ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 218 แหวนวงนี้ให้คุณ
ยิ่งแม้กระทั่ง เขาก็คิดไปถึงตอนที่เธอสวมแหวนที่ตัวเองเลือกวงนี้ สวมใส่ชุดแต่งงานที่ตัวเองเป็นคนเลือกเพื่อเธอ ภาพแบบนั้นถึงจะเป็นเพียงจินตนาการ แต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่งดงาม
ในหัวเหมือนกับถูกทิ้งระเบิดเอาไว้หนึ่งลูก และเกิดเสียงดังขึ้นมา จากนั้นทุกอย่างก็ว่างเปล่า
หลังจากที่ความว่างเปล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันห้าถึงหกวินาทีแล้ว เชอร์รีนก็ดึงความรู้สึกตกตะลึงที่วิ่งไปไกลกลับมา ยังไม่ได้เอ่ยพูดขึ้น ออกัสก็เอ่ยพูดขึ้นต่อ
“เมื่อสีปีก่อนคนที่ผมรักไม่ใช่คุณจริงๆ แต่สี่ปีหลังจากนั้นผมกลับมั่นใจว่าคนที่ผมรักนั้นคือใคร เกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อนผมเองก็จะไม่อธิบายเพื่อเป็นการหักล้างมันอีกแล้วเหมือนกัน แต่นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปผมจะใช้การกระทำของผมพิสูจน์ในสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้นี้ แล้วเจตนาของผมก็เข้าใจและชัดเจนด้วยว่า ต้องการเพียงแค่คุณ…..”
คำพูดทีละคำพูดออกมาอย่างเชื่องช้า แต่กลับเหมือนเสียงขิมที่ลึกซึ้งกระแทกเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจอย่างไรอย่างนั้น
คนทั้งคนเหมือนกับถูกดวงตานั้นดูดเข้าไป เธอมองเขา หัวใจเต้นแรง
ขายาวขยับเล็กน้อย เดินมาทางด้านหน้า มือใหญ่ของออกัสเอามือของเธอวางลงบนฝ่ามือใหญ่ หลังจากนั้นเขาก้มลงมอง แล้วสวมแหวนวงนั้นให้เธอ
เดิมทีนิ้วมือเรียวขาวเนียนนั้น เมื่อแหวนวงนั้นกระทบกับการหักเหของแสงจนมีหลากสีแล้วเมื่ออยู่บนมือของเธอก็ยิ่งงดงามมากขึ้น
ราวกับถูกของแข็งที่ร้อนและทิ่มแทงอย่างไรอย่างนั้น ขนตาของเชอร์รีนไหวติงเล็กน้อยแล้วรีบดึงมือออกมา ถอดแหวนเพชรวงนั้นออกแล้ววางเอาไว้บนตู้ที่อยู่ข้างๆ
“หัวใจของฉันมีแหวนที่ตัวเองอยากได้แล้ว แหวนวงนั้นของคุณ ไม่จำเป็นสำหรับฉัน และฉันก็ไม่ได้ต้องการด้วย”
สิ้นเสียงแล้ว เชอร์รีนก็ไม่ได้เอ่ยขึ้นมาอีก แล้วก็ไม่ได้มองเขาอีกด้วยเช่นกัน เธอเดินออกมาจากห้องรับแขกแล้วกลับออกไป
แหวนวงนั้นไม่ได้วางเอาไว้ดีๆ เธอเพิ่งเดินออกไปได้สองก้าว ก็ได้เพียงเสียงของหล่นลงมา แหวนหล่นลงกระทบหินอ่อน
ดวงตาเรียวนั้นค่อยๆหรี่ขึ้นอย่างช้าๆ ออกัสมองแหวนที่หล่นอยู่ที่พื้น ไม่ได้เก็บขึ้นมา เพียงแต่มองอยู่แบบนั้น
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ร่างสูงจึงก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วบีบเอาไว้อยู่ในฝ่ามือ
หัวใจของฉันมีแหวนที่ตัวเองอยากได้แล้ว แหวนวงนั้นของคุณ ไม่จำเป็นสำหรับฉัน และฉันก็ไม่ได้ต้องการด้วย…..
แหวนที่เธออยากได้ก็คือขององค์ชาย หรือว่าคนที่เธอต้องการคือองค์กร?
ส่วนเขา แหวนของเขา เธอไม่ต้องการ และก็ไม่อยากได้อย่างนั้นหรือ?
มือที่ถือแหวนเพชรอยู่นั้นกำหมัดแน่น หลังมือของเขามีเส้นเลือดผุดขึ้นมา ความหงุดหงิดและความอิจฉาเกิดขึ้นในใจอย่างยากที่จะหาคำมาอธิบายได้อย่างบ้าคลั่ง
ออกัสกลืนน้ำลายลงไป ใบหน้าหล่อเหลาปกคลุมไปด้วยความมืดมนและความเย็นชา มือใหญ่ยกขึ้นแล้วโยนแหวนเพชรทิ้งลงในถังขยะ
เชอร์รีนนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดลงแล้ว อารมณ์ของเธอก็ใจลอยออกไปด้วย
อาการใจลอยนี้เกิดขึ้นมาตลอดจนรถจอดลงแล้วเธอก็ยังไม่ดึงสติกลับมา จนคนขับรถแท็กซี่เรียกเธออยู่หลายครั้ง เธอถึงได้ดึงอารมณ์กลับมาได้
เอ่ยพูดขอโทษแล้วเชอร์รีนก็ยื่นเงินส่งให้คนขับรถ ลงจากรถมา กนกอรและจักรกฤษยังไม่นอน
เห็นเธอเดินเข้ามาคนเดียว กนกอรมองไปทางด้านหลังเธอ แล้วขมวดคิ้วขึ้น : “ซารางล่ะ?”
“เขารับไปแล้วค่ะ เราคุยกันแล้ว เขามีสิทธิมาเยี่ยมซารางได้ แต่สิทธิการเลี้ยงดูอยู่ที่หนู”เธอถอดรองเท้าส้นสูงออก
เขา กนกอรรู้อยู่แล้วว่าหมายถึงใคร จึงตอบรับแล้วก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
“พี่ล่ะคะ?”นวดเท้าที่ปวดเมื่อยแล้วเชอร์รีนก็นั่งลงบนโซฟา บนโต๊ะชานั้นมีแตงโมที่หั่นเอาไว้เรียบร้อยแล้ววางอยู่ เธอหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
“ออกไปกับพี่สะใภ้ลูกแล้ว เขาดูแลได้หรือเปล่า? รู้ว่าซารางชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไรไหม? ซารางเห็นเขาแล้วจะรู้สึกกลัวคนแปลกหน้าหรือเปล่า? จะร้องไห้ไหม?”
จิตใจของกนกอรนั้นอยู่ที่ซาราง ซารางของเธอนอกจากที่นี่และเมืองทะเลหทัยแล้วก็ไม่เคยไปค้างคืนที่อื่นเลย เธอรู้สึกไม่วางใจ
“แม่คะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ซารางไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีไป”กนกอรพยักหน้าลงราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเอ่ยขึ้น : “แม่กับพ่อให้คนเลือกวันเอาไว้แล้วนะ หลังจากนี้อีกยี่สิบวัน”
ได้ยินแล้วมือที่หยิบแตงโมอยู่นั้นชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าท่าทางก็ดูแข็งทื่อตามไปด้วยเช่นกัน : “เหรอคะ?”
“ใช่น่ะสิ ลูกกับองค์ชายเตรียมเรื่องของพวกเรากันเอาไว้ด้วยนะ ที่เหลือก็ส่งต่อมาให้แม่กับพ่อ แม่กับพ่อคิดกันแล้ว ญาติๆของเราอยู่ที่เมืองsกันหมด เพราะฉะนั้นก็จัดงานเลี้ยงที่เมืองsนี่จะดีกว่า ลูกว่ายังไงบ้าง?”
เธอกัดแตงโมงไปหนึ่งคำ แล้วก็กัดโดนลิ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ รู้สึกเจ็บมาก แล้วสูดหายใจเข้าเล็กน้อย : “ก็ดีค่ะ”
“ตอนนี้ก็ยังไม่ต้องไปสอนชั่วคราวก่อนแล้วกัน ช่วงนี้เรื่องที่จะต้องยุ่งค่อนข้างเยอะ แยกตัวไปทำไม่ได้อยู่แล้ว”
“ค่ะ”สีหน้าท่าทางบนใบหน้าของเชอร์รีนกลับไปนิ่งเหมือนกับตอนแรก : “หนูรู้แล้วค่ะ พรุ่งนี้หนูจะกลับเมืองทะเลหทัย แล้วไปเตรียมการกับองค์ชาย”
กนกอรพยักหน้าลง นั่งลงบนโซฟาแล้วบ่นพูดขึ้นกับตัวเอง : “ไม่รู้ว่าซารางจะกินอะไรแล้วหรือยัง”
จักรกฤษเองก็มีใบหน้าจนปัญญาเช่นกัน แต่ในใจกลับคิดถึงเจ้าเด็กน้อยจอมก่อกวนนั่นอยู่บ้างจริงๆ
หลังจากที่อยู่ดูทีวีด้วยกันซักพักแล้ว เชอร์รีนก็กลับห้อง แล้วแช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่างเป็นครึ่งชั่วโมงถึงได้เดินออกมา
ไม่รู้สึกง่วงนอน นั่งลงตรงด้านหน้าหน้าต่าง ในมือเปิดหนังสือไปเรื่อยๆ เพียงแค่พลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือ หัวใจไม่เพียงแต่ไม่ได้สงบลงเพียงเท่านั้น แต่กลับยิ่งรู้สึกว่า….จิตใจวุ่นวาย….
เปิดหน้าต่าง หลับตาลงเงียบๆ เชอร์รีนรู้สึกถึงลมร้อนๆที่พัดมา แล้วหัวใจก็ค่อยๆสงบลง
เธอเอ่ยพูดกับตัวเองในใจ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องพยายามรักองค์ชายให้ได้มากที่สุด…..
เช้าวันรุ่งขึ้น
ตอนทานอาหารเช้า กนกอรกำลังพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ พูดกับเชอร์รีนถามเธอว่าเมื่อไหร่จะพาซารางกลับมา
รับกลับมาแล้วก็ไม่ต้องพากลับเมืองทะเลหทัยอีก ให้อยู่ที่นี่ เธอจะดูแล แล้วให้เชอร์รีนไปยุ่งจัดการเรื่องของตัวเอง
โรงเรียนอนุบาลจะปิดเทอมก่อนประถมและมัธยม อีกสองวัน ซารางก็จะปิดเทอมช่วงฤดูร้อนแล้ว ไม่ต้องกลับไปที่เมืองทะเลหทัยอีก เธอเอ่ยขึ้น : “รอให้เขาโทรมาหาหนูก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวหนูบอกพ่อกับแม่อีกที หนูขึ้นเครื่องสิบเอ็ดโมง ทานอาหารเช้าเสร็จก็จะไปเลยนะคะ”
กนกอรไม่ได้สนใจว่าเธอจะไปหรือไม่ไปเสียหน่อย เพียงแต่ย้ำเรื่องที่ให้พาซารางของเธอกลับมาซ้ำๆเพียงเท่านั้น
เชอร์รีนดูท่าทางแล้ว ก็คือเธอไม่ต้องกลับมาแล้วก็ได้ แต่ซารางจะไม่กลับมาไม่ได้แบบนั้น เธอรู้สึกจนปัญญา แต่กลับรู้สึกขำ
ทานอาหารเช้าแล้ว ก็เอาของที่กนกอรเตรียมเอาไว้ให้องค์ชายแล้วออกไป
อีกทางด้านหนึ่ง
หลังจากที่ซารางตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นหม่ามี๊ก็ไม่ร้องไห้งอแง แล้วก็สวมใส่กระโปรงเอง
ออกัสอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับที่เขาประกาศเมื่อวานนี้เรื่องที่จะโอนหุ้นส่วนให้กับซาราง
มือทั้งสองข้างขยี้ตา ร่างเล็กของซารางปีนขึ้นมานั่งบนตักของออกัส สองมือเล็กโอบคอของเขาเอาไว้ ปากเล็กๆก็ยังคงหาวไม่หยุด
“คุณอา ผม หวีผมค่ะ”