ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 213 ความจริงแล้วไม่ต้องดีที่สุด
เพราะถึงอย่างไรนับวันนี้ด้วยแล้ว ไปแค่สองวันเท่านั้น หลังจากที่เชอร์รีนกำชับซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ถึงได้รู้สึกวางใจแล้วพาซารางออกไป
รถคันนั้นยังคงจอดอยู่ตรงข้างแปลงดอกไม้ เห็นร่างของเธอแล้ว ออกัสจึงเดินออกมา : “ขึ้นรถครับ”
นอนบนรถ ผมของเขาและร่างกายของเขาดูจะยุ่งเหยิงอยู่บ้าง เสื้อเชิ้ตมีรอยพับอยู่ไม่น้อย ดวงตาที่ลึกซึ้งนั้นเส้นเลือดแดงบางๆ แต่กลับไม่ได้เป็นการทำลายความหล่อเหลาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“พวกเราไปสถานีรถไฟ ไม่จำเป็นต้องขึ้นรถหรอกค่ะ คนละทางกันเลย”
กลิ่นบุหรี่ที่ส่งออกมาจากร่างของเขา เชอร์รีนย่นจมูกอย่างรู้สึกไม่สบายนัก
“ตั๋วรถไฟของคุณถูกยกเลิกไปแล้ว ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อเรียบร้อยแล้วด้วย ขึ้นเครื่องตอนสิบโมงตรง เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” เขามองเวลา
“คุณมีสิทธิอะไรมาช่วยคนอื่นตัดสินใจโดยพลการแบบนี้?” สีหน้าท่าทางของเธอนิ่งมาก แต่กลับดูกำลังถูกโดนก่อปัญหา
ริมฝีปากบางของออกัสกระตุก เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆและระงับอารมณ์กับคำพูดเอาไว้ : “ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ แต่เป็นดนัยต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจ คุณกลับไปเมืองsก่อนแล้วค่อยไปโมโหเขาก็แล้วกัน”
ได้ยินแล้ว เชอร์รีนก็ไม่มีอะไรจะพูดออกมา เขากลับรับตัวซารางที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอไป แล้วพาเข้าไปนั่งในรถ เธอจึงต้องเดินตามขึ้นรถไปนั่งทางด้านหลังด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซารางไอออกมา มือเล็กๆที่ขาวเนียนนั้นขยี้จมูก : “คุณอา เหม็นมากเลยค่ะ แสบจมูกจัง”
ควันในรถนั้นยังกระจายออกไปไม่หมด แรงยิ่งกว่ากลิ่นบนร่างของเขาเสียอีก และไม่แปลกใจเลยที่ซารางบอกว่าแสบจมูก เชอร์รีนได้กลิ่นแล้วก็อดที่จะจามออกมาไม่ได้ นี่เขาสูบบุหรี่ไปขนาดไหนกันแน่?
เปิดกระจกรถขึ้น น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของออกัสเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยน : “อดทนอีกแป๊ปนึงนะครับ โอเคไหม?”
“คุณอาต่อไปไม่ต้องสูบบุหรี่แล้วได้ไหมคะ หนูไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เลย”
“ได้สิครับ….” เขาตอบรับโดยไม่มีการลังเล
เชอร์รีนเห็นที่เขี่ยบุหรี่ที่ยัดแน่นเต็มโดยไม่ได้ตั้งใจ เชอร์รีนก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว สูบมากขนาดนั้น ก็ไม่แปลกใจแล้ว
ถึงสนามบิน เธอนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ เขาอุ้มซารางเอาแล้วแล้วเดินไปรับตั๋วเครื่องบิน สายตาจากคนรอบข้างโฟกัสมาทางเขาจำนวนไม่น้อย
ตั๋วที่ซื้อนั้นเป็นตั๋วชั้น1 First class ซารางไม่เคยนั่งชั้น1 First classเลยมาก่อน มองไปรอบๆ จับนู่นจับนี่ไม่ต้องพูดเลยว่าเบิกบานใจมากแค่ไหน
แต่ออกัสกลับเอนเบาะแล้วนอน ราวกับว่าดูไม่สบายอยู่บ้าง ใบหน้าหล่อนั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน
แอร์โฮสเตสเดินเข้ามา แล้วเอ่ยถามเขาว่าต้องการดื่มอะไร แต่กลับเห็นเขาหลับตาอยู่นั้น คิดว่าเขาหลับไปแล้ว หลังจากที่เอ่ยถามไปเพียงครั้งเดียว ก็คิดจะเดินออกมา
แต่ใครจะรู้ว่าริมฝีปากบางของเขากระตุกขึ้น แล้วเอ่ยออกมาหนึ่งคำ : “ไวน์”
เชอร์รีนนั่งอยู่ข้างๆเขา เห็นความไม่สบายนี้ของเขาอยู่แล้ว เดิมทีที่ไม่คิดอยากจะถาม แต่เห็นแก่เสื้อคลุมเมื่อวานแล้ว เธอจึงยื่นมือออกไป ร้อนมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นไข้แล้ว อีกทั้งยังไข้สูงมากด้วย แล้วยังจะดื่มไวน์อีก?
“รบกวนเปลี่ยนจากไวน์เป็นน้ำอุ่นแก้วนึงนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยพูดกับแอร์โฮสเตส หลังจากนั้นก็หายาแก้หวัดของเด็กในกระเป๋าที่เอาติดตัวมาด้วยโยนไปที่ร่างของเขา
“หม่ามี๊ คุณอากินยาของหนูได้เหมือนกันเหรอคะ?” ซารางกระพริบตา
ได้ยินแล้วนั้นดวงตาเรียวก็ค่อยๆหรี่มอง ตอนที่เหลือบมองยาแก้หวัดของเด็กที่อยู่บนขาของตัวเองนั้น คิ้วของออกัสก็ขยับอยู่บ้างเล็กน้อย ร่างสูงลุกขึ้นมานั่ง แล้วเปิดยาแก้หวัดของเด็ก แล้วกินไปสองซองภายในครั้งเดียว
แอร์โฮสเตสเห็นผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้ากินยาแก้หวัดของเด็กแบบนั้นแล้วก็อดที่จะชะงักไปบ้างไม่ได้ แต่ท่าทางการกินยาของเขานั้นเซ็กซี่มากจริงๆ
เสื้อพันขึ้นจนถึงแขน ลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลง แขนที่ถือแก้วน้ำอยู่นั้นมีลายเส้นที่สวยงาม เส้นเลือดผุดขึ้นมาเล็กน้อย
มองดูเขาดื่มยาแล้ว สายตาของเชอร์รีนมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ซารางปรบมือเล็กๆทั้งสองข้างของเธอ ดูเหมือนกับกำลังมองดูฮีโร่อยู่เลยอย่างไรอย่างนั้น : “คุณอาเก่งจังเลยค่ะ ยาขมแบบนั้น คุณอาไม่ได้กระพริบตาเลย!”
เธอกลัวการกินยามากที่สุด ทุกครั้งที่กินยาจะต้องถูกหม่ามี๊บังคับ แต่คุณอาไม่เหมือนกัน ไม่ต้องให้หม่ามี๊บังคับเลย
ริมฝีปากบางเป็นส่วนโค้งขึ้นมา ออกัสหรี่ตา ไข้สูงทำให้เขายิ่งดูไม่สนใจอะไรมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงดึงดูดคนได้อย่างพอเหมาะพอดี : “คุณอาเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่หรือเปล่า?”
“เป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่มากเลยค่ะ”
อุ้มเธอขึ้นมาให้เธอนั่งอยู่ตรงระหว่างเอวของเขา พลางเอ่ยถามขึ้น : “ยิ่งใหญ่ขนาดไหนครับ?”
คิดอยู่นาน มือเล็กๆของซารางก็ชี้ไปที่เครื่องบิน : “สูงเหมือนกับเครื่องบิน แล้วก็ยิ่งใหญ่เหมือนกับอุลตร้าแมนด้วยค่ะ!”
หน้าอกสั่นไหว เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้น มือใหญ่ออกัสบีบใบหน้ารูปไข่ของเธอ
ถึงที่สุดแล้วจะเป็นไข้สูง แต่ซักพักหนึ่ง เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง แล้วหลับสนิท เชอร์รีนอุ้มเชอร์รีนออกมาจากร่างของเขา
เป็นแบบนี้ออกัสหลับมาตลอดตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนกระทั่งเครื่องจอดก็ไม่ตื่นขึ้นมาเลย
ในที่สุดเครื่องบินลงจอดแล้วนั้น เชอร์รีนก็ดันแขนของเขาอยู่สองสามครั้ง เขย่าให้เขาตื่น: “ลงเครื่องได้แล้วนะคุณ”
ลุกขึ้นมา ออกัสอุ้มซารางขึ้นมา คนขับรถรออยู่ด้านนอกสนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชอร์รีนจะนั่งรถแท็กซี่ แต่ซารางกลับไม่ยอมปล่อยมือจากออกัสเลย
“คุณอาน่าสงสาร หนูจะไปกับคุณอาค่ะ คุณอาตัวร้อนมากเลย เหมือนกับเตาไฟเลยค่ะ!”
ออกัสเหลือบมองเธอ แล้วขึ้นรถไป ซารางเองก็ตามเข้าไปนั่งด้วย เชอร์รีนจึงต้องเข้าไปนั่งด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
ฤดูร้อนของเมืองsกับเมืองทะเลหทัยไม่สามารถเทียบกันได้เลย เมืองทะเลหทัยฝนตกติดต่อกัน แต่เมืองsยังคงมีแดดจ้า
ตลอดทาง ซารางไถ่ถามทุกข์สุขของเขาไม่หยุด เหมือนกับผู้ใหญ่ตัวเล็กๆที่ทั้งคอยส่งน้ำทั้งแตะหน้าผาก และยังบอกว่าหม่ามี๊ใจร้าย ไม่สนใจคุณอา คุณอาเอาเสื้อให้กับเธอกับหม่ามี๊ด้วยใบหน้าที่ไม่ชอบใจนัก
รถจอดอยู่หน้าตึกคอนโด ตรงข้ามเป็นร้านยา เชอร์รีนซื้อยามาสองกล่องวางไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง แล้วพาซารางจากไป
เอายามาเล่นอยู่ในมือตรงหว่างนิ้ว ออกัสรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ออกมาจากจมูกของเขาว่าร้อนมาก คนขับรับเอ่ยพูดขึ้น : “ท่านประธานครับ คุณหญิงให้กลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ครับ”
“อืม……” เสียงเล็ดลอดออกมา เขาหลับตาลงแล้วงีบหลับไป
สุนันท์นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เห็นเขาเดินเข้ามาแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้น : “สองสามวันนี้ยุ่งเหรอ? ไม่กลับคอนโดเลย?”
มือใหญ่ของเขานวดอยู่ตรงหว่างคิ้ว แล้วพยักหน้าลง : “ยุ่งอยู่บ้างครับ ทำไมเหรอครับแม่?”
“ฉันอยากจะมาพูดเรื่องสิทธิการเลี้ยงดูลูก แกวางแผนเอาไว้อย่างไร? ต้องการ หรือว่าไม่ต้องการ?”
เขานั่งลงบนโซฟา แล้วดื่มน้ำอุ่น พลางตอบกลับด้วยเสียงที่แหบมาก : “ไม่ต้องการครับ”
ได้ยินแล้ว สุนันท์ก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย ตอนช่วงนั้นไม่ใช่ว่าแสดงออกมาว่าอยากจะได้สิทธิเลี้ยงดูมาตลอด แล้วทำไมถึงไม่ต้องการแล้วกัน?
แต่ไม่ต้องการนั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ต่อไป รอให้เขาแต่งงาน อยากจะมีลูกกี่คนก็ได้ทั้งนั้น ไม่แคร์คนนั้นเพียงคนเดียว
“ได้ยินเสียงแกแล้วทำไมดูไม่ปกติเลยล่ะ เป็นหวัดเหรอ รีบให้คุณหมอมาดูซะ” สุนันท์รีบเอ่ยขึ้น
พักอยู่ที่บ้านหนึ่งคืน ตอนกลางคืนซารางไม่ได้นอนกับเชอร์รีน แต่นอนด้วยกันกับกนกอร
ไม่ได้เจอกันนาน กนกอรคิดถึงมาก และซารางเองก็ร้องจะนอนกับคุณยายด้วยเช่นกัน
อาบน้ำ ล้มตัวลงนอน ก็มีข้อความหนึ่งส่งมาหาเธอ เธอกดเปิดโทรศัพท์มือถือ เป็นข้อความที่สั้นๆกระชับ : นอนหรือยังครับ? ทานยาเรียบร้อยแล้ว…..
อ่านแล้วเธอก็เอาโทรศัพท์มือถือวางเอาไว้ข้างๆ ไม่ได้สนใจ ซื้อยาให้แล้ว จะกินหรือไม่กินนั่นก็เรื่องของเขา