ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 193 เธอต้องไม่เป็นอะไร
เมื่อเชอร์รีนวิ่งออกมา ก็เห็นภาพเช่นนี้อยู่เบื้องหน้า
เลือด เลือดสีแดงฉาน แยกไม่ออกว่าเป็นเลือดขององค์ชายหรือซาราง
องค์ชายยังคงนิ่งไม่ไหวติง แม้แต่ซารางที่เคยร่าเริงอยู่เสมอก็นอนสงบนิ่งอยู่กับพื้นเช่นกัน สองตาของเชอร์รีนพร่ามัว สองขาอ่อนยวบทันที เธอเกือบจะล้มลงกับพื้น แต่ก็กัดฟันไว้ พยายามฝืนร่างกายที่ไม่หยุดสั่นเทา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาศูนย์ฉุกเฉิน
แค่จะกดหมายเลขง่ายๆ แต่กลับดูเหมือนว่าเชอร์รีนต้องใช้พละกำลังตั้งแต่หัวจรดเท้า
มือและขาของเธอกำลังสั่นเทา จนถึงขนาดที่ว่า แม้แต่กล้ามเนื้อบนแก้มที่แข็งทื่อก็ยังสั่น เธอไม่เคยตัวสั่นมากมายขนาดนี้มาก่อน
แต่เธอรู้ว่า เธอจะล้มไม่ได้ ล้มไม่ได้อย่างเด็ดขาด ห้ามล้ม!
เชอร์รีนประคองตัวให้มีสติอยู่ตลอดเวลา เธอยืนเฝ้าอยู่ข้างกายทั้งสอง โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง
เธอลืมตามองดูหมอและพยาบาลหามซารางและองค์ชายขึ้นรถพยาบาล และตามไปอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
ครู่ต่อมา แสงไฟจากห้องฉุกเฉินก็สว่างขึ้น
เชอร์รีนนั่งอยู่บนม้านั่งยาวนอกห้องฉุกเฉิน ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือด ไร้สีเลือดใดๆ ก้มหน้าซุกอยู่ในหว่างขา หัวไหล่ผอมบางไม่อาจหยุดสั่นเทา
ภาพที่เห็นเมื่อครู่ เธอคิดว่าชั่วชีวิตนี้ เธอจะไม่สามารถลืมได้เลย!
มันเป็นความผิดของเธอ ถ้าเธอจูงมือซารางไว้ไม่ยอมปล่อย ถ้าเธอเตือนซารางไม่ให้วิ่งเล่นไปทั่ว ถ้าเธอจับตามองซารางอย่างใกล้ชิด!
มันเป็นความผิดของเธอ ถ้าเธอไม่หละหลวมเพียงไม่กี่นาที เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เธอไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดถึงผลที่กำลังจะตามมา!
ในอะพาร์ตเม้นต์
ป้าบัวกำลังทำอาหารเย็นอยู่ เมื่อมองไปยังห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า เธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกได้เพียงความเงียบเหงา
หลายวันที่ผ่านมาเมื่อมีซารางกับแม่อยู่ ก็มีแต่ความครึกครื้น มีเสียงหัวเราะและเสียงละมุนละไมของเด็กน้อยอยู่ทุกพื้นที่ แต่ในเวลานี้…
เธอพอจะมองออกว่า ถึงแม้หลายวันมานี้เชอร์รีนและคุณออกัสจะเย็นชาต่อกันตลอดเวลา แต่ระหว่างทั้งสองก็น่าจะมีความผูกพันต่อกัน
คุณออกัสไม่ค่อยยิ้มเท่าไรนัก เขามักจะเย็นชา ใบหน้าขรึม ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่เป็นระยะ ไม่กล้าทำอะไรไม่เกรงใจ
แต่ตั้งแต่ซารางและแม่ของเธอมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แทบจะเห็นคุณออกัสยิ้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา สีหน้าก็มักจะอ่อนโยนอยู่เสมอ
หลายวันมานี้ พวกเขากลมเกลียว สนุกสนาน และมีความสุขเหมือนกับครอบครัวทั่วไป
แต่ทว่า ในเวลานี้ อนิจจา!
ในเวลานี้ร่างสูงใหญ่ของออกัสเดินเข้ามา เขาเบิกตาขึ้นถามประโยคแรกว่า “พวกเธอกลับมาแล้วหรือยัง?”
ป้าบัวส่ายหน้าพลางพูดว่า “เมื่อคืนวานฉันโทรหาคุณเชอร์รีนแล้ว เธอรับปาก แต่ตอนนี้ยังไม่กลับมาค่ะ”
ได้ยินดังนั้นออกัสก็เลิกคิ้วขึ้น หันร่างที่สูงชะลูดแล้วเดินออกไปข้างนอก เห็นดังนั้นป้าบัวจึงพูดไล่หลังเขาไปว่า “คุณออกัส แล้วอาหารค่ำล่ะคะ”
“วางไว้ ผมจะไปรับพวกเธอ รอพวกเธอกลับมาค่อยกิน…”
เขากล่าวขึ้นในขณะที่ร่างสูงใหญ่เดินออกไปแล้ว เหลือเพียงเสียงทุ้มต่ำลอยเข้ามาตามสายลม
ออกัสขับรถแลนด์โรเวอร์สีดำ เร่งความเร็วขึ้นไปตลอดทาง มุ่งหน้าไปยังโรงแรม
ระยะทาง 20 นาที เขาใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็มาถึงหน้าโรงแรมแล้ว เขาเอารถจอดไว้ด้านนอกของโรงแรม ไม่เข้าที่จอด
เมื่อเดินมาถึงล้อบบี้โรงแรม เขาก็ตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับ พนักงานต้อนรับของโรงแรมทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ทันได้สังเกตเห็น
เขางอนิ้วเคาะลงบนเคาน์เตอร์จนเกิดเสียงดังฟังชัด หว่างคิ้วของออกัสขมวดขึ้นอย่างหงุดหงิดและถามว่า “ห้องพักของคุณเชอร์รีนหมายเลขอะไรครับ?”
พนักงานต้อนรับตอบตามสัญชาตญาณ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ขอโทษค่ะ เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของผู้เข้าพักได้”
“โทรหาผู้จัดการให้ผม…” เสียงเคาะโต๊ะของออกัสหนักขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้พนักงานต้อนรับหญิงสองคนเงยหน้าขึ้น พอเห็นคนที่มาก็สะดุ้งตกใจ “คุณ…คุณ…คุณออกัส!”
ใบหน้าอันหล่อเหลานิ่งเฉย ออกัสแค่พูดซ้ำด้วยเสียงลุ่มลึก “โทรหาผู้จัดการให้ผม…”
“เราสามารถตรวจสอบข้อมูลการเข้าพักของคุณเชอร์รีนให้คุณได้ค่ะ กรุณารอสักครู่” เธอพูดพลางรีบตรวจสอบในคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว “คุณออกัสคะ หมายเลขห้องพักของคุณเชอร์รีนคือ 1112 ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ออกัสเปล่งคำสามคำอย่างหนักแน่น ขบกรามเบาๆ แล้วหันหลังเดินตรงไปยังลิฟต์
และพนักงานต้อนรับหญิงก็บอกอีกว่า “คุณออกัสคะ วันนี้ตอนรุ่งเช้า คุณเชอร์รีนพาเด็กหญิงตัวเล็กๆ ออกไปจากโรงแรมและยังไม่กลับมาค่ะ”
ขายาวของเขาหยุดชะงักทันที ออกัสยืนอยู่กับที่ พลางหยิบมือถือออกมาแล้วโทรหาเชอร์รีน
ครู่ใหญ่จึงมีคนรับสาย เสียงหญิงสาวล่องลอยและอ่อนแรงดังขึ้น “ฮัลโหล”
ออกัสฟังออกว่า เสียงของเธอเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยปากถามว่า “คุณกับซารางอยู่ที่ไหน?”
“ที่โรงพยาบาล…”
คิ้วงามขมวดขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาของออกัสมีสีหน้าขรึมลง “ทำไมถึงอยู่ที่โรงพยาบาล?”
“ซา…ซาราง…โดนรถชน…ตอนนี้ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน…”
ออกัสเม้มริมฝีปากบางๆ แน่น หน้าถอดสี ดวงตาอันลุ่มลึกมืดมนและหม่นหมองลงทันที ประกายอันเยือกเย็นฉายผ่านแววตา มือใหญ่เห็นข้อต่อชัดเจนกำโทรศัพท์ไว้แน่น จิตใจที่เคยมั่นคงไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดกลับจัดลำดับไม่ได้ในขณะนี้ มันเต้นระรัวราวกับถูกบีบอย่างแรง “โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลเมือง…”
ออกัสวางสายทันที เขาสาวเท้าวิ่งออกไปจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว พาลมเย็นพัดเข้ามา
พนักงานต้อนรับสาวยังคงอยู่ในความงุนงง เธอเคยเห็นคุณออกัสในระยะไกลมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นในระยะใกล้แบบนี้ น่าหลงใหลและมีเสน่ห์จริงๆ!
หลังจากวางสาย ริมฝีปากของเชอร์รีนยังสั่นเทาเล็กน้อย ออกัสเป็นพ่อแท้ๆ ของซาราง เขามีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกอย่าง
ในเวลานี้ เธอเพียงต้องการให้ซารางมายืนอยู่ตรงหน้าอย่างปลอดภัย ซุกซนและสร้างความวุ่นวาย!
เธอไม่อาจจินตนาการได้เลย วินาทีที่แล้วซารางยังยืนอยู่ข้างกายเธอ ร้องอยากกินโยเกิร์ต วินาทีถัดมากลับนอนอยู่บนพื้นถนน ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด
เธออายุยังน้อยแค่สามขวบเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ เธออยากให้คนที่นอนอยู่บนพื้นเป็นตัวเองมากกว่า!
ออกัสใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็มาถึงห้องฉุกเฉิน มองแวบเดียวก็เห็นแผ่นหลังบางๆ ที่นั่งอยู่บนม้านั่ง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็เงยหน้าขึ้น “ซารางโดนรถชน ตอนนี้ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ยังไม่ออกมาเลย…”
“อืม…” ออกัสตอบอย่างแผ่วเบา เขากดโทรออกไป น้ำเสียงหนักแน่น แต่กลับรู้สึกว่าลำคอแห้งผากเล็กน้อย ขอให้คนส่งแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองS มาที่นี่โดยเร็ว!
จากนั้นเขาก็เดินไปที่ม้านั่งยาว ทอดสายตาอันลุ่มลึกมองที่ตัวเธอ
ใบหน้าของเชอร์รีนซีดเผือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มอยู่ตลอดเวลา เคร่งเครียด ไม่พูดไม่จา ไม่เงยหน้าขึ้น เอาแต่อยู่ในท่าทางนั้น
ออกัสรู้สึกปวดใจและอ่อนไหว เขาย่อตัวลงไปและประคองเธอไว้ในอ้อมกอด น้ำเสียงอันทุ้มต่ำออกมาจากลำคอ “ซารางต้องไม่เป็นอะไร…”
ความอบอุ่นค่อยๆ ส่งผ่านมา เธอเหมือนกำลังคว้าท่อนไม้ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรในยามสิ้นหวัง มือทั้งสองจับเสื้อผ้าตรงหน้าอกของเขาไว้แน่น “แต่เธอยังไม่ออกมาเลย…”
“เมื่อถึงเวลาที่สมควรเธอจะออกมาเอง เธอเป็นลูกสาวของออกัส ไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ และไม่มีใครกล้าเอาเธอไป…”
น้ำเสียงของเขาลุ่มลึกไปถึงกระดูก แต่กลับเยือกเย็นจนทำให้คนหนาวสั่น
“ฉันไม่ควรปล่อยมือเธอไป ฉันน่าจะจับตัวเธอไว้ น่าจะจับตามองเธออยู่ตลอดเวลา ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง…”
ในเวลานี้ เธอเหมือนหาที่ระบายได้ น้ำตาที่สะสมอยู่ในดวงตาร่วงหล่นลงมาทันที กลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเคยร้องไห้มากี่ครั้งเอานิ้วนับได้เลย ในเวลานี้ความโศกเศร้าเสียใจเปรียบเสมือนน้ำทะเลที่ม้วนจมตัวเธอ ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ซารางต้องไม่เป็นอะไร เชื่อผม…” ออกัสตบหลังปลอบประโลมเธอเบาๆ ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องผ่าตัด
“ยังมีองค์ชายด้วย เขาปกป้องซาราง ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องฉุกเฉิน…”
ในเวลานี้ คณะแพทย์ได้รีบรุดมาถึง ออกัสให้แพทย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแบ่งเป็นสองทีม ทีมหนึ่งรักษาซาราง อีกทีมหนึ่งรักษาองค์ชาย
ประตูของห้องผ่าตัดเปิดออก พยาบาลบอกว่าเด็กสูญเสียเลือดมากเกินไป ต้องให้เลือด ออกัสปล่อยตัวเชอร์รีนแล้วบอกว่า “ผมคือพ่อของเธอ เอาเลือดของผม…”