ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 226 เหมือนเขาจะหายตัวไป
เมื่อกลับมาที่ห้องผ่าตัด หมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน มือถือหน้ากาก
“อาการคุณยายผมเป็นยังไงบ้างครับ ?”ออกัสถามออกไปทันที สีหน้าเคร่งเครียด ร้อนรน และเป็นกังวล
“อาการของคุณมัทนาไม่ค่อยสู้ดี ก่อนหน้านั้นเธอเคยประสบภาวะเลือดออกในสมองมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายหรือในส่วนของหลอดเลือดก็อ่อนแอและเปราะบางอย่างมาก ครั้งนี้คาดว่า ——”
ทันใดนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสก็เปลี่ยนทันที ราวกับมีเมฆดำปกคลุม ดำมืดไปหมด เส้นเลือดที่หลังมือปูดออก คว้าไปที่เสื้อกาวน์ของหมอ“นี่หมอพูดบ้าอะไร?”
หมอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยกับสีหน้าของเขาในตอนนี้ ร่างกายสั่นไหว ไกรวิทย์ก็เข้ามาห้ามเขาไว้“ หมอบอกมาเถอะ”
“อันที่จริง อาการของหัวหน้ามัทนาหนักกว่าครั้งก่อนมาก เส้นเลือดในสมองแตก มีหลายคนที่หมดสติแล้วไม่ฟื้น หรือเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ครั้งที่แล้วหัวหน้ามัทนาก็สร้างปาฏิหาริย์ แต่ครั้งนี้อาการเธอแย่มาก ขอให้ทุกคนเตรียมใจไว้ด้วย” หมอพูดพร้อมกับถอนหายใจ
จากนั้น หัวหน้ามัทนาก็ถูกย้ายไปห้องไอซียู เวลาเยี่ยมก็มีเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ไกรวิทย์เข้าไปเป็นคนแรก มองดูหัวหน้ามัทนาที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างไร้เรี่ยวแรง ในใจของจะรู้สึกดีไปได้ยังไง ?
สภาพของออกัสก็ไม่ได้ดีไปกว่า ทั้งหงุดหงิด กระสับกระส่าย วิตกกังวล และกลัดกลุ้ม ทั้งหมดล้วนเป็นอารมณ์ของเขา
ก่อนที่หมอจะจากไปยังได้พูดทิ้งท้ายอีกหนึ่งประโยคว่า หัวหน้ามัทนาอยู่ที่ไหนแล้วสบายใจ ในตอนนี้ก็ให้พาเธอไปอยู่ที่นั่นจะดีกว่า อยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เลือดออกในสมองไม่เหมือนกับโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ค่อยๆทำการรักษาได้ ในกรณีที่มีเลือดออกในสมองอย่างเฉียบพลัน ร้ายแรงถึงชีวิต แค่การสะกิดเบาๆ ก็สามารถทำลายคนคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ คุณหญิงมัทนาก็เคยมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งที่สอง หลอดเลือดในสมองก็จึงอ่อนแอและเปราะบางมาก บวกกับอายุก็มากแล้ว สถานการณ์ก็จึงไม่สู้ดีนัก
ออกัสปรึกษากับไกรวิทย์ ว่าจะพาคุณหญิงมัทนาไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้งดีไหม ที่นั่นน่าจะดีกว่าที่นี่อยู่แล้ว
ไกรวิทย์ส่ายหัว“ร่างกายของยายแกในตอนนี้ทนรับไม่ไหวกับการเดินทางไปมาอีกแล้ว อันที่จริงแล้วการรักษาที่เมืองบีเจก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อเมริกามากนัก นั้นมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของคนเท่านั้น อยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อนสักสองสามวัน เฝ้าดูสถานการณ์ว่าจะดีขึ้นได้หรือเปล่า จากนั้นก็ค่อยมาตัดสินใจกัน”
เมื่อได้ยินดังนี้ ออกัสก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กดโทรออกไปยังสหรัฐอเมริกา เชิญผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือในโรคหลอดเลือดสมองมาให้หมด ขอแค่มีความหวัง แม้เพียงน้อยนิดเขาก็จะไม่คิดยอมแพ้!
ทุกคนคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าอยู่ที่ห้องไอซียู ไม่มีใครไปไหน บรรยากาศหดหู่ และตึงเครียดมาก ทำให้เหมือนจะหายใจไม่ออก
ในตอนค่ำ สุนันท์กับเลอแปงก็เดินทางมาถึงพร้อมกัน สิงหายังมาไม่ถึง สีหน้าของออกัสยังคงดูแย่มาก
มีคนมากมายอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ออกัสให้ทุกคนกลับไปให้หมด เขาจะอยู่ที่นี่คนเดียว ไกรวิทย์ไม่ยอมไป ในที่สุดก็ถูกสุนันท์กับเลอแปงทั้งดึงและลากพาตัวกลับไปจนได้
โถงทางเดินเหลือเขาเพียงคนเดียว ออกัสโทรหาผู้ช่วยเตโช ให้เขาคอยเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของเชอร์รีน แล้วให้เช็กสถานที่จัดงานเลี้ยงทั้งหมดมาด้วย
ไม่หลับไม่นอน ร่างที่สูงใหญ่ของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งหน้าห้องไอซียู เฝ้าอยู่อย่างนั้น
ในอีกฟากหนึ่ง
กลับมาที่เมืองsได้ เลือกชุดแต่งงานและชุดสูทมีกนกอรไปด้วย ครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์เหมือนครั้งที่แล้ว ทุกอย่างราบรื่นมาก
เพราะใกล้จะถึงวันแต่งงานเข้าไปทุกที ในช่วงนี้ กนกอรจึงพาเชอร์รีนไปที่ห้างสรรพสินค้าทุกวันเพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็น แค่ชุดเครื่องนอน เธอก็ซื้อมันไปแล้วหลายชุด
เชอร์รีนมากับเธอ ก็รู้สึกเบื่อมาก และยังรู้สึกปวดหัวด้วย แต่จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ เธอไม่ฟังคำพูดของหญิงสาว
หลังจากที่ออกัสปรากฏตัวขึ้นที่ร้านเวดดิ้งในเมืองทะเลหทัยวันนั้น นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว เขา ก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย
ถ้าหาก ไม่ใช่เพราะชุดแต่งงานที่ถูกฉีกจนขาดนั้นทิ้งเอาไว้ที่ห้อง ไม่แน่ว่า เธอคงคิดว่าที่เห็นเขาปรากฏตัวขึ้นที่ร้านเวดดิ้งในวันนั้น มันคงเป็นเพียงภาพลวงตาของเธอเท่านั้น
ในช่วงนี้ เขาก็เงียบและสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่โทรหา และไม่โผล่มาให้เธอเห็น ราวกับหายตัวไปจากชีวิตของเธอแล้วยังไงอย่างนั้น
นึกอยากจะโผล่ก็โผล่มา ทำเอาชีวิตเธอยุ่งเหยิงไปหมด ไม่อยากจะโผล่ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาก็ช่างทำทุกอย่างตามที่ใจต้องการจริงๆ
แต่ว่า เธอก็ปรารถนาจะมีชีวิตที่สงบสุขอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็สงบสุขแล้ว แล้วเธอจะไปคิดเรื่องอื่นอีกทำไมกัน ?
มุมปากยกรอยยิ้มเย้ยหยัน เธอยืนอยู่ที่นั่น และเหม่อลอย แต่กนกอรก็ยังคงตะโกนเรียกเธอ “เชอร์รีน เชอร์รีน ดูผ้าม่านนี่สิสวยไหม?”
ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง เธอก็ก้าวขา เดินเข้าไปหา
เมืองบีเจ
ประตูห้องไอซียูถูกเปิดออก นางพยาบาลเดินเข้ามา เข้าไปหาออกัสอย่างระแวดระวัง“ประธานออกัส”
“พูด!”เขาพูดออกมาสั้นๆ ไม่ได้พักผ่อนมาสองวันติด เส้นเลือดฝอยในดวงตาแตก และดูแดงก่ำ
ร่างของนางพยาบาลอดที่จะสั่นไม่ได้ ขบริมฝีปากแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะพูด หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็จึงพูดว่า“ คุณหญิงมัทนาหมดลมหายใจแล้วค่ะ”
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ร่างที่สูงใหญ่ของออกัสหดเกร็งและแข็งทื่อราวกับก้อนหินในทันที การหายใจของเขารุนแรง แต่ก็จมหายไปในทันที เงียบจนทำให้รู้สึกหวาดกลัว
ไกรวิทย์ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลไปเช่นกัน อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆห้องไอซียู เมื่อได้ยินที่นางพยาบาลพูด ร่างที่สูงใหญ่และกำยำล้มลงข้างคนป่วย และเกือบเป็นลมล้มพับไป
“ออกัส หลายวันมานี้ยายของแกเอาแต่ขอดูรูปถ่ายของแกกับเลอแปงในวัยเด็ก และเอาแต่คิดถึงเรื่องราวในอดีต ดูยังไงก็ดูไม่เบื่อ รูปถ่ายพวกนั้นเมื่อหลายวันก่อนยายแกดูอยู่ซ้ำๆกว่าสิบรอบก็ไม่รู้สึกเบื่อ เอาแต่พูดเรื่องของออกัสกับเลอแปง ตาก็ได้แต่ยิ้ม คิดว่ายายเขาคงแค่รู้สึกเหงาและเบื่อ ไม่ได้คิดว่ายายจะมีลางสังหรณ์อะไรหรือเปล่า ยังบอกอีกว่าบางครั้งก็ฝันแปลกๆ เห็นประตูบานหนึ่ง มีแสงส่องผ่านเข้ามา……”
ไกรวิทย์ขบกรามแน่น คำพูดที่พูดออกมาแข็งทื่อกว่าร่างกายของเขา คำพูดแต่ละคำที่พูดออกมาก็ติดๆขัดๆไม่ลื่นไหล ราวกับมีใครมาบีบที่ลำคอเอาไว้
เขาเคยคิดว่าคำพูดเหล่านั้นมันเป็นอะไรที่ไร้สาระ ที่แท้แล้ว คนบางคนก่อนตายก็มักจะมีสัญญาณบ่งบอก ……
ออกัสฟังอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากที่พยาบาลบอกเขา ท่าทีของเขาก็เงียบสงบ เงียบจนคิดว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในที่ตรงนั้นด้วย
สุนันท์ร้องไห้สะอึกสะอื้น มีหยาดฝนคอยอยู่ข้างๆ เลอแปงก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
ลุกขึ้นยืน ออกัสเดินออกจากห้องผู้ป่วย ยืนอยู่ในโถงทางเดินที่ทอดยาวอย่างเงียบๆ เขาสูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ควันลอยคละคลุ้ง และบุหรี่ก็ติดอยู่ที่มือไม่ห่าง
ยิ่งไปกว่านั้น มือที่คีบบุหรี่ของเขาก็อดที่จะไหวสั่นไปด้วยไม่ได้ ควบคุมไม่อยู่ และควบคุมไม่ได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ