ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 185 เขาใจร้ายไม่ลง
สิ้นเสียงแล้ว ก็ดึงข้อมือออกมาจากมือใหญ่ของเขา หลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้อง แล้วปิดประตูห้องลง ล้มตัวนอนลงบนเตียง เชอร์รีนเอาโทรศัพท์มือถือวางลงบนตู้ข้างๆตรงหัวเตียง แล้วหลับตาลง
ที่ทุกอย่างระหว่างพวกเขาสองคนสงบสุขขนาดนี้ ก็เป็นเพราะข้อตกลงสงบศึกฉบับนั้น
เธอยุ่งมาก วุ่นวายใจมาก อยากจะแย่งสิทธิการดูแลซารางกลับมา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้มีอารมณ์แบบนั้นที่จะต่อต้าน ทะเลาะ เปลืองจิตใจเปลืองพลังไปกับเขาตลอด เธอไม่อยากจะเหนื่อยทั้งกายและใจอีกแล้ว เรื่องอะไรก็จะต้องไปโต้ตอบ สิ่งเดียวที่เธออยากได้ก็เพียงแค่สิทธิการเลี้ยงดูซารางเพียงเท่านั้น
และพอดีที่เขายื่นข้อตกลงสันติภาพเหล่านั้น เธอก็เลยตกลง
ความจริงแล้ว เกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนั้น เธอทำได้เพียงต้องตกลงเพียงเท่านั้น การตอบรับเพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
ถ้าหากเธอไม่ตกลง ออกัสก็จะไม่ให้เธอได้เจอกับซาราง อีกทั้ง เขายังจะดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสิทธิการเลี้ยงดูต่อศาลอีกด้วย
ถ้าอย่างนั้น คนที่ได้ไม่คุ้มเสียก็คือเธอ ไม่เพียงแค่จะไม่ได้เจอซารางเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังจะต้องขึ้นศาลอีกด้วย
และข้อตกลงสงบศึกนี้ ทั้งสองปฏิบัติต่อกันอย่างสันติ เธอก็จะสามารถเห็นซารางได้ทุกวัน แม้ว่าขั้นสุดท้ายจะเป็นศาล แต่ก็ดีกว่าครั้งแรกมากแล้ว
แต่ความสันตินี้ชี้เพียงแค่การแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูซารางในช่วงนี้เพียงเท่านั้น!
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูซารางมาได้หรือเปล่านั้น ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็จะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
เรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน เธอไม่เคยลืมเลย….
บางครั้ง ความสงบก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น หลังจากที่คลื่นลมสงบไปในช่วงหนึ่ง บางทีก็อาจจะมีคลื่นลูกใหญ่กว่าเดิมมาก็ได้…..
ห้องรับแขก
มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนนั้นวางอยู่บนริมฝีปากที่ถูกกัดจนเป็นแผล ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสโดนเบาๆ ก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บที่แพร่ออกมา
ผู้หญิงคนนั้น โหดร้ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ดูแล้วคืนนี้ทำได้เพียงต้องอาบน้ำเย็นต่อไปแล้ว….
เมื่อครู่ เขาควบคุมความใจร้อนของตัวเองเอาไว้ไม่ได้
แต่ หลังจากที่ได้สบดวงตาที่โปร่งใสและเย็นชาคู่นั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจแล้ว เขาเองก็ลงมือไม่ได้เช่นกัน
เขาอยากได้เธอ ต้องการเธออย่างแรง อยากจะบดขยี้เธอเข้าไปในร่างกาย แต่หลังจากที่เห็นสายตาแบบนั้นของเธอแล้ว ก็ไม่สามารถฝืนทำแบบนั้นต่อไปได้เลย
กับเธอแล้วดูเหมือนว่าเขาจะใจร้ายไม่ลง…..
วันรุ่งขึ้น
ตอนที่เชอร์รีนกับซารางตื่นขึ้นมานั้น อาหารเช้าของป้าบัวก็ทำเสร็จแล้ว ออกัสเองก็ไปที่บริษัทแล้วเช่นกัน
ทานอาหารเช้าแล้ว องค์ชายก็โทรมาหาเธอ นัดให้เธอไปเจอ เธอเองก็ตอบรับไป
ได้ยินว่าเป็นองค์ชาย ซารางก็เริ่มก่อกวนขึ้นมาแล้ว อยากจะออกไปด้วย บอกว่าตัวเองไม่ได้เจอคุณอาองค์ชายมานานแล้ว คิดถึงคุณอาองค์ชาย
เชอร์รีนมองอากาศข้างนอกหน้าต่าง แล้วก็ไม่รู้ทำไม ฤดูร้อนปีนี้ร้อนมาก วันนี้ยิ่งปากเข้าไป38-39องศา
ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมพาซารางไปด้วย กลัวว่าเธอจะเป็นไข้ อากาศข้างนอกร้อนมากเกินไปแล้วจริงๆ
ซารางทำจมูกย่น ถึงแม้จะไม่เต็มใจนักแต่ก็กลับไม่ได้งอน หลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้ว เชอร์รีนก็ไปยังสถานที่ที่นัดกับองค์ชายเอาไว้
นี่ยังเป็นช่วงเช้ายังไม่ถึงช่วงกลางวันเลย ก็ทำให้รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งมาจากทางด้านนอกแล้ว ราวกับอยู่ในที่นึ่งอาหารอย่างไรอย่างนั้น เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ข้างหลังก็เหงื่อออกมาได้แล้ว
สถานที่ที่ทั้งสองคนนัดกันไว้ก็คือร้านเครื่องดื่มเย็นๆ ความร้อนและความเย็นตัดสลับกัน ทำให้ร่างของเชอร์รีนอดที่จะสั่นเทาไม่ได้
องค์ชายได้นั่งรออยู่ตรงนั้นแล้ว สองสามปีมานี้ ไม่ว่าเธอจะมาเจอกับองค์ชายครั้งไหนๆ เขาก็ไม่เคยให้เธอเป็นฝ่ายรอ มักจะมาถึงก่อนเวลาที่นัดเอาไว้เสมอ กลัวว่าเธอจะกระหาย ได้สั่งน้ำส้มสดเอาไว้ให้เธอหนึ่งแก้ว ไม่เย็น ไม่ร้อน แต่เป็นอุณหภูมิปกติ
น้ำส้มแก้วหนึ่งหมดแก้วแล้วนั้น เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ความกลัดกลุ้มและความร้อนระอุนั้นกระจายหายไปไม่น้อยเช่นกัน
“ผมสอบถามขอคำปรึกษากับทนายแล้วนะครับ เป็นทนายที่มีชื่อเสียงที่สุดเมืองs”องค์ชายสั่งโค้กให้เธออีกหนึ่งแก้ว
“ค่าทนายเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
“ค่าใช้จ่ายผมให้ทนายไปแล้ว ราคาเหมาะสม คุณไม่ต้องกังวลนะ”องค์ชายไม่ได้พูดถึงตัวเลขที่เป็นรูปธรรม เอ่ยมาเพียงแค่นี้
เชอร์รีนขมวดคิ้วขึ้น : “ให้ไปแล้ว? เท่าไหร่คะ ถ้าอย่างนั้นฉันเอาเงินให้คุณดีกว่า”
“ไม่ต้องครับ”องค์ชายรีบขัดขวางการกระทำของเธอเอาไว้ : “เงินเดือนของคุณยังต้องเอาไว้เลี้ยงดูซารางอีก แล้วอีกอย่างก็ไม่เท่าไหร่เลยครับ”
“ไม่ได้ค่ะ สี่ปีมานี้ก็รบกวนคุณไม่ใช่น้อยๆเลย เป็นหนี้บุญคุณมาก็ตั้งมากขนาดนั้นแล้ว จะให้ฉันเป็นหนี้คุณอีก ฉันคงไม่สบายใจ”เชอร์รีนยังคงยืนกรานว่าจะให้
สี่ปีนี้รบกวนองค์ชายไม่น้อยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเธอ และยังจะเรื่องในครอบครัวอีก เธอรบกวนองค์ชายหลายครั้งมากเกินไปแล้ว
“ซารางออกปากเรียกผมว่าคุณอาแล้ว ค่าทนายถือว่าเป็นของขวัญตอบกลับแล้วกันนะครับ เพียงแค่คุณสามารถแย่งสิทธิเลี้ยงดูซารางกลับมาได้…..”
เชอร์รีนรู้สึกจนปัญญา แล้วเอ่ยเรียกชื่อเขาขึ้นมา : “องค์ชาย คุณให้ฉันคืนเงินให้คุณเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะนอนไม่หลับ”
“ทำไมหัวใจของคุณถึงได้เล็กเหมือนปลายเข็มแบบนี้ เอาเงินของคนอื่นไปเพียงแค่นิดเดียวก็นอนไม่หลับแล้ว คุณว่าคนโลภพวกนั้นถ้าเป็นเหมือนกับคุณจะดีขนาดไหนกันเชียว โลภเงินมากมายขนาดนั้น ก็ควรจะนอนไม่หลับไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ”องค์ชายหัวเราะพลางเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ
“ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ตอนนั้นบนถนนก็คงจะไม่มีพวกคนโลภแล้วล่ะค่ะ ใช่แล้ว ทนายได้บอกไหมคะว่าโอกาสชนะจะมีซักเท่าไหร่?”
นี่คือปัญหาที่เธอให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้ การแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูซาราง เธอสามารถมั่นใจได้ขนาดไหนกัน?
“นี่ยังไม่แน่ครับ ที่สำคัญที่สุดคือทางฝ่ายนั้นคือออกัส ระดับความยากของคดีนี้ก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว ตอนนี้ว่าไม่ได้เลยจริงๆที่จะมั่นใจได้มากขนาดไหน”
ในใจขององค์ชายเองก็เข้าใจอย่างชัดเจนเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คือออกัส บุคคลที่ยิ่งใหญ่มีหน้ามีตาแห่งเมืองs และมีความสามารถมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะมีเครือข่ายในเมืองsนับว่าพอใช้ได้นั้น แต่ก็จะเทียบกับออกัสได้อย่างไร แล้วอีกอย่าง ทนายที่เขาเชิญมานั้นก็เป็นทนายที่มีชื่อเสียงของเมืองs เช่นนั้นแล้ว ออกัสก็คงจะเชิญทนายที่มีบารมีมากที่สุดในโลกมาแล้ว
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาจะดูเสียเปรียบอยู่มากเลย!
ไม่ได้ท้อใจ เชอร์รีนพยักหน้าลง สีหน้าท่าทางเย็นชากลับเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ เพียงแค่มีความหวัง เธอก็จะไม่ยอมแพ้
หลังจากนั้น ยู่ยี่ก็โทรมาหาเธออีกสองสามครั้งติดๆกัน เห็นแล้ว องค์ชายจึงเอ่ยปากขึ้น : “ไปเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
เดินออกมาจากร้านเครื่องดื่ม ทั้งสองคนก็ขึ้นไปนั่งบนรถฮุนไดสีดำที่จอดอยู่ข้างทาง องค์ชายขับรถมาส่งเธอด้านนอกผับโซ่สวาท
มองดูผับแล้ว องค์ชายก็ไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ นิสัยของเธอเขาก็เข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าเธอไม่ใช่คนมั่วไปทั่วแบบนั้น
ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก เพียงแต่กำชับให้เธอดื่มน้อยๆ จนกระทั่งร่างของเธอหายไปจากสายตา เขาถึงได้สตาร์ทรถแล้วขับออกไป
ความคิดขององค์ชายนั้น เชอร์รีนจะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน?
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าเธอหย่าแล้ว การแสดงออกของเขาก็ยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ถือเอาของไปที่บ้านของเธอสามสี่ครั้งแล้ว
กนกอรและจักรกฤษเคยเจอองค์ชายแล้ว และกนกอรก็พอใจในตัวองค์ชายมากด้วยเช่นกัน เธอรู้สึกว่าองค์ชายเป็นคนซื่อตรง ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน