้สึกโล่งอก ปริปากพูดว่า“ขอโทษด้วยค่ะอาจารย์ดวงใจวันนี้มีธุระเลยมาสายไปหน่อยค่ะ รบกวนอาจารย์อยู่เป็นเพื่อนซารางนานขนาดนี้แล้วนะคะ”
อาจารย์ดวงใจขมวดคิ้วมุ่น ยิ้มกล่าวว่า“ไม่รบกวนค่ะ เอ่อ คุณครู่เชอร์รีนค่ะ มีคนมารับซารางตอนเลิกเรียนแล้วค่ะ……