ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 221 ฉันรู้สึก ละอายใจต่อเธอ
หลังจากที่รู้ว่าเธอกลับไปที่เมืองทะเลหทัย เขาก็นั่งไม่ติด โดยเฉพาะในตอนที่คิดว่าเธอกับองค์ชายจะได้อยู่ด้วยกัน ความรู้สึกไม่สบายใจก็ทวีมากยิ่งขึ้น
หยาดฝนสวมใส่ชุดนอน เพิ่งอาบน้ำเสร็จ อุ้มซารางไว้ในอ้อมแขน เธอนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ พูดเสียงแผ่วเบา“ออกัส เราจะแต่งงานเมื่อไหร่กันดี ?”
เธอรอเวลานี้มานานกว่าสี่ปี แม้ว่าแผลบนใบหน้าของเธอจะทำให้เธอรู้สึกเศร้า แต่ขอแค่มีเขาอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ได้ยินดังนั้น คิ้วที่ได้รูปของออกัสก็เลิกขึ้น ร่างกายที่สูงใหญ่ก็ฝังลงจมไปกับโซฟาตัวนุ่ม และไม่ได้ตอบอะไร
“อีกหนึ่งเดือนได้ไหม ? จัดงานแต่งที่เมืองs เอาแบบเรียบง่าย ไม่ต้องให้มันยุ่งยากอะไร ……”
หยาดฝนพูดเสียงเบา“ รู้ว่านายยุ่งมาก ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ไปทำงาน ดังนั้น เรื่องพวกนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการมันเองแล้วกัน ”
แม้ว่าจะเป็นประโยคคำถาม แต่หยาดฝนก็คิดเองเออเองตัดสินใจเองมันทั้งหมด
“พี่สะใภ้บอกว่าจะจัดให้มันเอิกเกริก ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร อีกอย่างนายเองก็ยุ่งมาก งานแต่งงานก็เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น ขอแค่ได้อยู่กับนาย ฉันยังไงก็ได้ทั้งนั้น ——”
“หยาดฝน……”จ้องมองเธอ ออกัสพูดขัดเธอ แสดงออกถึงความรู้สึกผิด และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า“ ระหว่างเราจะไม่มีงานแต่งงาน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหยาดฝนก็แข็งค้าง มือที่อุ้มซารางอยู่ก็กระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว“ออกัส คำพูดนี้ของนายมันหมายความว่ายังไง ?”
“งานแต่งงานระหว่างเราจะไม่เกิดขึ้น และไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น”ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสหนักแน่นและจริงจัง พูดทวนย้ำอีกครั้ง ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหยาดฝนจะดำเนินต่อไปแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว
ในใจสั่นไหว หยาดฝนจ้องมองเขา อารมณ์ก็เปลี่ยนไปด้วยเล็กน้อย ควบคุมมันอย่างที่สุด“ ทำไมละ เพราะอะไร?”
“ฉันรักเขา ”ไม่ปิดบัง และไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองอีก ออกัสพูดออกไปตรงๆอย่างหนักแน่น
“ฉันไม่เชื่อ!ออกัส ฉันไม่เชื่อ!คนที่นายรักเป็นฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”หยาดฝนส่ายหัว คำพูดนี้ของเขา เธอไม่เชื่อมันอย่างเด็ดขาด!
เธอรอมาสี่ปี ไม่ใช่เพราะอยากได้ยินคำพูดนี้ของเขา ความนิ่งและมีเหตุผลถูกทิ้งมันไปหมดสิ้น
“รักในวัยเด็ก มันทำให้สับสนกับความรู้สึกที่มี บวกกับเวลาที่ผ่านไปและการอยู่ร่วมกันของคนสองคน ฉันค่อยๆพบว่าตัวเองตกหลุมรักเขา เคยชินกับการมีอยู่ของเขา เคยชินกับไฟที่เขาเปิดทิ้งเอาไว้ทุกครั้งหลังจากที่กลับถึงบ้าน และเคยชินกับกลิ่นกายของเขา แต่ฉันมันโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเอง จนกระทั่งผ่านไปสี่ปี ถึงจะแยกแยะความรู้สึกนี้ได้……”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวล และแผ่วเบา แต่ก็เพียงพอให้หยาดฝนได้ยินมันอย่างชัดเจน และเข้าใจ
“หรือว่า ความสัมพันธ์ที่ยาวนานของเราจะสู้ความสัมพันธ์เพียงไม่กี่เดือนของเขาไม่ได้เลย?”เล็บของหยาดฝนจิกเข้ากับฝ่ามือแน่น ทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย
เขาอยู่กับเธอมาตั้งหลายปี ทั้งสองคนพูดได้ว่าเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขากับเชอร์รีนมันจะนานแค่ไหนกันเชียว ?
“ในตอนที่ฉันสังเกตเห็นความรู้สึกที่มันค่อยๆก่อตัวขึ้นมา มันช็อกมากกว่าเธอซะอีก รุนแรงด้วย แต่หัวใจเรามักไม่โกหก มันจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเรา ความอิจฉา วิตกกังวล โกรธเคือง และปรารถนา……”
มุมปากยิ้มเย้ยยกหยักขึ้น หยาดฝนยิ้มเศร้า“แล้วฉันเป็นตัวอะไร ? ในใจของออกัสฉันมันเป็นตัวอะไร ?”
ความรู้สึก วิตกกังวล โกรธเคือง ปรารถนา ทั้งหมดนี้ของเขาล้วนเกิดขึ้นกับเชอร์รีน แล้วเธอล่ะ หยาดฝนคนนี้ล่ะ?
“หยาดฝน ฉันขอโทษ ฉันรู้สึกละอายใจกับเธอมาก” ออกัสขมวดคิ้วแน่น แล้วจ้องมองเธอ
ละอายใจกับเธอ……
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเชอร์รีนนั้นมีมากมาย พอมาที่เธอ ก็เหลือเพียงแค่ความรู้สึกละอายใจงั้นเหรอ ?
ในใจราวกับมีเข็มทิ่มแทง ความเจ็บปวดที่รุนแรงปะทุขึ้นในหัวใจ ไม่มีเสียงร้องไห้ มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอันละมุนของหยาดฝนราวกับสายธาร
“ฉันรอมาสี่ปี ไม่ได้อยากได้คำขอโทษ และยังความละอายใจนั้นอีก นายรู้ไหม ที่ฉันอยากได้ไม่ใช่สิ่งเหล่านี้……”
“ฉันรู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่สิ่งที่เธอต้องการ ฉันให้เธอไม่ได้ หยาดฝน ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ฉันจะทำให้มันมากขึ้นไปอีกไม่ได้ ให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้ทำได้เพียงเผยสิ่งที่ปิดบังอยู่ในเวลาที่เหมาะสม ความรู้สึกผิดเหล่านั้น ฉันจะชดเชยให้……”
เกือบถูกล่วงละเมิดที่บนหน้าผา จากนั้นก็ถูกผลักตกลงไป ทำให้ใบหน้าเสียโฉม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะเขา เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและชดใช้ให้เธอ
น้ำตาที่ไหลอาบแก้มราวกับจะไม่หยุดลงไปง่ายๆ ไหลอยู่อย่างนั้นตลอด ดวงตาหยาดฝนพร่ามัว แต่กลับยกยิ้มให้เขา“ จะชดเชยยังไง ?”
“ฉันจะชดเชยให้อย่างเต็มกำลังที่มี……”ที่เขาจะชดเชยได้ ก็คือพยายามอย่างสุดกำลังที่มี
“ฉันคิดว่าระหว่างเราจะแตกต่างจากคนอื่นๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย คบหากันมากว่าสิบปี ผ่านอุปสรรคด้วยกันมาตั้งมากมาย จะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอยู่แล้ว นายกลับเปลี่ยนใจไปรักผู้หญิงคนอื่น”
เพิ่งจะกลับมาได้ ต้องเซอร์ไพรส์เธอขนาดนี้ด้วยเหรอ ? ทำเอาเธอช็อกมากจริงๆ ?
น้ำตาไหลเป็นทาง เสียงของหยาดฝนคัดไปที่จมูก วางซารางในอ้อมแขนลง ลุกขึ้น แล้วออกจากห้องไป
ซารางนั่งลง เห็นชัดว่าไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่กำลังคุยอะไรกัน เอียงศีรษะเล็กน้อย“คุณอา ทำคุณน้าร้องไห้เหรอ”
“นอนซะ”เขาละสายตาออก กดร่างเธอลง แล้วห่มผ้าให้ “นอนซะนะ”
หลับตาลง ซารางก็นอนหลับไปอย่างเชื่อฟัง ออกัสไม่ได้นอน ร่างสูงโปร่งพิงไปกับหน้าต่าง หรี่ตาลงเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ติดค้างหยาดฝน
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
แม่ครัวเตรียมอาหารเช้าเสร็จ สุนันท์นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว ที่ชั้นสอง หยาดฝนเดินลงมา ตาของเธอยังไม่หายบวม
จากนั้น เลอแปงก็ตามลงมา ไม่เห็นซาราง เขาขมวดคิ้ว และพูดว่า “ซารางล่ะ?”
“ไม่ใช่ลูกตัวเอง ยังจะเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ รอแกมีลูกของตัวเองจะขนาดไหน ? อีกอย่าง ชอบลูกคนอื่นมากขนาดนี้จะมีประโยชน์อะไร ถ้าชอบเด็กมากนัก ก็มีเป็นของตัวเองสิ”สุนันท์กล่าว
“นั่นลูกพี่ใหญ่ ไม่ใช่ลูกคนอื่นสักหน่อย ดูแม่พูดเข้า”เลอแปงส่งเสียงไม่พอใจ“ ผมขอขึ้นไปดูหน่อย”
เมื่อเห็นดังนั้น สุนันท์คิดเพียงอยากจะฟาดไปที่แผ่นหลังของเขาแรงๆสักสองสามที ลูกคนอื่น เขาจะไปเป็นห่วงอะไรหนักหนา ?
เมื่อมาถึงที่ห้อง กลับไม่มีใครอยู่ หันหลัง เลอแปงก็เดินลงไปยังชั้นล่าง แล้วกดโทรออก “พี่ใหญ่ พี่อยู่ไหน?”
“สนามบิน มีอะไร ?”
“เวลานี้พี่ไปที่สนามบินทำไม ? แล้วซารางล่ะ ? ”
เสียงของออกัสทุ้มต่ำ“ ส่งเธอกลับเมืองทะเลหทัย แค่นี้นะ ขอวางสายก่อน ”
พูดจบ เขาก็กดวางสายไป สุนันท์ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นได้ยินคำว่าสนามบิน ก็เลิกคิ้วขึ้น “สนามบิน เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่ใหญ่ไปสนามบิน ส่งซารางกลับเมืองทะเลหทัย เขาเลี้ยงจนพอแล้ว แต่ผมยังไม่พอเลย ไม่คิดจะสนใจความรู้สึกของน้องชายตัวเองเลยจริงๆ!”เลอแปงไม่พอใจ บ่นพึมพำ
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของหยาดฝนก็เปลี่ยนไป นิ้วที่เรียวยาวอดไม่ได้ที่จะจับตะเกียบให้แน่นขึ้น ไปส่งซาราง หรือไปหาเชอร์รีนกันแน่ ?