ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 220 แม้แต่ลูกสาวก็ไม่ต้องการแล้ว
“ได้ครับ”องค์ชายยอม : “แล้วซารางล่ะครับ?”
“ลูกจะอยู่ที่เมืองsชั่วคราวก่อนค่ะ ช่วงนี้จะต้องยุ่งมากแน่ๆ แล้วอีกอย่างโรงเรียนก็ปิดเทอมฤดูร้อนแล้วด้วย ก็เลยให้ลูกอยู่ทางนั้นก่อน”
กลับมาที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ หยาดฝนเองก็โทรหาสุนันท์ก่อนล่วงหน้าแล้ว
สุนันท์รออยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์นานแล้ว อีกทั้งยังให้ห้องครัวทำอาหารเอาไว้ รอให้ทั้งสองคนกลับมา เลอแปงเองก็ถูกสุนันท์เรียกให้กลับมาด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ทั้งสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับแขก เห็นร่างเล็กๆนั่นแล้ว เลอแปงก็อ้าแขนออก : “คนสวย ไม่เจอกันนานเลย”
“คุณอาสุดหล่อ”แขนเล็กๆและขาขาวเนียนของซารางวิ่งพุ่งเข้าไปด้วยความดีใจ ร่างเล็กยื่นออกไปให้เลอแปงอุ้ม
ทุกคนต่างก็นั่งลงล้อมรอบโต๊ะอาหาร เลอแปงป้อนอาหารให้ซารางอยู่ตลอด แล้วก็ลูบท้องกลมๆของเธอ : “แตงโมผ่าออกก็กินได้แล้วนะเนี่ย”
“แตงโมของหนูเล็กเกินไปค่ะ แตงโมของคุณอาสุดหล่อใหญ่ ต้องผ่าแตงโมงของคุณอา”ว่าแล้วเธอก็ยกมือเล็กๆขึ้น แล้วทำเป็นเหมือนมีดผ่าลงบนท้องของเลอแปง
สุนันท์มองดูแล้วก็แสดงความไม่ชอบออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับแสดงออกมาอย่างไม่ชัดเจนนัก
หลังจากที่ทานอาหารเย็นแล้ว ออกัสก็พาซารางกลับคอนโด ส่วนเลอแปงก็อยากจะตามมาด้วย หยาดฝนเองก็แสดงความเห็นออกมาว่าอยากจะตามไปด้วยเช่นกัน
“บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ไม่ใช่ว่าจะไม่มีห้องพัก ทำไมจะต้องกลับไปคอนโดตัวเองด้วย หยาดฝนกับเลอแปงอุตส่าห์กลับมาทั้งที ยังจะไม่มาอยู่บ้านด้วยกันอีก?”สุนันท์รู้สึกไม่พอใจ
“พี่สะใภ้พูดถูก ไปที่คอนโดก็มีแค่พวกเรา อยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ก็มีพวกเรา ทำไมจะต้องไปด้วยล่ะ อยู่ที่นี่กันเถอะนะ” หยาดฝนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
ใบหน้าของเธอถึงแม้จะฟื้นคืนสภาพแล้ว แต่หากมองอย่างละเอียด ก็ยังสามารถเห็นรอยแดงๆจางๆอยู่ด้วย
บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ไม่ได้คึกคักแบบนี้มานานมากแล้ว สุนันท์นั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่ยอมออกไป บรรยากาศนับว่ารักใคร่ปรองดองกันดี
ซารางเป็นพวกก่อความวุ่นวายมาโดยตลอด ส่วนเลอแปงนั้นก็สามารถก่อความวุ่นวายได้เช่นกัน ทั้งเด็กทั้งคนโตมาเจอกันแล้ว ตอนนี้บนโซฟาเกือบจะพลิกฟ้ากันอยู่แล้ว ก่อกวนกันเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้มีแฟนรึยัง?”หยาดฝนมองไปยังเลอแปง ไม่เจอกันสี่ปี โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ
สี่ปีก่อน เขายังใส่ชุดนักเรียน ผมปรกหน้าอยู่เลย สี่ปีต่อมา เขาสวมใส่ชุดสูทแล้ว ผมก็หวีขึ้นไปด้วย เผยให้เห็นหน้าผาก ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
“ทำไมคุณอาหญิงถึงได้สนใจเรื่องส่วนตัวของผมขนาดนี้ล่ะครับ ผมยังเด็กอยู่เลย ไม่รีบหรอกครับ” เขาเกาท้องของซาราง ได้ยินเสียงหัวเราะดังคิกคักขึ้นมา
“เมื่อก่อนเธอไม่ได้ร้องจะหาแฟนตั้งสี่คนหรอกรึไง คนนึงหยิบตะเกียบ คนหนึ่งหยิบช้อน คนนึงกอดตอนนอน ส่วนอีกคนก็เอาไว้พาออกนอกบ้าน”
เลอแปงหัวเราะออกมาเบาๆ นิ้วบีบอยู่ตรงหว่างคิ้วนั่น : “คุณอาหญิง ผมพูดไปตอนผมสี่ขวบ อาก็ยังจำได้ ผมต้องเอาของขวัญที่มีมูลค่าสูงให้หรือเปล่าครับ?”
“ไม่ต้องหรอก ของขวัญมูลค่าสูงนั่นเธอเก็บเอาไว้เองเถอะ”
มือเล็กๆของซารางอยู่บนใบหน้าของเขา เธอหัวเราะออกมา : “คุณอาสุดหล่อเขิน คุณอาสุดหล่อเขินแล้ว”
เลอแปงเลิกคิ้วขึ้น แล้วยกร่างเล็กๆนั่นขึ้นกลางอากาศ มองดวงตาดอกท้อกลมๆ: “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ซารางเป็นแฟนของคุณอานะครับ โตแล้วก็มาเป็นแฟนคุณอา แล้วซื้อของขวัญให้คุณอาสุดหล่อเยอะๆด้วยนะ เรื่องการแต่งงานของเรากำหนดแบบนี้นะโอเคไหม?”
ซารางพยักหน้าลงด้วยความยินยอม ปากเล็กๆเอ่ยขึ้นไม่หยุด : “ได้ค่ะ ได้ค่ะ!”
มองดูเวลาแล้ว ออกัสก็ลุกขึ้น แววตามองไปยังซาราง ริมฝีปากบางกระตุกขึ้น แล้วเอ่ยขึ้นมา : “นอนได้แล้ว”
“พี่ใหญ่ ให้ผมเล่นกับเธออีกซักพักได้ไหม?”
แสงในดวงตานั้นมองไป ออกัสเอ่ยขึ้น : “เธอไม่ใช่ของเล่นนะ ไม่ใช่ให้นายมาเล่น”
ซารางปีนป่ายขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วโอบคอเขาไว้ ออกัสพาเธอเดินขึ้นไปชั้นสอง หยาดฝนมองตามเบื้องหลังของเขาไป
ล้มตัวลงนอน ซารางอยากจะเอาโทรศัพท์ อยากจะโทรหาหม่ามี๊ เธอต้องการหม่ามี๊ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย ออกัสกดโทรออกหลังจากนั้นก็ยื่นส่งให้เธอ
สองแม่ลูกดูเหมือนจะมีเรื่องที่คุยกันได้ไม่จบไม่สิ้น สามารถคุยกันทางโทรศัพท์ได้ถึงสองชั่วโมง
ออกัสยืนกอดอกอยู่ข้างๆ อยากจะกดเปิดลำโพง แต่ซารางกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ดวงตากลมๆมองไปมา เพียงแค่กลัวว่าเขาจะแย่งโทรศัพท์มือถือไป
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเปิดลำโพงหรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว บทสนทนาระหว่างสองแม่ลูกไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการเลยแม้แต่นิดเดียว ได้ยินคำตอบของซารางก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นถามอะไร
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เชอร์รีนก็เอ่ยพูดขึ้นกับซาราง : “คุณอาอยู่ข้างๆหรือเปล่าคะ?”
ซารางมองไปยังออกัส แล้วพยักหน้าลง : “อยู่ค่ะ หม่ามี๊จะคุยกับคุณอาใช่ไหมคะ?”
ได้ยินแล้ว ริมฝีปากบางยกขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความเกียจคร้านและตามใจ มีความอ่อนโยน แฝงไปด้วยความพอใจขึ้นมา
“คุณอา หม่ามี๊จะคุยด้วยค่ะ” ซารางยื่นมือถือส่งให้เขา
มุมปากยกโค้งขึ้น ออกัสรับโทรศัพท์มือถือมา น้ำเสียงทุ้มต่ำส่งออกมาจากลำคอ : “อืม”
“ตอนนี้ฉันกลับมาถึงเมืองทะเลหทัยแล้ว ถ้าหากคุณอยู่กับซารางพอแล้ว คุณก็พาซารางไปส่งที่บ้านของคุณยายเธอนะคะ”
สีหน้าบนใบหน้าเปลี่ยนไป คำพูดของออกัสถูกเค้นออกมา : “คุณกลับไปเมืองทะเลหทัยตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“วันนี้เช้าค่ะ”
“รีบกลับไปเมืองทะเลหทัยทำไมกัน?”
“ออกัส นั่นก็เหมือนว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันนะคะ ฉันวางแล้วนะ!”
ออกัสเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าหล่อเหลานั้นเย็นชาขึ้นมา พลางเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน : “ทำไมครับ เป็นห่วงองค์ชายอย่างนั้นหรือ?”
“เกี่ยวอะไรกับคุณคะ?”เชอร์รีนขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และกำลังจะวางสายไปนั้น เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา : “พรุ่งนี้คุณมารับลูกเอง!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เชอร์รีนรู้สึกเพียงว่าเขาไม่มีเหตุผล : “ฉันบอกแล้วว่าฉันอยู่ที่เมืองทะเลหทัยแล้ว ไปรับไม่ได้ คุณพาเธอไปส่งให้คุณยายของเธอก็พอค่ะ”
“ผมไม่มีเวลา…..”สายตาของเขาลึก มืดมน และเย็นชา เธอมีเวลากลับไปดูแลองค์ชาย แต่ไม่มีเวลามารับลูก
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งที่อยู่คอนโดคุณให้แม่ฉัน แม่ไปรับซารางแล้วฉันจะโทรหาคุณอีกที”
“ผมก็ยังไม่มีเวลาอยู่ดี……”สีหน้าท่าทางของออกัสนั้นยิ่งเย็นชามากขึ้น ถูกคำพูดของเธอยั่วให้โมโหแล้ว : “จะมารับลูกสาวผมไปคุณก็ต้องมารับเอง ไม่อย่างนั้นใครก็จะมารับไม่ได้ทั้งนั้น”
เสียงที่นิ่งและเย็นชาของเชอร์รีนดังขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ดูแลซารางไปก่อนแล้วกันนะคะ ฉันมีเวลากลับไปเมืองsแล้วค่อยไปรับ”
สิ้นเสียงแล้วก็ไม่รอให้เขาพูดอีก เธอจึงวางสายไปเลย ได้ยินเสียงตู้ด ตู้ด ตู้ดแล้ว ออกัสรู้สึกเพียงแค่ความโมโหนั้นคาอยู่ตรงหน้าอก คาอยู่แบบนั้น อึดอัดเสียจนทรมาน
เหอะ ตอนนี้แม้แต่ลูกสาวก็ไม่ต้องการ ไม่สนใจแล้วสินะ….
มือใหญ่กำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ แม้กระทั่งแทบอยากจะบีบโทรศัพท์มือถือให้แตกละเอียดไปเลยอย่างไรอย่างนั้น ไฟความโมโหวนเวียนอยู่ในใจไม่หยุด
เวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลังจากนั้นเสียงของหยาดฝนก็ดังขึ้นมา : “ออกัส นอนหรือยัง? ฉันเข้าไปได้ไหม?”
“ได้ครับ….”ออกัสตอบรับ แล้วข่มความโมโหที่อยู่ทั่วร่างกายเอาไว้ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักหน่วง เขาอยากจะบีบเธอให้ตายเลยเสียจริงๆ!