ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 210 คนที่ช่วยคนแรกก็คือคุณ
ซารางเหมือนกับนกตัวหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามาในอ้อมกอดของออกัสทันที ใบหน้าเล็กๆซุกอยู่ตรงชุดสูทของเขา
ก้มตัวลงมาเล็กน้อยแล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา พยักเพยิดหน้าขึ้นไปยังดนัย : “เรียกคุณอาดนัย”
“สวัสดีค่ะคุณอาดนัย” ซารางเอ่ยขึ้นอย่างว่าง่าย
“คนสวยตัวน้อย เหมือนกับแกะสลักออกมาจากพิมพ์เดียวกับนายเลยจริงๆ เหมือนกันมาก มาให้คุณอาหอมแก้มหน่อย นี่ของขวัญครับ” ดนัยอุ้มเจ้าตัวน้อยตัวนุ่มนิ่มนั่น
“กระโปรงหรอคะ?” ซารางกระพริบตา
“ทำไมหรอครับ?”
“คุณอาคะครั้งหน้าเอาสีเหลืองให้หนูได้ไหมคะ หม่ามี๊ชอบบอกว่าหนูเป็นลูกหมูตัวน้อย ชอบทำให้กระโปรงสีขาวสกปรก”
ดนัยหัวเราะ แล้วยื่นมือออกมาดีดนิ้ว : “โอเคครับ คนสวยตัวน้อยขอมาแบบนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ออกัส ให้เธอเป็นเด็กโปรยดอกไม้ให้ฉันนะ”
“หนูจะต้องเป็นเด็กโปรยดอกไม้ให้หม่ามี๊ด้วยค่ะ หม่ามี๊จะแต่งงานกับคุณอาองค์ชาย หนูก็เป็นเด็กโปรยดอกไม้ด้วย” ซารางยิ้มตาหยีเห็นฟันน้ำนม : “คุณอา เรารีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“หิวแล้วหรอครับ?”
“ไม่ใช่ค่ะ วันนี้หม่ามี๊กับคุณอาองค์ชายไปซื้อแหวน หนูจะกลับบ้านไปดูแหวนของหม่ามี๊ จะดูว่าแหวนของคุณครูใหญ่กว่าหรือว่าแหวนของหม่ามี๊ใหญ่กว่ากัน แล้วก็ของใครสวยกว่ากันด้วย!” เธอแทบอดใจที่จะรอให้เห็นไม่ได้แล้ว
สิ้นคำพูดของเด็กน้อยแล้วนั้น ใบหน้าของออกัสก็มืดมนลง ดนัยขมวดคิ้ว ดูแล้วคุณครูเชอร์รีนจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
คนอย่างคุณครูเชอร์รีน เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็ยากที่จะหันกลับมา……
หลังจากนั้น ดนัยก็กลับเมืองsไป ออกัสอุ้มซารางแต่ไม่ได้กลับบ้าน พาไปที่ร้านอาหารอิตาลีแทน ทานอาหารเย็นเสร็จแล้วนั้น เขาก็ให้ซารางโทรหาหม่ามี๊
ให้เธอมาที่ร้านอาหารอิตาลี…….
เรื่องบางเรื่อง เขาคิดว่า ควรจะพูดให้ชัดเจน…..
ซารางทานสเต๊กไปพลางถือโทรศัพท์ไปด้วย เสียงไร้เดียงสา ผมเปียสองข้างแกว่งไปมากลางอากาศอย่างน่ารัก
รอจนหลังจากที่ทานสเต๊กเสร็จแล้ว ออกัสก็ให้พนักงานหญิงของร้านอาหารพาเธอไปเล่นที่พื้นที่สำหรับเด็กของโรงแรม
เทไวน์แก้วหนึ่ง มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนนั้นจับแก้วใสนั่นแกว่งไปมา มองดูไวน์แดงข้นๆในแก้วไหลวน แล้วค่อยตกลงมา
สีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลานั้นหนักหน่วงมาก มืดมิดเหมือนกับท้องฟ้าที่มืดสนิทยามค่ำคืน มองไม่ออกเลยว่าเวลานี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นพักหนึ่ง
ประตูห้องก็ถูกผลักออก เชอร์รีนเดินเข้ามา สายตามองอยู่ที่ร่างของเขา : “ซารางล่ะคะ?”
เธอกับองค์ชายเพิ่งจะกลับถึงบ้าน ก็ได้รับสายจากซาราง ไม่ได้หยุดพัก เธอก็รีบมาทันที
จิบไวน์แดงในแก้วแล้ว หลังจากนั้นเขาก็หยิบการ์ดเชิญส่งให้เธอหนึ่งใบ
เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วยื่นมือเปิดออก กลับเห็นว่าเจ้าบ่าวคือดนัย และเจ้าสาวก็คือนาโน
เธอรู้ว่าทั้งสองคนคบกันแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะแต่งงานกันเร็วขนาดนี้
และในตอนที่เธอกำลังดูการ์ดเชิญอยู่นั้น ดวงตาของออกัสก็มองอยู่ที่แหวนที่เธอสวมใส่อยู่บนนิ้วเรียวนั่น
เป็นแหวนทองธรรมดาๆวงหนึ่ง รูปแบบไม่ได้ซับซ้อน กระชับ และดูสุภาพ…..
ดวงตาที่ลึกซึ้งนั่นหรี่ขึ้นมาทันที ทิ่มแทงเขาให้บาดเจ็บได้โดยไม่ต้องสงสัย อดที่จะบีบแก้วใสที่อยู่ในมือแน่นไม่ได้ หลังมือปรากฏเส้นเลือดขึ้นมา แรงเยอะเหมือนกับว่าจะบีบแก้วนั้นให้แตกละเอียดไปเลยเสียอย่างนั้น
เก็บการ์ดเชิญแล้วนั้น เชอร์รีนก็มองไปรอบๆห้อง แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ซารางล่ะคะ?”
ไม่มีคำพูดใด และยิ่งไม่มีคำตอบของเขาอีกด้วย ร่างสูงลุกขึ้นยืน ขายาวๆก้าวไปทางด้านหน้า แล้วจู่ๆมือใหญ่ของออกัสก็จับข้อมือเธอเอาไว้ และยังไม่ทันได้รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบกลับเลยนั้น ก็ถอดแหวนวงนั้นออกมา
เชอร์รีนตกตะลึงมองเขาด้วยความโมโห : “ออกัส คุณทำอะไรน่ะ!”
แววตาที่เย็นชาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ริมฝีปากบางเฉียบของเขายกขึ้น แล้วมองแหวนวงนั้นในฝ่ามือ : “แค่นี้เองหรือ…..”
“ไม่เข้าตาคุณ แต่ก็ถูกตาต้องใจคนอื่น เอาแหวนคืนมาให้ฉัน!” คำพูดของเชอร์รีนมีความโมโหปนอยู่ด้วย
ออกัสได้ยินแล้ว ก็เลิกคิ้วเย็นชานั้นขึ้น แววตาก็เปลี่ยนไปอย่างเยือกเย็น : “ที่ว่าเข้าตาคนอื่น เหอ คนอื่นนี่เกรงว่าจะเป็นอดีตภรรยาที่รักของผมใช่ไหม?”
เธอสบตาเขา ไม่ได้หลบไปเลยแม้แต่นิดเดียว พยักหน้าลง แล้วยื่นมือออกมา : “แหวน!”
“เหอะ…..” ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มขึ้น : “แต่ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินมากที่สุดก็คือคำว่าแหวนนี่แหล่ะ!”
ได้ยินแล้ว เชอร์รีนรู้สึกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องตลกและน่าขำ เขาแย่งแหวนของเธอไป แต่กลับบอกเธออย่างไม่สนใจใยดีอย่างสง่างามว่าเขาไม่อยากได้ยินคำว่าแหวนคำนี้มากที่สุด!
“คุณเอาแหวนคืนให้ฉัน หลังจากนั้นฉันก็จะอุ้มพาซารางกลับ คุณไม่อยากได้ยิน ก็คงจะไม่ได้ยินอีกแล้วนี่คะ!”
เขาเหลือบมองเธอ พลางเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา : “ผมมีวิธีที่ดียิ่งกว่าที่จะจัดการมัน อดีตภรรยาที่รักของผมอยากรู้หรือเปล่า?”
“ไม่อยากรู้เลยแม้แต่นิดเดียว คุณเอาแหวนคืนกลับมาให้ฉันก็พอแล้วค่ะ!”
เสียงเย็นชาที่ดังออกมา ใบหน้าที่เยือกเย็นของเขา แขนยาวนั้นยกขึ้น แหวนที่อยู่ในมือใหญ่นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นก็เอ่ยพูดกับเธอ : “แค่นี้ก็จบ…..”
แค่นี่ แม้แต่แหวนก็ไม่เห็นแล้ว เรื่องใหญ่สิ้นสุดลงปัญหาต่างๆก็จบลงด้วย
เชอร์รีนสีหน้าเปลี่ยน พลางกัดฟันแน่น ก้มตัวลงแล้วมองหาแหวนภายในห้องนั้นอย่างร้อนใจ
เดินไปยังศูนย์การค้าสองแห่ง สุดท้ายแล้วถึงได้เลือกแหวนรูปแบบนี้ นี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่แหวนที่เรียบง่ายเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความจริงใจขององค์ชายอีกด้วย
ในแต่ละมุมในห้องนั้นเธอก็ไม่ยอมปล่อยไปเลย ใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ เป็นที่ที่สามารถมองเห็นได้ เธอก็จะพลิกหาทั้งหมด
ออกัสเอียงศีรษะมองดู…..สีหน้าท่าทางของเธอดูร้อนใจขนาดนั้น ดูเหมือนกับเป็นของสำคัญที่สุดสำหรับเธอหายไป สำหรับที่ที่เตี้ยนั้น เธอไม่สนใจแม้กระทั่งว่าตัวเองใส่กระโปรงอยู่ ก็คุกเข่าลงไปที่พื้นแบบนั้น
แววตาของเขาเย็นชา ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียว เข้าเดินเข้าไป มือใหญ่จับแขนของเธอเอาไว้ แล้วดึงเธอขึ้นมาจากพื้น
รองเท้าที่เธอสวมอยู่นั้นค่อนข้างสูง เมื่อถูกดึงขึ้นมาแรงๆแล้ว ร่างของเชอร์รีนก็เซไปอย่างไม่มั่นคง ข้อเท้าพลิกลง และความรู้สึกเจ็บเหมือนกับเข็มแทงนั้นก็แพร่กระจายออกมาจากตรงจุดนั้น
ยืนนิ่งแล้ว สีหน้าท่าทางของเธอนิ่ง แล้วมองเขาอย่างเย็นชา : “ก่อเรื่องวุ่นวายพอหรือยังคะ?”
ออกัสไม่ชอบสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงของเธอในเวลานี้ เขาจ้องมองเธอ คำพูดที่เย็นชาและน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบาง : “แหวนวงนั้นมันสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยจริงๆหรอ?”
“อืม สำคัญ” เธอก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางเหมือนเมื่อครู่นี้เช่นเดิม สงบนิ่ง : “ถ้าหากก่อเรื่องพอแล้ว คุณก็กลับไปได้แล้วค่ะ!”
เขามองเธออย่างลึกซึ้ง คิ้วของเขาเลิกขึ้น ในแววตานั้นไม่มีความโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว มือใหญ่ดึงร่างของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด มองคางของเธอ ทำให้ทั้งสองคนสบตากัน
น้ำเสียงที่ดึงดูดและน่าฟังของชายหนุ่มนั้นทุ้มต่ำลงผิดปกติ ไม่มีความโมโห ไม่มีความมืดมนและเย็นชา แต่ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนปรากฏขึ้นมา พลางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่า : “รู้ว่าทำไมผมถึงก่อความวุ่นวายไหม สิ่งที่ผมต้องการเพียงอย่างเดียวก็คือ คุณจะไม่แต่งงานกับองค์ชาย แต่อยู่ข้างๆผม…..”
เสียงของเขาชะงักไปพักหนึ่ง ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ของออกัสเคลื่อนขึ้นลง ทั้งๆที่คำพูดเหล่านั้นมาถึงริมฝีผากบางแล้ว แต่กลับคาอยู่ตรงนั้น พูดไม่ออก
ดวงตาปิดลงเล็กน้อย หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาจึงเอ่ยพูดสามคำนั้นออกมาอย่างยากลำบาก : “ผมรักคุณ…..”
เดิมทีคิดว่าหลังจากที่พูดออกไปแล้ว จะมีความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์หรือไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งร่างกายนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลายที่หาคำมาอธิบายไม่ได้เลย
เขา ที่เป็นคนไม่ค่อยพูดคำรักๆใคร่ๆ…..
สามารถเอ่ยพูดสามคำนี้ออกมาได้ ก็เป็นเรื่องสุดยอดของเขาแล้ว
เชอร์รีนอึ้งไป แต่กลับเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เธอคิดไม่ถึง ว่าเขาจะพูดคำพูดที่ทำให้รู้สึกตกตะลึงแบบนี้ออกมาได้
แต่กลับเป็นแค่ตกตะลึงเท่านั้น เธอไม่ได้รู้สึกดีใจ แล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นๆด้วย มองเขาอย่างเงียบๆ
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของเขา เธอไม่ได้รู้สึกเชื่อเลย
ไม่มีคำพูดใดๆ และยิ่งไม่มีการเอ่ยพูดอะไรออกมาด้วย หันหลังไป แล้วเธอก็หาแหวนวงนั้นของตัวเองต่อ
เหมือนกับ….เหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูดนั้นของเขาตั้งแต่แรก…..
“ที่ผมพูด คุณไม่ได้ยินหรอ?” ปฏิกิริยาของเธอ ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
“ได้ยินค่ะ เพียงแต่ นั่นมันไม่เกี่ยวกับฉัน” คำพูดของเธอนั้นนิ่งมาก และยังคงหาแหวนของเธออยู่เช่นเดิม
เธอตัดสินใจที่จะแต่งงานกับองค์ชายแล้ว แม้แต่แหวนหมั้นก็เลือกแล้วด้วย อีกไม่นาน เธอกับองค์ชายก็จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่จริง ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ตอนที่ได้ยินเขาพูดประโยคนั้นออกมาในใจเธอนั้นไม่มีความผันแปรเลยแม้แต่นิดเดียว คงเห็นได้ชัดว่านั่นเป็นการเสแสร้ง
เธอมีการแปรปรวนจริงๆ แต่ก็ถูกควบคุมเอาไว้ได้ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่เดียว
เธอได้วางแผนที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่แล้ว เช่นนั้นทุกอย่างที่เป็นเขาก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
หรือบางที คำพูดที่เขาเอ่ยพูดออกมานี้ จะเป็นการหยอกเล่นๆแบบหนึ่งเท่านั้น
แต่เธอก็ไม่ได้แคร์แล้ว
ได้ยินแล้วนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสก็มีความมืดมนปกคลุมขึ้นมา รู้สึกเพียงแค่ว่าคำสารภาพรักของตัวเองเมื่อครู่กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว
“คุณไม่เชื่อ?”
“ฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันไม่สำคัญหรอกค่ะ ที่สำคัญคืออีกไม่นานฉันก็จะแต่งงานแล้ว เรื่องของคุณก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”
เขาจ้องมองใบหน้านั้นอย่างเย็นชา ฝ่ามือที่อยู่ข้างลำตัวนั้นกำแน่น หลังมือปรากฏเส้นเลือดขึ้นมา โมโหเสียจนยากที่จะควบคุม
เธอมุ่งมั่นที่อยากจะแต่งงานกับองค์ชายขนาดนั้นเชียวหรือ?
ถ้าหากทำได้ เขาอยากจะหักคอเรียวๆนั่นของเธอเสียจริงๆ!
มองดวงตาของเธอ ดวงตาที่ลึกซึ้งของออกัสค่อยมืดมน ขายาวขยับแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ : “สุดท้ายแล้วคุณก็ไม่ยอมเชื่อคำพูดนั้น…..”
ไม่ต้องพูดถึงเธอ ถ้าหากเป็นใคร ก็ล้วนแต่ไม่เชื่อประโยคที่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ของเขาทั้งนั้น
แม้กระทั่ง แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่มีเหตุผลให้น่าเชื่อเลยเสียด้วยซ้ำ และยิ่งมาเป็นเธอแล้วล่ะก็?
“ฉันพูดไปแล้ว ว่าเรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน……”
“บางทีคุณยังคงไม่เชื่อ แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมจำเป็นที่จะต้องพูดออกไป……” ออกัสค่อยๆเอ่ยพูดขึ้นมาทีละคำอย่างช้าๆ : “ตอนที่อยู่บนหน้าผาเมื่อสี่ปีก่อน ถึงแม้ว่าคนที่ผมเกลียดคือคุณ แต่คนแรกที่ผมช่วยก็คือคุณ ปกป้องคุณจากทุกๆด้านแล้ว ผมถึงได้ช่วยเธอ…..”
แท้ที่จริงแล้ว ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจ การช่วยชีวิตในครั้งนั้น ไม่ใช่เพราะบ้า แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณ
ได้ยินแล้ว เชอร์รีนก็ชะงักการเคลื่อนไหวที่มือลง แล้วลุกขึ้น มองสบตาเขา
เกี่ยวกับเรื่องที่หน้าผาเมื่อสี่ปีก่อน เธอไม่เคยเข้าใจมาโดยตลอด ไม่สิ เธอเคยอยากที่จะไปทำความเข้าใจ แต่เขาไม่ให้โอกาสเธอเลยต่างหาก