ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 178 คุณใช่ลูกผู้ชายหรือเปล่า
แดดยามบ่ายส่องลอดผ่านใบองุ่น ตกกระทบลงมาที่แผ่นหลังของคนทั้งสาม ดูแล้วอบอุ่น และกลมเกลียวมาก
“หม่ามี๊ เอาเยอะๆ เด็ดเยอะๆเลยนะ คุณครูบอกว่า องุ่นเอาไปทำเป็นเหล้าองุ่นได้ ถึงเวลา หม่ามี๊ก็ทำเป็นเหล้าองุ่น แล้วหนูจะได้ดื่มมันทุกวัน!”
เธอเดินอยู่ใต้ต้นองุ่น ดวงตาเป็นประกาย ใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณอาเก่งจังเลย เห็นไหม หนูบอกแล้วว่าหม่ามี๊ทับคุณอาแบนไม่ได้หรอก!”
เชอร์รีนไม่ได้สนใจว่าร่างเล็กนั้นกำลังพูดเจื้อยแจ้วอะไร เธอทำเพียงเร่งมือ อยากทำให้มันจบเร็วๆ
และไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน สนแต่ในตอนนี้ ที่ทั้งสองคนกำลังแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูซารางความสัมพันธ์ระหว่างกันจึงเป็นเหมือนศัตรู
ในตอนนี้ การกระทำของคนทั้งสอง ดูค่อนข้างจะใกล้ชิดสนิทสนมและเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่อีกทั้งยังดู……จะไม่เหมาะสมอีกด้วย……
แต่ หัวใจก็ควบคุมไม่ได้ เต้นรัวขึ้นมาเล็กน้อย แบบนี้มันไม่ถูกต้อง เธอพูดกับตัวเองในใจ
นอกจากนี้ แดดในหน้าร้อนค่อนข้างอบอ้าว ต่อให้จะมีลมเย็นพัดมา ก็ไม่สามารถพัดความอบอ้าวนี้ไปได้เลยแม้แต่น้อย
เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามหน้าผากของเชอร์รีน ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นหลังก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อบางๆ ทำให้เสื้อผ้าบนร่างกายเปียกปอน
แต่ว่า เรื่องนี้ก็ไม่ได้สลักสำคัญเท่าไร ที่สำคัญที่สุดคือ เสื้อผ้าของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องล่างก็เปียกโชก ลำคอก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อบางๆ
เธอนั่งคร่อมอยู่ที่คอของเขา ร่างกายขยับเล็กน้อย ก็สัมผัสได้ถึงความลื่นนั้น อีกทั้ง กางเกงก็เปียกชุ่ม ใบหน้าแดงก่ำ และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
และดวงตาของออกัสก็ลุ่มลึกขึ้นไปอีก แขนที่แข็งแกร่งมีเหงื่อซึมออก ทำให้เขาดูแมนมากขึ้น และเซ็กซี่ขึ้นอีกด้วย
ยังคงเด็ดกันต่ออีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ตามที่เจ้าเด็กน้อยบอกจนหมด เมื่อขาทั้งสองข้างแตะลงบนพื้น เชอร์รีนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกสบายใจขึ้น
แต่หลังจากนั้น สิ่งที่ตามมาคืออาการของคนที่ทำตัวไม่ถูก กางเกงในบริเวณอื่นของเธอก็ปรกติดี ที่เปียกก็มีเพียงตรงช่วงหว่างขาเท่านั้น คนไม่รู้จะคิดเป็นอื่นเอาได้……
ซารางกระโดดโลดเต้นแล้วนับผลองุ่นอยู่ ออกัสที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก็ย่อมต้องเห็นทุกอย่างของเธอได้อย่างชัดเจน
เมื่อคิดว่าที่ตรงนั้นของเธอเปื้อนชุ่มไปด้วยเหงื่อของตัวเอง เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น ความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับจะลุกไหม้
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากทางด้านหลัง เชอร์รีนก็หันหลังกลับ และเห็นเขาที่กำลังจ้องเขม็งมองมาที่เธอ
โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าก็เห่อร้อนตาม ขึ้นริ้วแดง เธอมองเขาอย่างเย็นชา กักเก็บความกระอักกระอ่วนใจ “มองพอหรือยัง?”
คิ้วที่ได้รูปของออกัสก็เลิกขึ้น เสียงลุ่มลึกและมีเสน่ห์ดึงดูด พูดอย่างแหบพร่าว่า“ยัง คุณเชอร์รีนหมุนตัวหน่อยได้ไหม จะได้เห็นมันทุกทิศทุกทาง……”
“หน้าไม่อาย!ไร้ยางอายที่สุด!” เชอร์รีนกัดฟันกร่อน ก่นด่าเสียงเบา
“คุณเชอร์รีนรู้เหรอว่าผมกำลังมองอะไรอยู่ ถึงได้พูดว่าหน้าไม่อาย หืม?”มุมปากเขายกหยักและหัวเราะเสียงเบา เน้นไปที่หางเสียงของเธออย่างเจ้าเล่ห์“ในเมื่อคุณเชอร์รีนคิดไปถึงขนาดนั้นได้ ก็ย่อมต้อง……จิ๊ๆ……”
เธอปาพวงองุ่นในมือใส่เขา ไม่มีความเห็นใจเลยสักนิด
จากนั้น ร่างอันเพรียวบางของออกัสก็เบี่ยงไปทางซ้าย หลบพ้นไปได้ มือใหญ่ยื่นไปคว้าองุ่นจนตกใส่มือ ต่อหน้าเธอ เด็ดองุ่นนั้นแล้วใส่เข้าปาก
ในตอนนี้เองซารางก็วิ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ยื่นมือไปแล้วดึงเชอร์รีน “หม่ามี๊ รีบไปเก็บองุ่นเร็ว”
กวาดมองชายหนุ่มอย่างเย็นชา เชอร์รีนเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของซาราง จากนั้นก็เดินไปด้านหน้ากับเธอ
ออกัสจ้องมองไปที่ร่างเพรียวทั้งสอง มุมปากยกหยัก หันหลัง และไปชำระเงิน
หลังจากนั้น ก็วางองุ่นกล่องแล้วกล่องเล่าไว้ที่ท้ายรถ ทั้งสามคนก็จึงเข้าไปนั่งในรถ และออกจากไร่องุ่นไป ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง……
องุ่นที่ทั้งสามคนเก็บมาไม่ได้น้อยเลย รวมๆแล้วก็ประมาณเจ็ดถึงแปดกล่อง
เจ็ดแปดกล่องนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่มาก แต่ซารางเอาแต่พูดว่าจะทำเหล้าองุ่น ก็จึงเก็บมาเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังเอาองุ่นไร้เม็ดมาด้วยกล่องหนึ่งซารางบอกว่าองุ่นไร้เม็ดกินง่าย เพราะไม่ต้องคายเม็ดออก
แดดในช่วงเดือนกรกฎาคมนั้นร้อนมาก ภายใต้แสงแดดที่ทั้งวิ่งและกรีดร้องมาทั้งวัน เชอร์รีนฟังเสียงที่เหมือนจะผิดปกติไปของเธอ หยิบน้ำขวดหนึ่งออกมา แล้วให้เธอดื่มมันช้าๆ
เพราะกระหายมากจริงๆ ซารางยกขวดน้ำด้วยสองมือ ดื่มอย่างเสียงดัง ชั่วพริบตา น้ำขวดหนึ่งก็เหลือเพียงครึ่งขวด
ยื่นน้ำครึ่งขวดที่เหลือให้เชอร์รีน เธอก็พิงไปที่พนักพิงด้านหลัง ท้องน้อยๆยื่นออก แล้วพูดพึมพำว่า“หม่ามี๊หนูอยากนอนจังเลย ”
“งั้นนอนนะ”ระหว่างที่พูด เธอก็อุ้มร่างของซารางมาไว้ในอ้อมแขน แบบนี้จะทำให้เด็กน้อยนอนหลับสบายมากขึ้น
ทุกฤดูร้อน ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน หรือที่บ้าน ทุกเที่ยงของซารางต้องได้นอนกลางวัน วันนี้ยังไม่ทันที่จะได้หลับตา ก็ล้มลงด้วยความง่วงงุน
เป็นไปตามคาด หลับตาไปได้ไม่กี่นาที ใบหน้าของซารางก็เคลิ้มมาก บวกกับตากแดดมาทั้งวัน แก้มก็จึงแดงระเรื่อ
มือค่อยๆลูบไล้ไปที่ใบหน้าอันอ่อนนุ่ม เชอร์รีนรู้สึกภายในใจตัวเองนั้นสงบ และอิ่มเอมใจอย่างมาก
ผ่านไปสักพัก เธอรู้สึกว่าขาของเธอเริ่มจะเหน็บชา ชาจนไม่กล้าขยับไปมา จึงทำได้เพียงวางซารางไปไว้บนที่นั่งระหว่างกลางของพวกเขา
หลังจากนั้น รถก็ได้แล่นเข้ามาที่เมืองS แล้วจอดลงตรงที่หน้าโรงแรมที่เชอร์รีนพักอยู่
เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว แขนยาวของชายหนุ่มก็อุ้มซารางขึ้นมา จากนั้นก็ส่งไปให้คนขับที่อยู่เบาะหน้า พูดเสียงทุ้ม“อุ้มคุณหนูน้อยไป ”
“ครับ ท่านประธาน”คนขับรับตัวเด็กน้อยมา เปิดประตูออกอย่างเร็วและเดินออกไป จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่แล้วจากไป
“ออกัส!ไอ้คนชั่ว!”ในที่สุดเชอร์รีนก็ถูกยั่วจนโมโห ราวกับสิงโตน้อยที่กำลังโกรธจัด สองมือทุบตีไปที่หน้าอกของเขาอย่างแรง
เป็นครั้งแรก ที่เธอถูกยั่วจนโมโหได้ขนาดนี้ ความใจเย็นและมีเหตุผล รวมไปถึงความเย็นเยือกของเธอ ถูกโยนทิ้งในทันที
เขากล้า!กล้ามากๆ!กล้าพาซารางไปในตอนที่เธอไม่ทันได้ระวัง !
ความโกรธในใจหยั่งลึก เปลวไฟก็พวยพุ่งไม่หยุด โหมกระหน่ำ แผดเผาไปทั่วร่างกายของเธอ มือก็จึงออกแรงอย่างสุดกำลัง
ไม่ได้สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตรงกลางอก มือใหญ่ของออกัสจับไปยังมือที่ทุบตีลงมาไม่หยุด แล้วกุมไว้ในมือแน่น เหยียดริมฝีปาก เสียงทุ้มและอ่อนโยนพูดขึ้นว่า
“คุณอยู่กับเธอมาตั้งสี่ปี ในทางสายเลือดผมเป็นพ่อของเธอ เพิ่งจะพาตัวเธอไปได้แค่สองวันเอง คุณโกรธมากขนาดนี้เลยเชียวเหรอ หืม?”
“เมื่อกี้ตอนที่คุณพาเธอไป ได้บอกฉันสักคำหรือยัง ?”หน้าอกเธอกระเพื่อมไหวอย่างรุนแรงเพราะความโกรธ แต่อารมณ์ก็ค่อยๆสงบลงแล้ว
เด็กน้อยก็ถูกพาตัวไปแล้ว เธอมาโกรธก็ไม่ได้ช่วยอะไร ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือคิดหาวิธีจะเอาตัวซาราง กลับคืนมายังไง