ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 172 หลอกล่อ ต้องหลอกล่อ ยังไง
เลือดในกายพุ่งตรงไปยังที่ศีรษะทันที เชอร์รีนรู้เพียงมือและเท้าร้อนวูบวาบไปหมด มือที่ขนาบอยู่ข้างตัวอดไม่ได้ที่จะกำเข้าหากันแน่น ใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะปรากฏ“คุณออกัสรู้ได้ยังไงว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนมาสนใจ ? บางที พวกเขาอาจจะชอบแบบนี้ก็ได้!”
“ใคร? องค์ชายเหรอ? ”น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเล็ดลอดออกตามไรฟัน !
ไม่อยากจะเสียเวลาพูดคุยกับเขาในเรื่องพวกนี้ เธอพูดออกมาอย่างช้าๆและชัดๆอีกครั้ง“ต้องทำยังไง คุณถึงจะคืนซารางให้ฉัน?”
นี่คือการยอมรับแล้วหรือเปล่า ?
สีหน้าของออกัสมืดมน ดวงตาที่ดำขลับทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกขึ้นมาทันที คิ้วที่เรียวสวยก็ผูกกันเป็นปม มือใหญ่คว้าไปที่ข้อมือเธอแล้วออกแรงดึง ดวงตามองจ้องสบกัน และตอบเธอกลับไปอย่างช้าๆและชัดๆเช่นกันว่า
“ไปที่เตียง แล้วปรนนิบัติฉัน จนกว่าฉันจะเบื่อร่างกายของเธอ ถึงตอนนั้น ฉันจะพิจารณาคืนซารางให้เธอ……”
“คุณออกัสเพิ่งจะให้บทเรียนกับฉันไป นี่คุณ ทำไมลืมเร็วจัง ?”
เธอใช้คำพูดของเขาเมื่อครู่มาย้อนเขา จากนั้น มือใหญ่ที่เรียวยาวของเธอก็ดิ้นจนหลุดจากการเกาะกุมของเขา แล้วพูดว่า“ดูแล้ว คุณออกัสคงไม่คิดจะคืนซารางให้ฉัน และไม่คิดที่จะพูดคุยกับฉันอย่างจริงใจ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็รอหมายศาลแล้วกัน !”
ทันทีที่สิ้นเสียง เธอก็ไม่ได้มองเขาอีก หันหลัง และเดินออกจากห้องทำงานของท่านประธานไป
เธอเคยถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาคิดว่า เธอจะหลงกลเขาอีกอย่างนั้นเหรอ ?
แล้วยัง เรียกให้ขึ้นเตียง ไปปรนนิบัติเขา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร เธอเป็นคนที่รังแกได้ง่ายๆ และเขาจะดูถูกเธอยังไงก็ได้อย่างนั้นเหรอ ?
เชอร์รีนไม่รู้ว่าเธอเดินออกจากสิริไพบูรณ์กรุ๊ปด้วยอารมณ์แบบไหน ความคิดที่ว้าวุ่น กับร่างที่เบาหวิว
ในศาล เธอมีโอกาสที่จะชนะมากน้อยแค่ไหน?
แต่ ไม่ว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน เธอจะไม่ยอมแพ้มันไปง่ายๆแน่!
ร่างที่สูงใหญ่ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างบานใหญ่ผ่านทางหน้าต่างออกัสมองจากที่สูงลงไปยังเบื้องล่าง
ไม่ว่าจะเป็นรถที่สัญจรไปมา หรือผู้คนที่เดินไปมา ก็ตัวเล็กราวกับมด ไม่ต้องพูดถึงการจะมองหาร่างของเธอเลย……
รอหมายศาล?
ริมฝีปากบางของเขายกรอยยิ้มเย้ยหยัย สีหน้าเคร่งขรึม เธอคิดว่า เธอเป็นคู่ต่อสู้ของเขาหรือไง ?
ที่คอนโด
ป้าบัวมองไปยังคุณหนูน้อยที่อยู่บนโซฟาอย่างจนใจ เป็นวันแล้ว ที่ไม่ยอมกินอะไร เอาแต่นั่งอยู่กับที่
และมองมาที่เธอด้วยดวงตาที่คลอเบ้า บอกจะโทรหาหม่ามี๊ ขอร้องคนแก่อย่างเธอ บอกว่าตัวเองคิดถึงหม่ามี๊มาก!
ใจเธอแทบแตกสลาย แต่เมื่อคิดถึงคุณออกัส เธอก็ไม่มีทางเลือก
“คุณหนูน้อย กินสักหน่อยเถอะนะคะ ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว กินแค่นิดเดียวก็ได้ ดีไหมคะ ? ”เธอพูดกล่อมเสียงเบา
เมื่อเท้าก้าวเข้ามาได้ ออกัสก็เห็นภาพนี้พอดีร่างเล็กๆนั้นนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ไม่ยอมขยับไปไหน
เมื่อเห็นร่างที่สูงสง่า ป้าบัวก็โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก“คุณออกัส คุณหนูน้อยไม่ยอมกินอะไรทั้งวันเลยค่ะ”
คางที่เย่อหยิ่งก็ขยับลง มือใหญ่ของออกัสยื่นออกไป น้ำเสียงเยือกเย็น“ให้ผม ”
ป้าบัวรีบส่งชามข้าวให้เขา ร่างกายขยับ ออกัสก็นั่งลงที่ข้างๆของซาราง ตักขึ้นมาช้อนหนึ่ง ใบหน้าที่ได้รูปบวกกับความอ่อนโยน“อ้าปาก”
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา การต่อต้านของซารางก็ทวีความรุนแรงขึ้น หันร่างเล็กๆ ให้หลังของเธอหันให้กับเขา
คนชั่ว!คนเลว!ไม่ให้เธอเจอหม่ามี๊ !คนโกหก!
ลุกขึ้นยืน ออกัสหันไปอีกทาง ตรงหน้าเธอ พยายามอดทน“อ้าปาก……”
ดวงตาของซารางแดงก่ำ เหมือนกระต่ายที่น่าสงสาร รู้สึกเพียงรังเกียจเขา สองมือน้อยๆก็ตบตีไปมา และได้ยินเพียงเสียง“เพล้ง——”ดังขึ้นชามตกลงไปที่พื้น และแตกกระจาย
โจ๊กร้อนๆในชาม ก็หกเลอะใส่แขนของออกัส และกางเกงทำงานของเขา รวมไปถึงเสื้อตัวในของเขาด้วย……
โจ๊กเป็นโจ๊กที่ป้าบัวเพิ่งทำเสร็จ ยังมีไอร้อนพวยพุ่งอยู่ และเกือบจะในทันที บริเวณแขนของออกัส ก็โดนลวกจนเป็นรอยแดง
ป้าบัวตกใจมาก รีบวิ่งเข้ามาดู “คุณออกัส ผ้าขนหนูค่ะ !”
ซารางเองก็รู้ว่าตัวเองก่อเรื่องขึ้นแล้ว ร่างเล็กก็ขดตัวแน่นอยู่ที่มุมโซฟา ไม่กล้ามองไปที่ออกัส
มือใหญ่รับผ้าขนหนูมา แต่สิ่งที่ออกัสทำเป็นอันดับแรกไม่ใช่เช็ดไปที่ร่างของตัวเอง แต่ยื่นมือไป อุ้มร่างเล็กๆที่ขดตัวอยู่ในมุมไปยังพื้นที่ว่างข้างๆที่ยังสะอาดอยู่ ไม่มีความโกรธแม้น้ำเสียงจะทุ้ม แต่ก็ยังคงอ่อนโยน“ โดนลวกตรงไหนหรือเปล่า?”
นึกว่าจะโดนตี ซารางหลับตาลงด้วยความตกใจ ในตอนที่ได้ยินเสียงเขา แพขนตายาวก็ไหวสั่นและกะพริบถี่ๆ จากนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างระแวดระวัง แล้วแอบมองดู
เมื่อเห็นเขามองมา เธอก็รีบหลับตาลงอีกครั้ง เก็บภาพความเคลื่อนไหวทุกอย่างในสายตา คิ้วของออกัสเลิกขึ้น มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงเบา
“คุณออกัส คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะค่ะ ป้าจะดูแลคุณหนูน้อยเอง ”
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเจ้าเด็กตัวน้อยไม่โดนลวกใส่ ออกัสก็หยิบผ้าขนหนูแล้วลุกขึ้น เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าลง จากนั้นก็พูดกับป้าบัวว่า“ไปทำโจ๊กมาใหม่อีกชามหนึ่งนะครับ”
“ได้ค่ะ คุณออกัส” ป้าบัวรับคำ จากนั้นก็เข้าครัวเพื่อไปทำโจ๊ก
และ ออกัสก็เดินไปที่ห้องน้ำ
ตอนที่เขาออกมาจากห้องน้ำ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้ว เรียบง่าย และมีความสบายตัวเพิ่มมากขึ้น
ในระหว่างนี้ ป้าบัวก็ทำโจ๊กเสร็จพอดี ยกออกมา“คุณออกัสโจ๊กเสร็จแล้วค่ะ ให้ป้าป้อนคุณหนูน้อยเองนะคะ ”
“ผมจัดการเอง”เขาตอบ จากนั้นก็อุ้มซารางไปที่เก้าอี้บนโต๊ะอาหาร “กินโจ๊กนะ”
ซารางยังคงไม่ยอมที่จะกินโจ๊กนั้น แต่ว่า เมื่อครู่เพิ่งทำชามแตกไป อารมณ์ของเธอก็เบาบางลง ไม่ได้ขัดขืนเหมือนเมื่อครู่อีก แต่ก็ยังต่อต้านอยู่ “หนูไม่อยากกิน!หนูอยากหาหม่ามี๊!”
เมื่อเห็นดังนี้ ป้าบัวก็ร้อนใจขึ้นมา รีบพูดขึ้นว่า“คุณหนูน้อยรีบกินเถอะนะเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ”
“ไม่! หนูไม่กินโจ๊ก!หนูจะหาหม่ามี๊!หนูคิดถึงหม่ามี๊!” ซารางไม่ยอมกินโจ๊ก ออกัสยื่นช้อนไป ใบหน้าเล็กๆของเธอก็หันหนี
“คุณหนูน้อย ถ้าเป็นเด็กดื้อ หมาป่าจะมากัดเอานะคะ ” ป้าบัวทั้งหลอกล่อและทั้งขู่ คิดเพียงให้เธอกินโจ๊กนั้นซะ
เด็กตัวเล็กขนาดนี้ ไม่ยอมกินอะไรมาทั้งวัน จะอยู่ได้ยังไงกัน?
“ไม่กัดคนหรอก มีคุณอาตำรวจอยู่ คุณอาตำรวจมีปืน จะไล่หมาป่าไปเอง ยังมีเจ้าหัวล้านกับหมาป่าใจร้าย” เธอไม่ลืมที่จะโต้กลับ และพูดมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ
นี่มันเด็กเจ้าเล่ห์จริงๆ ป้าบัวก็แทบจะจนปัญญา จึงพูดว่า “คุณออกัส หลอกล่อคุณหนูน้อยเธอหน่อยนะคะ เธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ได้กินสักนิดก็ยังดี ”
หลอกล่อ……
ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสก็นิ่งและแข็งค้างไป จะหลอกล่อยังไง?
ทันทีที่พูดจบป้าบัวก็ไปเก็บกวาดที่ห้องครัว วันนี้ทำอาหารให้คุณหนูน้อยมาทั้งวัน แต่เธอไม่ได้กินมันเลยสักคำ ของที่เหลือต้องกำจัดมันให้หมด
ผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงของสุนัขดังมาจากห้องนั่งเล่น เธอตกใจมาก วางถ้วยชามที่อยู่ในมือลง แล้วรีบเดินออกจากห้องครัวไป