ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 209 ถ้าหาก เธอเพียงแค่อยากแต่งงาน
อีกทางด้านหนึ่ง
ในผับ
เมืองทะเลหทัยนั้นมีมากที่สุดก็คือทะเลสาบ ดังนั้นผับจึงถูกสร้างขึ้นข้างๆทะเลสาบด้วย รายล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ
ดนัยยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาสองแก้ว แก้วหนึ่งยื่นส่งให้ออกัสที่นั่งพิงอยู่ที่โซฟา : “คุณชายใหญ่ออกัส เชิญครับ”
สายตาของเขากวาดตามองเครื่องดูแอลกอฮอล์อย่างไม่สนใจ มือซ้ายของออกัสกุมขมับเอาไว้ แล้วนวดเบาๆ : “ไม่สนใจ นายมาที่เมืองทะเลหทัยได้ยังไง?”
“ได้ยินจากปากคุณชายออกัสว่าไม่อยากแอลกอฮอล์นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆนะ มาส่งข่าวเรื่องการแต่งงานให้นายน่ะสิ” ดนัยนั่งไขว่ห้าง อย่างสุภาพ
“ของนาย?”
“อืม…..”
“กับนาโน?” ร่างสูงก้มตัวไปเล็กน้อย หยิบน้ำอุ่นมาหนึ่งมาจิบ
“นายรู้ได้ยังไง?”
“เห็นสายตาของนายกับนาโน ก็เหลือแค่ยังไม่ได้แผดเผาทั้งสองฝ่ายกันถึงตายแค่นั้นแหล่ะ นายไม่ใช่เอาแต่พูดว่าการแต่งงานเป็นหลุมฝังศพหรอกรึไง แล้วนี่เป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะ?”
มุมปากของดนัยยกขึ้น : “ครั้งนี้ฉันต้องการ ยอมที่จะตายในหลุมฝังศพเองนี่แหล่ะ โอเคไหม?”
“นายอยากจะเป็นยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะ หัสดินล่ะ?”
“หมดแรงเหมือนตายไปครึ่งนึงแล้วนั่น โอนเงินไปให้รุ่นน้องแล้วถูกยู่ยี่จับได้ สองวันนี้ยังให้ฉันโอนไปให้แทนอีก ฉันไม่ทำหรอก”
ได้ยินแล้ว คิ้วสวยของออกัสก็ขมวดขึ้นมา : “เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ ถึงยังไงช่วงไม่กี่ปีมานี้ความสัมพันธ์ของเขากับยู่ยี่ก็แย่ลงเรื่อยๆ แต่ถูกจับได้แล้วก็ยังจะโอนเงินไปให้รุ่นน้องคนนั้นอีก ฉันว่าสมองคงมีปัญหาชัดๆเลยแหล่ะ! ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว นายเถอะนี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมถึงได้เหี่ยวแห้งลงไปขนาดนี้ จะว่าไปแล้วคนที่นายรักไม่ใช่คุณอาหญิงหรอ? แล้วนี่มาอาศัยอยู่นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ดนัยตั้งใจที่จะเหน็บแนมเขา จากนั้นก็ส่งสายตาเย็นชามาให้
“เธอบอกว่าเธอจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แล้วก็จะพยายามรักผู้ชายคนนั้นด้วย…..”
“ก็เป็นเรื่องปกตินี่ ผู้ชายก็ต้องแต่งภรรยา ผู้หญิงก็ต้องออกเรือน คุณครูเชอร์รีนนี่ยังไม่สามสิบเลย ในช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์แบบนี้ ก็ต้องคิดจะแต่งงานในช่วงอายุที่ดีที่สุดของผู้หญิงอยู่แล้ว
ใบหน้ายกยิ้มขึ้นมา ดนัยมองไปที่เขา : “แล้วนายก็คิดที่จะนั่งอยู่แบบนี้งั้นหรอ?”
“ไม่อยู่แล้ว ต้องแย่งกลับมาอยู่แล้ว…..”
“จะว่าไปแล้ว นับมาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว นายกับคุณครูเชอร์รีนก็คบหากันมาไม่นับว่าน้อยเลยนะ สรุปแล้วเธอมีความรู้สึกแบบไหนกับนาย นายไม่เคยถามเธอเลยรึไง?”
สีหน้าท่าทางที่หล่อเหล่านั้นกระตุกไปเล็กน้อย ออกัสเงยคางขึ้นมาอย่างหยิ่งๆ แล้วดื่มน้ำในแก้วลงไป : “ไม่ได้ถาม…….”
เมื่อคืน เดิมทีเขาคิดว่าจะถาม แต่หลังจากที่ได้ยินคำตอบที่เธอมีต่อองค์ชายนั้น เขาก็มีความตั้งใจว่าจะถอยออกมา รู้สึกกลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่ใจร้ายของเธอ
“แล้วคุณครูเชอร์รีนรู้หรือเปล่าว่านายรู้สึกอย่างไรกับเธอ?” สิ้นเสียงแล้ว ดนัยก็เอ่ยพึมพำขึ้นมากับตัวเองอีกครั้ง : “คาดว่านายคุณชายใหญ่ออกัสเองก็คงจะไม่เอ่ยปากพูดออกมา ถ้างั้นแบบนี้นายเล่นอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?”
นิ้วมือนวดอยู่ตรงหว่างคิ้ว ออกัสไม่ได้เอ่ยพูดออกมา รู้สึกวุ่นวายใจอยู่บ้าง
“ฉันรู้สึกว่าคุณครูเชอร์รีนไม่ตีนายให้หนีเตลิดไปนี่ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้วนะ ทางนึงนายก็รักคุณอาหญิง อีกทางนึงกลับมาวนเวียนอยู่รอบๆตัวเธอเหมือนกับแมลงวัน–”
และวินาทีต่อมานั้น เสื้อคลุมก็คลุมลงบนศีรษะของดนัย ออกัสขมวดคิ้วขึ้น : “ทั้งที่นายก็รู้ว่ากับหยาดฝน ฉัน–”
“ไม่รักใช่ไหม? คุณชายใหญ่ออกัส ข่าวนายกับคุณอาหญิงนั่นของนายดังไปขนาดไหน นายรู้หรือเปล่า? คนทั้งเมืองsเขารู้กันหมดแล้วว่าคนที่นายรักก็คือหยาดฝน และที่สำคัญกว่านั้นก็คือนายไม่เคยออกมาปฏิเสธด้วย
ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนั้นก็ได้ แม้แต่คนนั้นของฉันเองก็คิดว่าคนที่นายรักก็คือคุณอาหญิงนั่นของนาย ช่วงนั้นวันๆเอาแต่ดูจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดาเพื่อระบายอารมณ์! แล้วก็มีเพียงแค่นายเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้รัก พวกเราไม่รู้ และคุณเชอร์รีนก็ยิ่งไม่รู้ด้วย
เพราะถึงอย่างไรเมื่อสี่ปีก่อนนายก็รักคุณอาหญิงของนายรักแทบเป็นแทบตาย เหลือเพียงแค่ไม่ได้ถูกตัดแขนเหมือนกับเอี้ยก้วยแบบนั้น…..”
“เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดเป็นการชั่วคราวก่อนก็ได้ จะว่าไปแล้ว นายรักคุณครูเชอร์รีนอย่างน้อยๆก็ต้องให้คุณครูเชอร์รีนรู้สิ นายรู้สึกว่านายเป็นเหมือนพวกคุกคามที่วนไปวนมาอยู่รอบๆคุณครูเชอร์รีนแบบนี้มันดีจริงๆใช่ไหม? คุณครูเชอร์รีนไม่ได้คิดว่านายกำลังคิดถึงร่างกายของเธอ? การกระทำของนายแบบนี้เห็นได้ชัดเลยนะว่าทำให้ผู้หญิงเขาคิดว่านายอยากจะมีอะไรกับเขาน่ะ?”
ดนัยยื่นมือออกมาแล้วตบลงบนบ่าของเขาแรงๆ :
“จริงๆแล้ว เผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ตัวเองรักแล้วพูดสามคำนั้นออกมามันไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ ในใจของนายรักเธอ ก็อยากจะให้เธอรู้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จะต้องพูดออกมา ใครก็ไม่ได้ไปเป็นพยาธิในท้องของใครทั้งนั้นหรอกนะ
และยิ่งไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เหมือนกับที่นายไม่รู้ว่าคุณครูเชอร์รีนกำลังคิดอะไรอยู่นั่นแหล่ะ คุณครูเชอร์รีนก็ไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน อย่างฉันกับนาโน ความคิดของทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีใครเดาได้…..”
ความจริงแล้ว ช่วงเวลาที่ได้คบหาไปมาหาสู่กันนั้นสั้นมากเกินไป รอให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไปเป็นสิบปียี่สิบปีก่อน ถึงตอนนั้นแล้วเพียงแค่อีกฝ่ายนึงออกปาก ก็จะรู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย ความเย็นชาบนใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสนั้นอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด : “นายจะกลับเมืองsเมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวนี้แหล่ะ มานี่ก็เพื่อจะมาส่งการ์ดเชิญมาให้นาย ดื่มซักแก้ว มีเรื่องอะไรอีกอย่างนั้นหรอ?”
“ในเมื่อไม่มีอะไร ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาลูกสาวฉันก่อนแล้วค่อยไป….”
ดนัยรู้สึกสนใจ มองเวลา สองโมงตรง : “ไปสิ ฉันไปที่นั่นแล้วจะได้เอาของขวัญไปด้วยพอดี…..”
“รออีกซักสองชั่วโมงครึ่ง…..”
“ทำไม?”
“เมื่อวานฉันปิดบังหม่ามี๊ของเธอไปโรงเรียนขอลาแล้วก็พาเธอไปเล่นว่าว กลับไปลูกสาวฉันก็เลยถูกลงโทษไม่มีอาหารเย็นกิน…..”
“พรืด…..” ดนัยกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ สนุกเขาเลยจริงๆ
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็รออยู่ที่ผับ รอจนถึงตอนที่จะออกไปนั้น โทรศัพท์มือถือของดนัยก็ดังขึ้น หันกลับมา ออกัสเหลือบมองเขา
ดนัยกดรับแล้วอ้าปากบอกออกมาโดยไม่มีเสียง หัสดิน
“นายช่วยโอนเงินให้ฉันซักสองแสนสิ เดี๋ยวฉันคืนให้” หัสดินเอ่ยขึ้น
“นี่มันเป็นช่วงเวลาชีวิตของฉันเลยนะเนี่ย ให้นาโนรู้นายรู้สึกว่าฉันจะยังมีชีวิตดีๆต่อได้ไหม? แล้วอีกอย่างที่นายชอบรุ่นน้องคนนั้นขนาดนั้นมันเพราะอะไรกันแน่?” ดนัยรู้สึกหมดคำพูดแล้ว
ออกัสเดินเข้ามาแล้วมือใหญ่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาไป : “ถ้าหากนายอยากจะโอนจริงๆ ก็ให้เลขาที่สุขสบายที่สุดนั่นของนายไปโอนให้”
หลังจากนั้น โทรศัพท์มือถือก็วางสายไป ดนัยขมวดคิ้วขึ้น : “นี่นายกำลังให้ทางเลือกอีกทางกับเขาอยู่นะ”
“ถ้าหากเขาคิดอยากจะโอน นายคิดว่านายจะขวางเขาได้ไหม? ทางนี้ของนายน่ะผ่านไปไม่ได้ ฉันก็ยังคิดอีกทางนึงได้ไง”
“ถ้าอย่างนั้นหากคุณครูเชอร์รีนอยากจะแต่งงานล่ะ?”
ได้ยินแล้ว สีหน้าท่าทางของออกัสก็แข็งทื่อไป ตรงข้อนั้นบีบแน่นเสียจนซีดไปเล็กน้อย ไม่มีคำพูดใดๆ ขายาวก้าวเดินไป ก้าวยาวๆไปทางด้านหน้า ดนัยยักไหล่แล้วเดินตามหลังไป
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้นี้เลย เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะสามารถยืนรอใครอยู่ตรงที่เดิมได้ทั้งชีวิต นี่คือความจริง ไม่ใช่นิทาน
เรื่องราวในนิทานปรากฏให้เห็นถึงเรื่องราวความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลงตราบจนชีวิตจะหาไม่ แต่ในความเป็นจริงบางทีก็เป็นเพราะสาเหตุที่หลากหลาย คนที่รักกันก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
หรือบางที คุณครูเชอร์รีนมุ่งมั่นที่จะแต่งงาน เขาจะทำอย่างไรได้กัน?
ถึงด้านนอกโรงเรียนอนุบาลแล้ว ช่วงเวลาที่นักเรียนรีบเลิกเรียน ผู้ชายสองคนที่โดดเด่นแบบนี้ยืนอยู่ด้วยกัน ก็เป็นทัศนียภาพที่สวยงามเป็นอย่างมาก