ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 212 หาเรื่องใส่ตัว ก็หนีไม่พ้น
ได้ยินแล้ว เท้าของเชอร์รีนก็ขยับเดินออกไปทางด้านนอกห้อง และในตอนที่เธอกับเขากำลังจะผ่านกันไปนั้น ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็จับข้อมือของเธอเอาไว้อย่างแรง
อารมณ์ตกต่ำและเคร่งขรึมของออกัสได้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันสนิท รับรู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร ก็ล้วนเกินกว่าจะเลี่ยงได้เช่นกัน
“ที่จริงแล้วผมไม่ใช่คนที่ถนัดเรื่องความรู้สึกนัก แม้กระทั่งสามารถใช้คำว่าโง่เลยก็ได้ ผมกับหยาดฝนเติบโตขึ้นมาด้วยกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอก็คือผู้หญิงคนแรกที่ผมรัก
แต่หลังจากที่แต่งงานกับคุณ หลังจากนั้นในทุกๆวันอยู่ด้วยกันกับคุณก็ถูกคุณดึงดูดทีละนิดๆอย่างไม่รู้ตัว
คุ้นเคยกับชีวิตที่มีคุณและลมหายใจที่ส่งออกมาของคุณ เพียงแต่กลับไม่รู้ตัว
หรือจะพูดได้ว่าผมไม่เคยคิดอย่างจริงจังเลยมาก่อน ว่าอยู่ด้วยกันกับคุณมาเพียงแค่ไม่กี่เดือน คิดว่าเกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่ขึ้นมาเพียงเท่านั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันคือความรัก ความรักที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนจะกลับต้านความรักเป็นสิบปีนั่นเอาไว้ได้
ตอนที่อยู่บนหน้าผาถึงแม้จะโมโหแต่กลับช่วยคุณขึ้นมาก่อนตอนนั้น ในใจรู้สึกปลอดภัยและกลับรู้สึกสงบอย่างแท้จริง ผมรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว คุณไม่สามารถจินตนาการถึงความตกตะลึงและความรู้สึกถึงการต้องมาตำหนิตัวเองที่มีต่อหยาดฝนได้เลย……”
ดวงตาหรี่ลง น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งทุ้มต่ำมากขึ้น :
“มิเช่นนั้นแล้ว ผมคงไม่ซื้อเครื่องสำอางไปให้คุณ แล้วก็คงไม่ใช่ว่าหลังจากกลับบ้านมาจากที่ไปเจอเธอมาเมื่อตอนดึกแล้วคุณถามผมว่าผมไปไหมมาแต่ผมกลับโกหก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแบบนี้หรือว่าพฤติกรรมแบบนี้ ก็ไม่ควรจะเป็นพฤติกรรมของผมเลย ผมไม่ใช่คนที่อารมณ์อ่อนไหวหรือใจดำแบบนี้…..”
เพียงแค่วันนี้ เขากลับทำลายกฎเกณฑ์ไปมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นครั้งแรก ครั้งที่พูดคำว่ารัก ครั้งแรกที่อธิบายเรื่องๆเดียวอย่างมากมายขนาดนี้
ถึงที่สุดแล้ว ประโยคเดียว ตัวเองหาเรื่องใส่ตัวแล้วก็คงหนีไม่พ้น…..
ขนตาไหวติง และร่างของเธอสั่นเทาเล็กน้อย เธอไม่ได้หันกลับมามองเขา สีหน้านิ่งเฉย เพียงแค่ผลักมือใหญ่หนาออกจากการตรึงอยู่ของเขา : “อาจจะเป็นไปได้ค่ะ ฉันไปรับซารางกลับบ้านก่อนนะคะ เขากำลังรออยู่ที่บ้าน…..”
เขาที่ว่านี้หมายถึงใครนั้นชัดเจนมาก คำพูดเรียบง่ายหนึ่งคำ แต่กลับทำให้ทั้งร่างของออกัสนั้นตึงเครียด ราวกับแทบจะตายเพราะความตึงเครียดนี้แล้ว
ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหว ใบหน้าของเขาจมดิ่งลงเหมือนกับท้องฟ้าที่มืดสนิท จ้องมองเธอ มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนเอาแหวนวงนั้นวางลงบนฝ่ามือของเธอ
แหวนอยู่ในฝ่ามือของเขาอยู่นาน สัมผัสกับอุณหภูมิร่างกายของเขา แต่กลับสามารถทำให้ฝ่ามือหนานั้นรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก
“ผมจะไม่ยอมปล่อยไปแบบนี้ แล้วยิ่งจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวไปแบบนี้ด้วย…..” สุดท้ายแล้ว เขามองเธอ แล้วทำได้เพียงเอ่ยพูดออกมาประโยคแบบนี้เท่านั้น : “ผมต้องการคุณ……”
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน นั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของคุณเท่านั้น แค่นี้เท่านั้นเองค่ะ”
หลุดพ้นจากมือของเขาแล้ว จึงเดินออกมาจากห้อง เชอร์รีนให้พนักงานพาเธอไปพื้นที่สำหรับเด็ก ซารางกำลังเล่นสไลด์เดอร์อยู่ ใบหน้าเล็กๆนั่นเป็นสีชมพู
เห็นเธอแล้ว ก็โบกมือเล็กๆที่ขาวเนียนทั้งสองข้างแล้วพุ่งเข้ามาหาอ้อมกอดของเธอ พลางเอ่ยเรียกขึ้นด้วยความตื่นเต้น : “หม่ามี๊”
สวมรองเท้าให้เธอแล้ว เชอร์รีนก็อุ้มเธอออกมาจากพื้นที่สำหรับเด็ก ออกัสกลับรออยู่ตรงด้านนอกประตูหมุนของร้านอาหารแล้ว ด้านนอกนั้น ฝนลงเม็ดอีกครั้ง ฝนตกแรงมาก เหมือนกับเทกระหน่ำลงมาอย่างไรอย่างนั้น
บนถนนมีคนเดินอยู่น้อยมาก ส่วนรถแท็กซี่ที่ไปไปมามานั้นก็มีคนนั่งเต็มไปหมดแล้วเช่นกัน แทบจะโบกรถไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
ซารางดึงแขนของเธอ อยากจะลงมา เธอคิดว่าซารางอยากจะเข้าห้องน้ำ จึงปล่อยเธอลงมาที่พื้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าร่างเล็กของเธอจะขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างเบาะคนขับบนรถยนต์สีดำ และยังโบกมือให้กับเธอด้วยความตื่นเต้น : “หม่ามี๊ รีบขึ้นรถเร็วค่ะ”
ถ้าหากยืนอยู่ตรงนี้อีก กลัวว่าอีกสองชั่วโมงก็คงจะโบกรถไม่ได้ ในที่สุดเธอขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลัง
ซารางเปิดCDอยู่ในรถ หลังจากนั้นเจ้าหัวล้านก็ออกมา เธอมองดูอย่างไม่กะพริบตา และหัวเราะคิกคักออกมาเป็นบางครั้ง
ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่อยู่ในรถนั้นกลับไม่มีคำพูดใดๆ ไม่มีใครเอ่ยพูดออกมา
ฝนด้านนอกหน้าต่างนั้นยิ่งตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อเป็นสายน้ำ ไหลลงมาตามหน้าต่างรถ หลังจากนั้นพักหนึ่ง ก็มาถึงเขตย่านที่อยู่อาศัย
รถจอดไม่ถึงทางเข้าตรงบันไดของเขตย่านที่อยู่อาศัย ระยะห่างที่ใกล้ที่สุดก็จอดได้ตรงแค่แปลงดอกไม้ตรงทางเข้าเพียงเท่านั้น ยังมีระยะห่างอยู่อีกช่วงหนึ่ง ถอดเสื้อคลุมสีดำบนร่างลงมาแล้วหันกลับไปส่งให้เธอ : “เอาคลุมไว้”
เชอร์รีนมองเขา ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แล้วถอดเสื้อคลุมบนร่างของตัวเองออกมา แล้วอุ้มซารางขึ้นมาจากตรงเบาะที่นั่งข้างคนขับ
หลังจากนั้น เธอก็ดึงประตูลงจากรถ แล้วเธอก็ต้องเผชิญกับฝนตกหนักขึ้นมาในทันที และในทันทีที่เธอลงมาจากรถ ออกัสเองก็ลงมาจากรถด้วยในขณะเดียวกัน เขาจับข้อมือเธอเอาไว้ หลังจากนั้นก็เอาเสื้อคลุมคลุมลงบนร่างของเธอ ห่อร่างของเธอกับซารางเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้วถึงได้ปล่อยมือ
ริมฝีปากขยับ เชอร์รีนเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจและห่างเหิน : “ขอบคุณค่ะ”
คิ้วของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย แล้วไม่ได้เอ่ยพูดออกมา หลังจากที่ยืนอยู่ตรงที่เดิมมองเธออุ้มซารางหายไปจากสายตาแล้วนั้น มือใหญ่ถึงได้เช็ดหยดน้ำบนหน้าออกแล้วเดินเข้าไปในรถ
และร่างของเขาก็แทบชื้นไปหมดแล้ว เสื้อเชิ้ตเปียกจนแนบร่างกายไปหมด หน้าอกแน่นๆและแข็งแรงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อออกมา
แม้กระทั่ง กางเกงสูทก็ยังคงมีน้ำหยดอยู่ด้วย มือใหญ่จับกางเกงสูทนั้นบิดน้ำออก ไม่ได้กลับไป ร่างสูงนั่งพิงเบาะอยู่แบบนั้น
ดวงตาจ้องมองไปที่หน้าต่างที่มีไฟสว่างอยู่ สีหน้าของเขาเงียบขรึม มือใหญ่ที่เป็นข้ออย่างชัดเจนคีบบุหรี่อยู่หนึ่งมวน จุดไฟ ตาข้างซ้ายหรี่ลงเพราะถูกควันบุหรี่ที่ลอยวนเวียนขึ้นไปด้านบน
สูบบุหรี่ติดต่อกันทีละมวนทีละมวน แล้วซักพักก้นบุหรี่ก็เกือบจะเต็มที่เขี่ยบุหรี่แล้ว
ภายในห้อง
ร่างของซารางนั้นไม่เปียกเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนเธอนั้นก็เปียกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเช่นกัน เสื้อคลุมสีดำที่อยู่บนร่างเธอนั้นกลับเปียกโชก
หลังจากที่บอกฝันดีกับองค์ชายแล้วนั้น ซารางก็หลับไปด้วยความง่วง เชอร์รีนมองดูเสื้อคลุม แล้วไปห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็เริ่มซักเสื้อคลุม แล้วสะบัดออก
เสื้อคลุมยังคงชื้นๆอยู่ เธอหยิบเสื้อคลุมไปที่ระเบียง แล้วเอาแขวนไว้
และกลับมาที่ห้องอีกครั้ง ซารางนอนหลับสนิท พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องเตรียมบทเรียน และราวกับว่าเธอจำอะไรขึ้นมาได้ จึงพลิกดูวันที่บนการ์ดเชิญ เป็นวันมะรืนนั่นเอง
เธอรีบเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วจองตั๋วเครื่องบินในวันพรุ่งนี้ ผลปรากฏว่าไม่มีตั๋วแล้ว จะไปรถไฟความเร็วสูงก็ไม่มีตั๋วอีกเช่นกัน ไม่มีวิธีอื่นแล้วเธอจึงทำได้เพียงแค่ต้องจองตั๋วรถไฟเท่านั้น
จากนั้น เธอก็โน้มตัวลงไปดึงหน้าต่าง สายตากลับมองเห็นรถคันสีดำคนนั้นที่จอดอยู่ตรงแปลงดอกไม้อย่างไม่ตั้งใจ
เธออดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เขายังไม่ไปเหรอ?
แต่ หลังจากนั้นเธอก็ยับยั้งความคิดของตัวเอง เขาจะไปหรือไม่ไป ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ?
เธอดึงผ้าม่าน แล้วกอดซาราง หลับตาลง ถึงแม้ตอนแรกจะดูสับสนวุ่นวายอยู่บ้าง ไม่สามารถข่มตาหลับได้ หลังจากนั้นพักหนึ่งถึงได้หลับลงได้
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
เธอทำอาหารเช้าตอนเช้าตรู่ เรียกซารางตื่นแล้ว หลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้วนั้น ก็เตรียมอาหารของสองสามวันนี้เอาไว้เรียบร้อย
แต่กลับยังคงรู้สึกไม่วางใจองค์ชายอยู่บ้าง วางแผนเอาไว้ว่าจะพาเขากลับไปที่เมืองsด้วยกัน แต่องค์ชายกลับยิ้มแล้วปฏิเสธเธอ
เขาไม่ใช่เด็กสามขวบ ถึงแม้ขาจะไม่สามารถขยับได้ แต่ก็ยังมีรถเข็นอยู่ ขอให้เธอไม่ต้องกังวล ควรจะไปทำอะไรก็ให้เธอไปทำ