ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 175 คงไม่ใช่ลูกของเธอ
มือถือถูกแย่งเอาไป ซารางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่มองไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้า ก็ไม่กล้าแผลงฤทธิ์
กำลังจะออกเดินทางแล้ว หาก ทำเอาตัวร้ายโมโหขึ้นมาจะทำยังไง ? เธอไม่เจอหม่ามี๊มาสองวันแล้ว คิดถึงหม่ามี๊มากจริงๆ !
รถสีดำขับไปยังบนถนนอย่างมั่นคง หลังจากนั้นไม่นาน ก็มาถึงหน้าร้าน KFCที่ถนนรินลา
ร่างเล็กๆของซารางเกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง ก้นยกขึ้นสูง มองผ่านกระจก ออกไปยังด้านนอก เพื่อมองหาร่างของหม่ามี๊
ราวกับจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอหันหลังมา มองไปที่ออกัส “คุณอา ไม่ไปทำงานเหรอ?”
คิ้วเลิกขึ้น ดวงตาของออกัสจ้องมองเธออย่างสงบและใจเย็น รอคำพูดต่อไปของเธอ
“ไม่เป็นไร คุณอาไปทำงานเถอะ หนูจะรอหม่ามี๊อยู่ตรงนี้ ”น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล ใจดวงน้อยๆหวังให้จอมวายร้ายจากไปเร็วๆ
เหอะ ริมฝีปากบางของออกัสยกหยักขึ้น มองไปยังร่างเล็ก“ วันนี้ฉันไม่ไปทำงาน และจะไปกับพวกเธอด้วย……”
ความคิดเล็กๆน้อยๆของเธอ แสดงออกมาบนใบหน้าเล็กๆนั้น ดวงตาที่สุกใสก็เผยให้เห็นตัวหนังสือตัวโตๆอย่างชัดเจน——รีบไปได้แล้ว!
ไม่ไปทำงานเหรอ ในใจของซารางรู้สึกกลัดกลุ้ม เธออยากจะฟ้องหม่ามี๊ พูดเรื่องแย่ๆของจอมวายร้ายนี่ แต่ว่า จอมวายร้ายนี้ไม่ไปไหนเลยจะทำยังไงดี ?
“คุณอา วันนี้เพื่อนคุณอาไม่ชวนไปไหนเหรอ ?”
“ไม่ชวน……”
“งั้นคุณอา ไม่มีธุระอะไรที่ต้องไปทำเหรอ ? ”
“ไม่มี……”
“งั้นก็จะไปกับเราจริงๆเหรอ ? ”
“ใช่……”
“คุณอา หนูกับหม่ามี๊เป็นผู้หญิง คุณอาเป็นผู้ชาย มันไม่สะดวกเลยนะ ”
“ไม่เป็นไร……”
“โอ้!”ศีรษะเล็กๆของซารางก้มลงอย่างอ่อนแรง ห่อเหี่ยว และไม่ถามต่อ
แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสอดไม่ได้ที่จะหมองลงเธออยากให้เขาไปให้พ้นขนาดนี้เชียว ไม่อยากให้เขาอยู่ด้วยเหรอ ?
ทันใดนั้น ดวงตาของซารางก็เป็นประกาย ใจที่แห้งเหี่ยวก็พลันหายไป สองมือทุบไปที่กระจกรถ เรียกเสียงเบา“หม่ามี๊! หม่ามี๊!หนูอยู่นี่ !อยู่ตรงนี้!”
เชอร์รีนเองก็ย่อมต้องเห็น เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ข้ามทางเท้ามาอย่างรวดเร็ว และร่างของซารางก็กระโดดลงจากรถ แล้วกระโจนเข้าอ้อมแขนเธอ
เพียงสองวันที่ไม่ได้เจอกัน แต่ความรู้สึกที่เชอร์รีนมีราวกับไม่ได้เจอกันมาสองปี กอดร่างที่นุ่มนิ่ม เธอรู้สึกราวกับหัวใจที่ว่างเปล่าของเธอได้ถูกมันเต็มจนเติม
“ไหน ขอหม่ามี๊ดูซารางให้ชัดๆสิ”จมูกอดไม่ได้ที่จะคัดขึ้นมา เธอนั่งยองๆ สัมผัสไปที่ใบหน้าเล็กๆของซาราง
ซารางให้เธอมองดูอย่างว่าง่าย ผ่านไปสักพัก เชอร์รีนก็ถึงได้ลุกขึ้น จูงมือน้อยๆของเธอ “ใครพาซารางมาที่นี่?”
ไม่พูดอะไร ซารางอ้าปากเล็กๆพูดออกมาอย่างไม่มีเสียงว่า——คุณอาใจร้าย !
เหมือนจะได้ยินไม่ชัด เชอร์รีนขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง ร่างที่สูงใหญ่ก็ก้าวลงมาจากรถ เหยียดริมฝีปากบาง พูดอย่างเย็นชาออกมาสองคำว่า“ขึ้นรถ!”
เขาไม่แยกตัวไปเหรอ?
ทันใดนั้น คิ้วของเธอก็ขมวดกันแน่นมากขึ้น“ คุณไม่ไปทำงานเหรอ?”
สองคนแม่ลูกช่างมีนิสัยที่เหมือนกันเสียจริง ขนาดคำถามยังถามเหมือนกันเลย นี่พวกเธอไม่ยินดีจะให้เขาอยู่ด้วยขนาดนี้เลยเชียวเหรอ ?
ใบหน้ามืดมน ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และยังมีความโกรธปะทุขึ้นมาเล็กน้อย ออกัสจ้องเธออย่างเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยือก “ไม่ไป!”
ภายในใจของเชอร์รีนก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา
เมื่อเห็นดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ยิ่งมืดมน มืดจนราวกับเมฆดำปกคลุม เสียงหึจากลำคอก็ดังขึ้น หันหลัง แล้วขึ้นรถ“หากไม่คิดจะไปแล้ว งั้น แผนการเดินทางก็ยกเลิก……”
เมื่อได้ยินดังนี้ เชอร์รีนก็หันมองไปรอบๆ ถึงกับตกใจในสิ่งที่ได้เห็น ทางด้านหลังไม่รู้ว่ามีชายสองคนในชุดสูทมาตั้งแต่เมื่อไร เห็นชัดว่ามาเพื่อเฝ้าระวังเธอ !
ประธานออกัสที่ดูสูงสง่าก็ช่างไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เธอรู้แจ้งเห็นจริงกับมันแล้ว!
กัดฟันกร่อน เชอร์รีนทำได้เพียงอุ้มซารางไปขึ้นรถอย่างไม่มีทางเลือก ทั้งสามคนนั่งเคียงข้างกันในเบาะหลัง โดยมีซารางนั่งอยู่ตรงกลาง
เด็กน้อยยังเด็กอยู่ ก็จึงไม่เห็นความมืดมนที่กำลังก่อตัวขึ้นระหว่างผู้ใหญ่ โยกขาป้อมๆที่ขาวนวลไปมา มองไปยังหม่ามี๊ที่ไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันมองคนนิสัยไม่ดี“ คุณอา เราจะไปไหนกันคะ ? ”
เธออายุยังเล็กมาก แต่ก็สามารถมองออก ว่าผู้ที่กุมอำนาจทุกอย่างเป็นใคร !
“ที่ที่หนูจะต้องชอบ……”น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเขายังคงหนักแน่น
อีกฝั่งหนึ่ง
สุนันท์ยืนอยู่หน้าประตูคอนโด กำลังจะยื่นมือไปกดรหัสผ่าน ทันใดนั้นประตูคอนโคก็ถูกเปิดออกพอดี ในมือของป้าบัวถือถุงขยะ กำลังจะเอาไปทิ้ง
ขมวดคิ้วมุ่น สุนันท์มองเธอ “เธอมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
“คุณออกัสสั่งย้ายฉันมาค่ะ”ป้าบัวรู้ ว่านี่คือแม่ของคุณออกัส
“เป็นไปไม่ได้ ออกัสไม่เคยจ้างแม่บ้าน !” นอกจากทำความสะอาดในส่วนที่จำเป็นแล้ว ออกัสไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในคอนโดของเขา
“ฉันไม่ได้มารับใช้คุณออกัสค่ะ แต่มารับใช้คุณหนูน้อย”
สุนันท์ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร “แล้วคุณหนูน้อยเป็นใคร ?”
“ลูกสาวของคุณออกัสค่ะ……”
เมื่อได้ยินดังนี้ สุนันท์คิดเพียงตัวเองหูแว่ว“ เธอบอกว่าลูกสาวของใครนะ ?”
“ลูกสาวของคุณออกัส……”ป้าบัวพูดทวนอีกรอบ
สุนันท์คิดเพียงมันเป็นเรื่องไร้สาระและน่าขำ ออกัสไปเอาลูกสาวมาจากไหน !
แต่เมื่อคิดถึงเชอร์รีนหัวใจของเธอก็เต้นรัวขึ้นมาคงไม่ใช่……
คงไม่ใช่ ลูกสาวที่ให้กำเนิดโดยเชอร์รีนหรอกนะ ?
หลังจากนั้น หัวใจก็เต้นรัวขึ้น จู่ๆสุนันท์ก็รู้สึกลำคอแห้งผาก ถามป้าบัว “เด็กคนนั้นดูแล้วอายุน่าจะประมาณเท่าไหร่?”
“สามขวบกว่าค่ะ น่าเอ็นดูและเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย น่ารักมากค่ะ”ป้าบัวพูดจากใจจริง
สามขวบกว่า ในตอนที่ออกัสพาหยาดฝนไปอเมริกา เด็กในท้องของเชอร์รีนก็น่าจะสักห้าเดือนได้ ตอนนี้ผ่านไปสี่ปี เด็กก็น่าจะมีอายุสามขวบกว่า ……
ตอนนี้ ในใจของสุนันท์ก็พอจะมั่นใจได้ว่า เด็กคนนั้นต้องเกิดมาจากเชอร์รีนแน่ๆ!
แต่ว่า ออกัสที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาได้ไม่นาน ทำไมถึงเข้าไปพัวพันกับเชอร์รีนนังแพศยานั้นได้ ?
แต่ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เธอไม่ได้เป็นกังวลใจอะไรเลย
เพราะว่า หากเมื่อสี่ปีก่อนออกัสชอบผู้หญิงอย่างเชอร์รีนจริง แล้วจะหย่ากับเธอได้ยังไง ?
ดังนั้น เมื่อสี่ปีก่อน ผู้หญิงต่ำๆอย่างเชอร์รีนจะเป็นคุณนายน้อยของตระกูลสิริไพบูรณ์ไปไม่ได้หรอก และผ่านไปสี่ปี ก็ไม่มีทางจะเป็นสะใภ้ของตระกูลสิริไพบูรณ์ด้วย!
นังแพศยานั้น ล้วนเป็นรองเธอทุกอย่าง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลากับเธอด้วยเลย
เธอ เป็นธาตุอากาศไปไม่ได้หรอก!
นั่งลงบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ สุนันท์วางกระเป๋าใบเล็กที่สวยงามในมือลงบนโต๊ะ สั่งกับป้าบัว “ ชงกาแฟมาแก้วหนึ่ง ”
หลังจากนั้น สายตาของเธอก็จ้องมองไปที่เจ้าดิ๊ก คิ้วขมวดกันแน่นราวกับจะบี้แมลงวันให้ตายได้ ออกัสเป็นโรคกลัวความสกปรกไม่ใช่เหรอ ทำไมสัตว์เลี้ยงแบบนี้ก็เอาเข้าบ้านมาได้ ?
“ออกัสไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ ? ”
“คุณออกัสไม่ได้บอกไว้ค่ะ”ป้าบัวบดเมล็ดกาแฟ จากนั้นก็ชงกาแฟให้
“ไปบริษัท หรือไปที่ไหนหรือเปล่า ?”
“ไม่ทราบเลยค่ะคุณหญิงสุนันท์ ทราบแค่คุณออกัสพาคุณหนูน้อยออกไปด้วย อย่างอื่นก็ไม่ทราบอะไรเลยค่ะ”
ตอบรับเสียงเรียบมาคำหนึ่ง สุนันท์ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก เสียงปลายสายมีเพียงเลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง
เธอขมวดคิ้ว กดปุ่มย้อนกลับ กำลังจะโทรออกไปอีกครั้ง ก็มีสายแทรกเข้ามาก่อน กดรับสาย น้ำเสียงนุ่มนวล“คุณแม่ ถึงเมืองบีเจแล้วเหรอคะ ?”
“ใช่ ตอนนี้อยู่บนรถแล้ว”เสียงของหัวหน้ามัทนาฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย ไม่ได้กระปรี้กระเปร่าเหมือนเมื่อก่อน เพราะอายุที่มากขึ้น และมาป่วยหนักอีก ทำให้กำลังวังชาของร่างกายนั้นถดถอยลงไปมาก
“ดีเลย หนูให้ออกัสปลีกเวลาสักสองสามวัน จากนั้น หนูกับเขาจะไปหาคุณแม่ที่เมืองบีเจนะคะ”
มีเสียงกระแอมไอออกมาเป็นระยะ แต่น้ำเสียงของคุณหญิงมัทนายังคงชัดเจน “ เรามาก็พอ ออกัสไม่ต้องมาก็ได้”