ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 179 เวลาหนึ่งเดือนก็เกินพอ
คำพูดแทงใจดำ ประโยคเดียวของเขาแทงเข้าที่ใจเธอ“ ขนาดเธอนอนหลับคุณยังกอดเธอเอาไว้แน่น หากไม่ใช่เพราะไม่สบายขา คุณคงไม่คิดที่จะปล่อยเธอลง ผมไม่บอกคุณก่อนคุณยังเฝ้าระวังขนาดนี้เลย หากผมบอกคุณก่อนคุณคิดว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ? ไม่แน่คุณอาจจะอุ้มเธอแล้วลงจากรถไป……”
“ออกัส เธอเป็นลูกสาวของฉัน ฉันพาเธอไป มันก็ถูกต้องแล้วไหม!”เธอพูดเตือนเขาอย่างเย็นชา ออกแรงแล้วสะบัดมือใหญ่ของเขาออก
“ผมไม่ได้บอกสักคำว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของคุณ ใช่ไม่ใช่ ? ”
เชอร์รีนจ้องเขม็งมองเขา จากนั้นก็พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า“ดังนั้น ฉันจะพาตัวเธอไป!”
ออกัสหรี่ตาลงแล้วหัวเราะ พูดเตือนเธอไปด้วยเช่นกันว่า“คุณเชอร์รีน เธอก็เป็นลูกสาวของผม เชื่อผมเถอะ ว่าคุณพาเธอไปไหนไม่ได้หรอก……”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะให้ฉันพาเธอไปได้ ออกัสคุณให้คำตอบที่ชัดเจนกับฉันมา……”
เมื่อได้ยินดังนั้น ออกัสก็ยิ้มเยาะมุมปาก มองเธอผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจ
“ได้ ผมให้คำตอบคุณได้สองคำตอบ คำตอบแรกคือหลังจากที่ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนสิทธิ์ในการดูแลเด็กแล้ว วันที่ศาลตัดสินให้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูเป็นของคุณ คุณมารับเธอไปได้เลย ผมจะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น คำตอบที่สองคือ คุณนอนกับผมเป็นเวลาหนึ่งเดือน ถึงเวลา ผมจะพิจารณาขอถอนสิทธิ์ในการดูแลเด็ก……”
เขาคิดว่า เวลาหนึ่งเดือน เพียงพอที่จะทำให้เขาเบื่อหน่ายกับเรือนร่างของผู้หญิงคนหนึ่งได้ ต่อให้ก่อนหน้านั้นจะเคยหลงใหลแค่ไหน เดือนหนึ่งผ่านไปก็ต้องรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างแน่นอน
สำหรับเธอแล้ว มันเป็นเพียงความหลงใหลในรูปกาย หรือว่าชอบจริงๆ หนึ่งเดือน ก็เพียงพอที่จะเข้าใจมันได้
จากนั้น ความผิดปกติของเขาก็น่าจะหายไปได้ และกลับเข้าสู่สภาวะปกติเหมือนก่อนหน้า
หัวเราะเสียงเบา เชอร์รีนรู้สึกได้ถึงคำพูดที่แดกดันของเขา “ออกัส นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะฟังครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว คุณคิดว่าฉันจะหลงกลเป็นครั้งที่สองอีกเหรอ ?”
สัญญาปากเปล่าว่าจะแต่งงานกันก็หลงกลมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ เธอไม่มีทางหลงกลอีกแน่ !
ต่อให้เธอจะตอบตกลงกับข้อเสนอของเขา บันทึกเสียงไว้ หากถึงเวลาแล้วเขากลับคำ เธอจะต้องเอาคำพูดที่อัดเสียงไว้นี้ไปขึ้นศาลด้วยอย่างนั้นเหรอ ?
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
“ดีมาก ดูแล้วบทเรียนครั้งนั้นไม่เสียแรงที่ได้ร่ำเรียนไป แต่ผมก็ต้องบอกคุณไว้อย่าง บางครั้งเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ใจต้องการ ก็จำเป็นต้องปล่อยวางบางอย่างไป อีกทั้งยังต้องพร้อมยอมรับกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย ……”
เสียงของเขาทุ้มต่ำ และเชื่องช้า
เธอขมวดคิ้วมุ่น“คุณไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า งูกัดครั้งเดียวกลัวเชือกไปสิบปีเหรอ ฉันถูกคุณกัดครั้งนั้นก็แผลเหวอะหวะแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เชื่ออะไรคุณอีก และไม่พร้อมแบกรับกับความเสี่ยงที่คุณพูดด้วย ”
คิ้วของออกัสขยับไหวเล็กน้อย ครั้งนี้เขาจริงจังกับคำพูดมาก แต่ว่า เธอไม่ยอมเชื่อมันอีกแล้ว……
และทั้งสองคนก็เอาแต่ตั้งแง่กันอยู่แบบนี้ เขาไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้อีกต่อไป การอยู่ร่วมกันด้วยวิธีแบบนี้ เขาไม่ชอบมันเลย!
“งั้น ผมมีข้อเสนอในการสงบศึก……”
เงยหน้าขึ้น เชอร์รีนมองเขา“ ข้อเสนอสงบศึก?”
“ในช่วงที่ผมยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูกับศาล ลูกต้องอยู่กับผมตลอด แต่คุณไปหาเธอที่บ้านได้ทุกเมื่อ การอยู่ด้วยกันของพวกคุณผมไม่จำกัดเวลา รอคำตัดสินของศาลออกมา คนที่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูถึงจะพาตัวเธอไปได้ ว่ายังไง ?”เสียงของเขาทุ้มต่ำ แต่ก็ไม่ได้ดูล้อเล่น และเหมือนจะจริงจังมาก
เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นิ่งเงียบ และกำลังใช้ความคิด ผ่านไปสักพัก เธอพยักหน้า และตอบเขา“ฉันตกลง ”
“ดี……”
เมื่อทั้งสองคนมีความเห็นที่ตรงกัน บรรยากาศก็ไม่ได้ตึงเครียด เกร็ง และไม่ได้พลุ่งพล่านอีกต่อไป แต่กลับอ่อนโยน และผ่อนคลายขึ้นมา
เชอร์รีนไม่ได้มองเขา หันหลัง และลงจากรถไป และนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นกลับมองตามหลังของเธออยู่ตลอด
ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นองค์ชายที่ยืนอยู่หน้าโรงแรมในชุดเครื่องแบบทหาร ดูโดดเด่นและสะดุดตา มองเห็นได้ในแวบเดียว
เร่งฝีเท้าเดินเข้าหา เชอร์รีนมองเขา“ คุณรออยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”
“ไม่นานเท่าไร เพิ่งมายืนตรงนี้ คุณก็ลงจากรถ คนในรถคือเขาเหรอ?” องค์ชายเหลือบมองไปที่รถยนต์คันหรู
เชอร์รีนพยักหน้า
“แล้วซารางล่ะ?”
“ถูกเขาพากลับไปที่บ้านแล้ว เราไปร้านกาแฟข้างๆกัน”ตรงนี้เป็นทางเข้าของโรงแรม ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ จะยืนอยู่ตรงนี้ตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง อีกทั้งองค์ชายก็อยู่ในเครื่องแบบทหาร ดังนั้นผู้คนที่เดินไปเดินมาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาด้วยความสงสัย ดังนั้น เธอจึงพูดเสนอไป
องค์ชายพยักหน้า ทั้งสองจึงเดินไปข้างหน้าข้างๆกัน
รู้สึกได้ถึงรังสีของสายตาที่จ้องมายังแผ่นหลัง เชอร์รีนก็ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตากวาดมองไปยังรถคันสีดำ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
ภาพตรงหน้า ทำเอาความโกรธที่ไม่มีชื่อเรียกปะทุขึ้นในอกของออกัส จ้องมองแผ่นหลังของเธอตาเขม็ง สีหน้ามืดมนและลุ่มลึก
เพิ่งรับข้อเสนอของเขาไปหยกๆ พอหันหลัง ก็เดินไปกับชายอื่น เขาอยากจะเดินเข้าไปบีบไหล่ของเธอให้แหลกคามือไปเลย!
ด้วยสีหน้าที่มืดมน ข้อมือใหญ่ของเขาก็วางไปยังพวงมาลัย แล้วขับออกไป
ร้านที่คนทั้งสองไปคือร้านกาแฟ นั่งกันที่ริมหน้าต่าง ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นานนัก ราวๆครึ่งชั่วโมงได้ หลังจากนั้นเชอร์รีนก็กลับมาที่โรงแรม และองค์ชายก็กลับไป ทั้งสองได้แยกทางกัน
ใบหน้าที่มืดมนก็จึงได้ผ่อนคลายลง ออกัสหรี่ตาลง เม้มริมฝีปากบางแน่น แล้วจึงสตาร์ทรถ
คนขับอุ้มซารางรออยู่ในรถเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นรถแลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามา เขาก็รีบเดินเข้าไปหา รับรถมาแล้วขับไปจอด
สองมืออุ้มซารางอย่างเบามือในท่าเจ้าสาว ร่างสูงใหญ่ของออกัสก้าวเดินเข้าไปในลิฟต์ เปิดประตูห้อง ก็เห็นสุนันท์ที่นั่งอยู่บนโซฟา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า สุนันท์ก็หันมา เอ่ยเรียก“ออกัส——”
จากนั้น ไม่รอให้เธอได้พูดจบ ออกัสก็ทำท่าทางให้เงียบเสียง บอกเธอว่าอย่าเพิ่งพูด
กลืนคำพูดนั้นลงคอ ในตอนนี้เองสุนันท์สังเกตเห็นอ้อมแขนเขามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คิดว่า คงเป็นลูกของนังแพศยาเชอร์รีนแน่ๆ !
หยัดกาย เธอลุกขึ้นจากโซฟา เดินเข้าไปหา ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองสำรวจซาราง
เป็นเด็กที่กำเนิดมาจากหญิงสาวคนนั้นจริงๆ แค่มองดวงตาและคิ้วที่คล้ายคลึงกัน ก็รู้ทันทีว่าเป็นลูกของนังผู้หญิงคนนั้น!
แต่ว่า ก็เป็นลูกของออกัสจริงๆ ดวงตา จมูก และปาก เหมือนกับออกัสในวัยเด็กไม่มีผิด
แม้ว่าเด็กน้อยจะหน้าตาน่ารัก แต่เพราะมีสายสัมพันธ์กับนังแพศยานั้น ดังนั้นเธอก็จึงไม่มีความรู้สึกเอ็นดู หนำซ้ำยังจะรังเกียจเสียมากกว่า
โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงเชอร์รีนที่สร้างความอับอายให้เธออยู่นับครั้งไม่ถ้วน และอยากจะผลักเธอตกบันได ก็รู้สึกรังเกียจซารางที่อยู่ตรงหน้าเพิ่มมากขึ้นไปอีก!
หลังจากที่วางซารางลงบนเตียงแล้ว ออกัสก็เข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายทันที มีเหงื่อเต็มกายตอนอยู่ที่ไร่องุ่น ความรู้สึกที่เสื้อผ้าแนบติดกับลำตัวนั้น ทำให้คิ้วที่ได้รูปของเขาต้องขมวดขึ้นด้วยความขยะแขยง
น้ำอุ่นไหลผ่านตามร่างกาย มือใหญ่ที่ปัดผ่านช่วงหลังคอ ดวงตาก็ฉายภาพเมื่อตอนกลางวันขึ้นมา นัยน์ตาที่ลุ่มลึกของเขาหรี่ลง ใบหน้าที่แน่นิ่งก็อ่อนโยนขึ้นมา นิ้วเรียวที่สัมผัสไปยังลำคอก็ลูบวนไปที่ริมฝีปากบางๆ