ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 223 ไม่รู้สึกละอายใจเลย
ดวงตาคมราวกับมีเลือดพลุ่งพล่าน จ้องเขม็งมององค์ชาย อยากจะเลาะกระดูกของอีกฝ่ายไม่ให้เหลือในชั่วพริบตา
เขาโกรธมาก และมีอารมณ์โมโหที่รุนแรง ในใจอยากจะหักคออันเรียวระหงของเธอทิ้งซะ
เธอปฏิเสธเขา แต่กลับไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับองค์ชาย และจะแต่งงานกับองค์ชายอีก เรื่องนี้เขาทนรับมันไม่ได้
องค์ชายที่กำลังจะอ้าปากพูด ออกัสก็หันหลังให้ ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเชอร์รีน แล้วพาเธอลงบันไดไป ด้วยแรงอันมหาศาล
“ปล่อยฉัน!ออกัส ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ คุณจะทำอะไร!” เชอร์รีนดิ้นรนขัดขืน ขยับแขนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม และทุกครั้งที่ขยับ ก็เกิดความเจ็บปวดที่รุนแรงตามมาด้วยทุกครั้ง
เขากำข้อมือที่เจ็บปวดของเธอให้แน่นยิ่งขึ้น ดิ้นไม่หลุด ขยับไปไหนไม่ได้ และองค์ชายก็เคลื่อนไหวไม่สะดวก ได้แต่มองดูเธอถูกฉุดกระชากไป
ออกจากย่านที่พักอาศัย ออกัสลากเธอเข้าไปในร้านกาแฟที่เคยมานั่งเมื่อครั้งก่อน และจึงได้ปล่อยข้อมือเธอในที่สุด
จับไปยังข้อมือที่เจ็บปวด เชอร์รีนขมวดคิ้ว“ออกัส คุณเป็นบ้าอะไร !”
ยิ้มเยาะ ด้วยร่างกายอันเย็นเยือกของออกัส เขาโน้มตัวลง จูบไปที่ริมฝีปากของเธอ และจูบมันอย่างแรง
เชอร์รีนขัดขืน แต่ขยับไม่ได้ จึงกัดไปที่ริมฝีปากของเขา กัดจนริมฝีปากของเขามีเลือดไหลออก เขาก็ถึงได้ปล่อย
หอบหายใจแรง ออกัสเช็ดเลือดบนริมฝีปากบางออกอย่างลวกๆ ยิ้มเยาะ“บ้างั้นเหรอ ? ผมบอกว่าผมต้องการคุณ แต่คุณกลับทิ้งลูกเอาไว้ให้ผม หันหลังแล้วมาถ่ายรูปงานแต่งงานกับองค์ชาย คุณว่าผมเป็นบ้าเพราะอะไรล่ะ ?”
“ฉันจะแต่งงานกับเขา ก็ต้องถ่ายรูปแต่งงานอยู่แล้วไหม —”
แน่นอนว่า ไม่รอให้เธอได้พูดจบ ออกัสก็โน้มตัวไปข้างหน้า และจูบเธออย่างดุเดือดอีกครั้ง
คนบ้าคนนี้!สองมือของเชอร์รีนทุบตีไปที่หน้าอกของเขา แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย เธอจึงกัดไปที่ริมฝีปากของเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ กลิ่นคาวเลือดก็คละคลุ้งไปทั่วโพลงปากของคนทั้งสอง
เมื่อผละออก ริมฝีปากของทั้งคู่ก็ย้อมไปด้วยสี และมีคราบเลือดปนมาด้วยเล็กน้อย หน้าอกของเชอร์รีนกระเพื่อมไหว รู้สึกโกรธ“ออกัส!”
เขาไม่ได้สนใจเธอ หอบหายใจหนัก “ ยังจะแต่งงานกับเขาอีกไหม?”
“แต่ง——”
เขาจูบเธออีกครั้ง หนักกว่าสองครั้งที่แล้ว และเธอก็กัดเขาอีก
“กลับไปกับผม ที่เมืองs !”
“ไม่——”
เขาจูบเธอต่อ แรงแบบนี้ไม่ใช่การจูบ แต่ราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวเสียมากกว่า และเธอก็หมดแรงที่จะกัดแล้ว
“คุณรักเขาไหม ?”
“รัก——”
จูบลงไปอีก แต่เชอร์รีนขาอ่อนแล้ว บวกกับสูดอากาศเข้าปอดไม่ได้ เธอจึงรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อย
แผลที่กลีบปากของคนทั้งสองไม่มีใครรุนแรงกว่าใคร ออกัสถามคำถาม ขอแค่เธอตอบได้ไม่ตรงใจ เขาก็จะกดจูบเธอราวกับสัตว์ป่า
เป็นอยู่แบบนี้ ซ้ำๆไปมา จนเชอร์รีนไม่มีแรงยืน ก็จึงต้องนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ
เขาเหมือนคนบ้าจริงๆ!
และพนักงานเสิร์ฟสองคนก็พากันตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่กับที่ ผ่านไปนานก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
หอบหายใจ เชอร์รีนสงบสติอารมณ์ ควบคุมการเต้นของหัวใจ หันมอง ก็เห็นหยาดฝนที่ยืนอยู่ตรงข้ามร้านกาแฟโดยไม่ตั้งใจ ทั้งสองคนจ้องมองสบตากัน
เมื่อสังเกตเห็นความผิดปรกติของเธอ ออกัสก็มองตามสายตาเธอ และเห็นหยาดฝนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ยืนดูทั้งสองคนอย่างเงียบๆอยู่สักพัก หยาดฝนก็ก้าวเท้าเดิน เดินเข้ามาในร้านกาแฟด้วยเช่นกัน
ไม่คิดว่า ผ่านไปสี่ปี ทั้งสามคน จะได้มาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้
เมื่อเดินเข้ามาที่ร้านกาแฟ สายตาของหยาดฝนก็จ้องมองมาที่เชอร์รีน บนใบหน้าไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ นิ่งสงบ “ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
ขณะเดียวกัน เชอร์รีนก็นิ่งสงบเช่นกัน ตอบกลับอย่างเฉยเมย ว่า“ ไม่เจอกันเลย”
จากนั้น เธอก็ลุกขึ้น มองไปยังออกัสที่แน่นิ่ง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ พวกคุณคุยกันเถอะ ฉันยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำ ขอตัวก่อน”
ไม่ว่าหยาดฝนจะมาที่นี่ได้อย่างไร แต่ทุกอย่างล้วนต้องเกี่ยวข้องกับออกัส และเรื่องระหว่างพวกเขา เธอไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
และ ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินสวนกัน มือของออกัสก็ขยับ และคว้าไปที่ข้อมือของเธอ
แรงของเขานั้นเยอะมาก เทียบกับเมื่อครู่แล้วก็ยังดูเยอะกว่ามาก ตรงข้อมือก็รู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดแสบปวดร้อน เธอกัดฟัน แล้วกดเสียงต่ำ“ออกัส ปล่อย!”
ไร้เสียงตอบกลับ เขารั้งมันไว้อย่างนั้น ดวงตามองสบไปยังหยาดฝน ออกแรงดึงไปที่ข้อมือ จนร่างของเชอร์รีนต้องนั่งกลับไปยังที่เดิม
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หน้าอกของหยาดฝนก็กระเพื่อมไหว รุนแรงและหนักหน่วง
มือของเชอร์รีนถูกตรึงไว้ด้วยมือที่ใหญ่กว่าของตัวเอง ออกแรงดึง ก็ไม่เป็นผลอะไร เธอกำลังโกรธ ยื่นมือมาแล้วหยิกไปที่หลังมือของเขา
แต่ มือของเขาก็ราวกับเหล็กกล้า มีดดาบฟันแทงไม่เข้า ราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เธอเห็นชัดว่าที่หลังมือนั้นมีรอยช้ำจนม่วงปรากฏขึ้น
เธอไม่เข้าใจ เรื่องระหว่างเขากับหยาดฝน ทำไมต้องให้เธอมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย !
“หยาดฝน เมื่อคืนตอนอยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ฉันได้พูดความคิดทั้งหมดของฉันออกไปหมดแล้ว ฉันติดค้างเธอจริงๆ และคนที่ฉันรักคือเขา ผู้หญิงที่ฉันกำลังจับมือเขาอยู่ในตอนนี้……”
จ้องมองหยาดฝนด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ออกัสพูดเสียงอ่อนโยน“ต่อให้เขา จะไปถ่ายรูปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ฉันก็ยังยืนยันว่าต้องการแค่เขา เธอเข้าใจไหม?”
เมื่อได้ยินดังนี้ เชอร์รีนก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ มือที่หยิกหลังมือของเขาก็หยุดลง หัวสมองดังก้องกังวานไม่หยุด
ฟันขาวๆของหยาดฝนขบกัดไปที่ริมฝีปาก จนมีรอยยาวปรากฏขึ้น“ ความสัมพันธ์ที่มากกว่าสิบปี สู้ความสัมพันธ์เพียงไม่กี่เดือนไม่ได้เลยเหรอ?”
“หยาดฝน ความรักไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเวลาเลย ความรู้สึก และความสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่างหากที่สำคัญ ก็เหมือนกับเหล้าสองแก้ว แก้วหนึ่งไร้สีไร้รสชาติ และอีกแก้วหนึ่งที่มีเพียงก้นแก้วแต่ก็เพียงพอทำให้คนเมาได้…… ”
“ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ฉันคงเป็นแก้วที่ไร้สีไร้รสชาติสินะ……”เสียงที่ไพเราะของหยาดฝนมีน้ำเสียงที่เหน็บแนมปนมา“ความยากลำบากในตอนที่ฉันต้องจากไปไม่เคยได้บอกนาย แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากจะปิดบังมันอีกต่อไป เพราะมันไม่ยุติธรรมกับฉันเลย……”
เมื่อได้ยินที่เธอพูด ออกัสก็วางมือของเชอร์รีนไว้บนหน้าขา เขารู้สึกได้ถึงความปวดแสบปวดร้อนที่หลังมือ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะฝีมือจากการหยิกของเธอ
“ตอนนั้นที่ต้องไปจากนายเพราะคิดว่าฉันไปรักคนอื่นแล้วจริงๆ ? ไม่เลย ฉันไม่เคย ฉันถูกพี่สะใภ้บังคับให้ไป เธอใช้มีดกรีดข้อมือตัวเอง เลือดไหลนอง เต็มไปทั่วพื้น ให้ฉันไปจากนาย ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ไปโรงพยาบาลและจะยอมตายอยู่ที่นั่น ฉันจะไม่ทำตามได้ยังไง ? ”
“แม้แต่พี่ชายของฉันก็ข่มขู่ฉัน หากฉันยังดื้อดึงยืนยันจะคบหากับนาย เขาก็จะตัดขาดกับฉัน นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องทนรับแรงกดดันและความเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องเลือกทำแบบนั้น……”
เธอในตอนนั้นต้องแบกรับภาระอย่างหนักจริงๆ เธอเป็นเด็กกำพร้า และถูกเลี้ยงดูมาโดยพี่ชายและพี่สะใภ้ของเธอ เธอก็จึงต้องสำนึกในบุญคุณ