ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 187 พวกนี้ เธออ่านหมดแล้วเหรอ
ความทรงจำที่แตกสลายค่อยๆ ประกอบเข้าหากัน เธอนึกออกแล้ว แล้วก็จำได้อย่างชัดเจนด้วย
และก็เพราะว่าจำได้ เธอถึงได้โมโหตัวเองขนาดนี้ ทั้งรู้สึกโมโหและอับอาย
“ไม่ต้องให้ผมเตือนต่อแล้วเหรอ?”เขาให้คำแนะนำอย่างใจดีและเอาใจใส่ หลังจากนั้นก็พูดว่า “ตอนที่เจอกันครั้งแรก มันเป็นเพราะว่าผมเมาแล้วเข้าห้องผิด ก็เลยเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น แล้วครั้งนี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นคุณทำผมแทน……”
นอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว เชอร์รีนก็รู้สึกปวดหัว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลจากอาการเมาค้างเมื่อคืนนี้
ตอนนี้ เธอไม่อยากจะได้ยินคำพูดอะไรที่เอามาจากปากเขาแม้แต่คำเดียว!มันเป็นความจริง ที่สาเหตุส่วนใหญ่ของเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันมาจากเธอ!
ถ้าเกิดว่า เมื่อคืนเธอไม่ได้ดื่มจนเมา เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ยังไง?
เชอร์รีนเอาผ้าห่มบางๆ ห่อตัวเองไว้ ไม่ได้สนใจเขาอีก เธอค่อยๆ พยุงร่างของตัวเองไปที่ห้องน้ำ รู้สึกไม่สบายตรงระหว่างขาของตัวเองเท่าไหร่นัก
แล้วอีกอย่าง เธอนี่เป็นคนที่ดื่มเหล้าไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าเกิดว่าดื่มเข้าไปแล้ว ก็จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นตลอดเวลา!
สายตาที่ลึกซึ้งมองไปที่เธอขณะที่เธอเข้าไปในห้องน้ำ ออกัสเก็บสายตาของตัวเอง กวาดสายตาไปที่พื้นนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที แล้วก็กดโทรศัพท์โทรออก
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ แต่ว่าก็ยังเดินลำบากนิดหน่อย ร่างกายของเธอทั้งอ่อนแรงและเพลีย!
ตอนที่กำลังจะเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น เชอร์รีนก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอถึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่า เธอไม่มีเสื้อผ้าที่จะสามารถสวมใส่ได้ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงแม้ว่ามันจะสกปรก แต่่ก็ไปเอามาใส่ก่อนเถอะ
แต่ว่า เมื่อเธอออกจากห้องน้ำ เธอเห็นชุดชั้นในชุดใหม่และชุดเดรสสีเขียววางอยู่ข้างเตียง
คิ้วของเธอกระตุกเล็กน้อย เธอรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนเตรียมข้าวของพวกนี้ และก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเย่อหยิ่งอะไร เธอเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วก็เปลี่ยนใส่เสื้อฉันในกับชุดเดรส ไซซ์กำลังพอดีกับตัวเธอ
เธอเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยร่างกายที่อ่อนแอ ป้าบัวได้เตรียมข้าวเช้าไว้หมดแล้ว ซารางนั่งสั่นขาที่สั้นๆทั้งสองข้างของเธอ พอเห็นว่าเธอเดินออกมา ก็เรียกด้วยเสียงหวาน “หม่ามี๊!”
เชอร์รีนตอบรับแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเธอ นั่งลงข้างๆ ซาราง แล้วก็ไม่ได้สนใจผู้ชายที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่เลย
ออกัสมองมาที่เธอ หรี่ตาลง แล้วก็จ้องมอง
ชุดเดรสสีเขียว ยาวจนถึงข้อเท้า ผิวของเธอค่อนข้างขาวสวย แล้วชุดสีเขียวก็ยิ่งทำให้ผิวของเธอดูกระจ่างใสมากขึ้น ทำให้ดูใสสะอาด ตอนที่เดินเข้ามาจากระยะไกล ทำให้คนที่เห็นรู้สึกสดชื่น เปิดหูเปิดตา รอบเอวที่พอดีกับเอวของเธอทำให้เอวของเธอนั้นดูบางมากยิ่งขึ้น สง่างาม
เขาจิบกาแฟ ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ของเขาขยับ เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยความหมายที่คลุมเครือว่า “ดูเหมือนว่าขนาดจะพอดีมาก สัมผัสจากมือผมเนี่ยค่อนข้างแม่นยำเลยนะ……”
“พวกโจรและพวกวิปริต สัมผัสจากมือก็ค่อนข้างจะแม่นยำตลอดแหละ”
เชอร์รีนตอบเขาอย่างเย็นชา เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ได้แต่ดื่มนมลงไป แล้วก็ตักโจ๊กให้ซาราง
หมายความว่า คำพูดนี้ของเธอเป็นการด่าเขาว่า ถ้าเขาไม่ใช่พวกโจร ก็เป็นคนวิปริตอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาของเขาขยับ แต่ว่าออกัสกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามเขากลับอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาจิบกาแฟลงไปและคลี่ยิ้มออกมา
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เชอร์รีนก็อุ้มซารางกลับไปที่ห้องของตัวเอง ให้ซารางเขียนหนังสือไป แล้วเธอก็พักผ่อน ร่างกายของเธอยังไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่เลย
“บ๊ายบายค่ะคุณลุง!”ซารางที่ซบอยู่ตรงไหล่ของเชอร์รีนก็หรี่ตาและโบกมือให้ออกัสที่กำลังจะออกไปบริษัท
เขาคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตาของออกัสมองไปที่ผู้ใหญ่และเด็กน้อยทั้งสองคน หลังจากจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ออกจากคอนโดไปด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน
เดิมทีก็เขียนหนังสืออยู่เป็นเพื่อนซาราง อยู่ไปอยู่มาก็ไม่รู้ว่าเธอหลับไปได้ยังไง พอตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลา บ่ายโมงแล้ว
ซารางก็ง่วงเหมือนกันก็เลยนอนพักกลางวันอยู่ พอนึกถึงความผิดปกติของยู่ยี่เมื่อวันนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เตรียมจะไปหายู่ยี่ที่บ้านเราก็ถามให้เคลียร์
เพื่อนเธอไม่เยอะ ถ้าจะนับว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดก็มีแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือยู่ยี่ อีกคนหนึ่งคือนาโน
ดังนั้น ถ้าเกิดได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับพวกเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใย หลังจากฝากฝังป้าบัวให้ดูแลซารางให้ดีแล้วนั้น เชอร์รีนก็เดินทางออกมา
เธอเรียกรถแท็กซี่ไปถึงคอนโดของยู่ยี่ จ่ายเงิน ขึ้นไปข้างบน เคาะประตู คนที่มาเปิดประตูก็คือยู่ยี่ แต่ว่าสภาพเธอดูแย่มาก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใต้ตาดำ ใบหน้าก็หมองคล้ำ
เชอร์รีนดึงแขนเธอมานั่งลงที่โซฟา แล้วถามว่า “พูดมา ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นอีก เมื่อคืนฉันก็ดื่มเหล้าจนหมดแล้วนะ!”
แมยัง สร้างเรื่องให้ตัวเองเพราะเหล้าไม่กี่แก้วนั้นด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าวันนี้เธอยังกล้าจะไม่เล่าอีก จะให้เธอได้รับผลที่ตามมาอย่างสาสม!
ยู่ยี่มัดผมเท่าที่ยุ่งเหยิงของตัวเองให้เป็นหางม้า เธอไม่พูดอะไร ได้แต่ลุกขึ้นไปด้านข้าง ได้แต่หยิบกล่องจดหมายแล้วก็สลิปธนาคารส่งให้เธอ “ดูเอา”
เชอร์รีนสงสัยแล้วก็ยื่นมือไปรับจดหมายพวกนั้น ตอนที่เห็นชื่อคนที่อยู่บนจดหมายนั้น เธอก็พึมพำออกมา “เรนนี่ ทำไมชื่อนี้มันคุ้นจังเลย”
“อืม รุ่นน้องของพวกเราเอง ตอนนั้นเธอพยายามจีบหัสดินอย่างรุนแรง”ยู่ยี่ตอบจริงๆ
พอเถอะพูดออกมาแบบนี้ เชอร์รีนก็นึกขึ้นได้แล้ว เธอกับยู่ยี่ นาโน แล้วก็หัสดินเรียนอยู่มหาลัยเดียวกัน หัสดินแก่กว่าพวกเธอ 2 ปี
ตอนนั้น ไม่มีใครในมหาลัยไม่รู้เรื่องที่เรนนี่ตามจีบหัสดิน ด้วยเหตุผลทั้งสองประการ ข้อแรกเป็นเพราะว่าชื่อเสียงและพื้นหลังทางบ้านของหัสดิน ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เรนนี่พยายามจีบหัสดินมาก แต่ว่าหัสดินกลับรังเกียจเธอ ต่อหน้าเพื่อนในมหาลัยแล้ว มันทำให้เรนนี่รู้สึกอับอายมาก ทำให้เธอดูน่าเกลียด ดังนั้น เรนนี่ก็เลยกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน บางคนก็เรียกเธอว่าเป็นคางคกที่อยากจะกินเนื้อหงษ์
แต่ว่าต่อให้เรนนี่มองออก แต่ก็ไม่เก็บคำด่ามันมาใส่ใจ ได้แต่ไล่ตามรักแท้ของตัวเองอยู่แบบนั้น ไม่ว่าต้องคว้าน้ำเหลวกี่ครั้งก็ตาม
ตอนถึงตอนเรียนจบ ยู่ยี่กับหัสดินแต่งงานกัน เรนนี่ก็ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานภาคสนาม
“แล้วทำไมเธอถึงได้มีจดหมายจากเขามากมายขนาดนี้ล่ะ?”เชอร์รีนลองนับดูแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมี 30-40 ฉบับ
“เธอคิดว่าไงล่ะ? เธอจะเขียนจดหมายให้ฉันได้ยังไง จดหมายพวกนี้เธอเขียนถึงหัสดิน และครั้งนั้นที่หัสดินนอกใจก็เพราะว่าไปกับเธอนั่นแหละ ฉันพบจดหมายเหล่านี้ในลิ้นชักที่ล็อกไว้ในห้องทำงานของเขา สลิปธนาคารคือรายการโอนเงินที่ฉันพบจากใบแจ้งยอดธนาคารของเขา คนที่เขาโอนให้ก็คือเรนนี่……” ร่างกายของยู่ยี่สั่นเทา
เชอร์รีน นั่งหลังตรง “หัสดินไม่ชอบเรนนี่ไม่ใช่เหรอ? เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”
หลายปีมานี้ หัสดินรังเกียจเรนนี่มาก แม้แต่มองเขายังไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ ได้แต่พูดว่าไม่ชอบ แล้วทำไมถึงได้ไปคบกับเรนนี่ได้ล่ะ?
“ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก จดหมายพวกนี้เรนนี่เขียนให้กับเขา เธอจะเขียนจดหมายถึงเขาทุกๆ หนึ่งหรือสองหรือสามเดือน บอกหัสดินว่าเธอไปที่ไหน แล้วก็เจออะไรบ้าง”
“เธออ่านจดหมายพวกนี้หมดแล้วเหรอ?”
ยู่ยี่พยักหน้า รอยยิ้มของเธอมันดูแย่กว่าการร้องไห้ซะอีก ใครก็ไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าเธอรู้สึกยังไงตอนที่อ่านจดหมายทุกฉบับครบถ้วน มันคงจะเหมือนเข็ม เหมือนมีดที่ทิ่มแทง