ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 235 คุณจะไปอเมริกากับเขา
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ความผิดครึ่งหนึ่งมันมาจากคุณ และความผิดอีกครึ่งหนึ่งมันเป็นเพราะฉัน ……”
เมื่อสี่ปีก่อน เขาและเธอต่างก็มีคนผิด คนที่เขารักในตอนนั้นคือหยาดฝน ตาชั่งของความลำเอียงทุกอย่าง ก็จึงย่อมตกไปอยู่ข้างหยาดฝน
ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือเมื่อไหร่ คนที่เขานึกถึงเป็นคนแรกก็คือหยาดฝน ยืนอยู่ในตำแหน่งของเขามันก็ถือเป็นเรื่องปรกติ และเธอก็ผิดที่มีเหตุผลเกินไป ดื้อรั้นเกินไป ไม่พูดความรู้สึกที่แท้จริงในใจตัวเองออกมา
มองดูเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาโอบร่างเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เกยคางแนบชิดไปกับเส้นผมที่หอมกรุ่น ถอนหายใจเสียงเบา“ อย่าเอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ตัวเองเลย เพราะผมมันโง่เอง ตอนนั้นไม่ทันได้รู้ใจตัวเองให้เร็วกว่านี้ ”
“ไปเถอะ ผมจะส่งคุณกลับบ้าน”ออกัสกอดเธอให้แน่นขึ้นอีก ริมฝีปากบางกดลงมา แล้วจูบไปยังติ่งหูที่อ่อนไหวของเธอ
เมื่อเดินมาถึงที่บ้านพักคอนโด เขายืนนิ่ง ท่อนแขนแกร่งก็โอบรัดรอบเอวคอดกิ่วของเธอ จ้องมองดูเธออย่างลึกซึ้ง ถอนหายใจเบา“อยากจะขึ้นไปข้างบนกับคุณจังเลย ……”
มุมปากเชอร์รีนยกหยักขึ้น ยิ้มอย่างแผ่วเบา จัดเนกไทบนเสื้อของเขาให้เข้าที่ “คุณยังไม่ควรขึ้นไปในตอนนี้ ”
“ผมรู้ ถ้าหากพวกท่านถามอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องของเรา คุณก็พูดบ่ายเบี่ยง แล้วผมจะเป็นคนตอบคำถามทั้งหมดเอง และถ้าหากเขาถามเกิดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนขึ้นแล้วทำไมยังจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีก คุณก็พยายามพูดให้ผมดูดี ว่าผมรักและผมจริงใจ กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง คำพูดอะไรที่นึกขึ้นมาได้ คุณก็พูดมันออกมาให้หมด……”ออกัสพูด ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
ดวงตาไหวสั่นเล็กน้อย เธอเลิกคิ้วขึ้น“นี่คุณ——”
“เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของผม……”ดวงตาของเขาสั่นไหว ยอมรับอย่างจนใจ“ภาพลักษณ์เมื่อสี่ปีก่อนได้ถูกทำลายลงไปหมดแล้ว ตอนนี้หากยังไม่สร้างภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น ถึงตอนนั้นจะขอลูกสาวของเขาได้ยังไง ?”
“ภาพลักษณ์ของตัวเองก็ไปจัดการเอาเอง” รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีก
“คุณเป็นครู มีทักษะในการพูด พูดจาคล่องแคล่วโน้มน้าวเก่ง คำขอนี้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงคุณหรอก ……”
เชอร์รีนรู้สึกตลก“ ความรู้สึกในการเป็นครูของฉันสำหรับคุณแล้วมันมีประโยชน์แบบนี้เองเหรอ?”
ออกัสลูบเบาๆไปที่ศีรษะของเธอ ดวงตาที่ลุ่มลึกฉายรอยยิ้มจัดเจน “ ผมเป็นผู้ชายของคุณ ตอนนี้มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี คุณจะไม่ช่วยผมรักษามันหน่อยเหรอ คุณครูเชอร์รีน รบกวนด้วยนะครับ ……”
เธอย่นคิ้ว อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ และดวงตาที่ร้อนแรงของเขาก็จ้องมองเธอ ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ข้อมือใหญ่บีบไปที่คางของเธอ เชยมันขึ้นอย่างเอาแต่ใจ วินาทีต่อมา ก็กดจูบลงไปโดยไม่ให้มีคำอธิบายอะไร
ผ่านไปสักพัก เขาจึงถอนริมฝีปากออก หน้าอกกระเพื่อมไหวเล็กน้อย ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดออกทางจมูก มือหนาประคองใบหน้าเรียวสวยของเธอ หน้าผากของทั้งสองคนชนกัน กัดไปที่ปลายจมูกของเธอเบาๆ “ ขึ้นไปเถอะ……”
“ค่ะ ”เชอร์รีนก้าวถอยหลังออกจากอ้อมกอดของเขา“คุณเองก็กลับไปได้แล้ว ”
“ให้คุณขึ้นไปก่อน แล้วผมค่อยไป……” น้ำเสียงที่แผ่วเบาของเขาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเองที่มันเร่าร้อนและดิบเถื่อน แม้จะเป็นเพียงการจากกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ยังอาลัยอาวรณ์ได้ขนาดนี้ อยากจะมัดเธอให้ผูกติดกับตัวเองไว้อยู่ตลอดเวลา ไปไหนก็ไปด้วยกันทุกที่
เหมือนเด็กหนุ่มในวัยกลัดมัน ที่เพิ่งจะมีความรักในครั้งแรก ยากเกินถอนตัว พอคิดว่าจะต้องแยกจาก ก็รู้สึกราวกับทุกอย่างมันว่างเปล่า
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นใจ เธอพยักหน้า หันหลัง แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป จนใกล้จะถึงทางเดินบริเวณชั้นสอง ก็ยังเห็นเขายืนอยู่ที่เดิม ส่งยิ้ม แล้วโบกมือให้เขา เพื่อส่งสัญญาณให้เขากลับไปได้แล้ว
ริมฝีปากออกัสยกหยัก ยังไม่คิดจะจากไป ยืนไขว้ขา พิงอยู่กับตัวรถ มองดูแผ่นหลังของเธอ
หมดหนทาง เชอร์รีนก็มองมาที่เขาอีกครั้ง เดินต่อไปเรื่อยๆ จนร่างเธอหายลับตาไป ออกัสจึงละสายตาออก เดินขึ้นรถ แล้วจากไป ใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนสายลมเย็นสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเชอร์รีนกลับมาถึงที่ห้อง กนกอรกับจักรกฤษกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ทำตัวไม่ถูก เธอพูดเสียงเบา “พ่อค่ะแม่ค่ะ”
“ฉันขอบอกไว้ก่อน อยากจะกลับไปคืนดีกับเขา ไม่มีทางเด็ดขาด เขาว่ากันว่าหกล้มที่ไหนก็ให้ลุกขึ้นจากที่ตรงนั้น แต่แกกลับจะล้มอยู่ที่เดิมซ้ำๆ!”อารมณ์โกรธของกนกอรยังไม่เบาบางลง“ ฉันคิดว่าแกโตพอที่จะรู้เรื่องแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้แกกลับทำอะไรแผลงๆแบบนี้ได้ ”
ไม่พูดอะไร และไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น เธอพูดเพียงว่า “พ่อค่ะแม่ค่ะ วันมะรืนหนูจะไปอเมริกานะ ”
“ไปทำอะไรที่อเมริกา ?”กนกอรประหลาดใจ
“ขาขององค์ชายเริ่มมีความรู้สึกแล้ว ให้เขาไปที่นั่นคนเดียวหนูไม่วางใจ หนูอยากจะไปเป็นเพื่อนเขา ดูความเป็นอยู่ทุกอย่างของเขาจนเรียบร้อย หนูก็จะกลับ”
ได้ยินดังนั้น กนกอรก็ไม่ได้ห้าม และจักรกฤษก็ยิ่งไม่ห้าม “ไปเถอะ องค์ชายเขาเป็นคนดี เราจะตัดญาติขาดมิตรกันไปเลยไม่ได้”
พยักหน้า และรับคำ เชอร์รีนก็กลับเข้าห้อง และเริ่มจัดกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ถึงเวลาพาซารางไปด้วย
กำลังจัดเสื้อผ้าอยู่ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เห็นชื่อที่ปรากฏตรงหน้าจอ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย กดรับสาย ถอนหายใจเบา“ ฉันเปลี่ยนชื่อที่บันทึกอยู่นี้ได้ไหม?”
“ทำไมล่ะ ?”ทันทีทันใด น้ำเสียงของชายหนุ่มก็ทุ้มต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
“รู้สึกขนลุก และสะอิดสะเอียนนิดหน่อย”เธอพูดมันไปตรงๆ
“แค่ตัวหนังสือคุณยังรู้สึกขนลุก และสะอิดสะเอียนได้ขนาดนี้ แล้วนี่ถ้าให้คุณพูดมันต่อหน้าผม คุณไม่อ้วกแตกใส่ผมเลยเหรอ แค่คำใช้เรียกชื่อแทนกันมันทำให้คุณขยะแขยงได้ขนาดนี้เลยเหรอ หืม?”
เธอหารือ “งั้นเราเปลี่ยนคำเรียกขานอื่นกัน ดีไหม?”
“คุณลองพูดชื่อที่คุณคิดได้ออกมาซิ ผมขอฟังหน่อย ดูสิว่ามีชื่อไหนที่ถูกใจผมบ้างหรือเปล่า……”
ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า“ช่างมันเถอะ ”
คิดอยู่นาน เธอก็คิดอะไรไม่ออก อีกอย่าง มือถือเป็นของเธอ อำนาจในการเปลี่ยนชื่อทุกอย่างอยู่กับเธอ ทำไมต้องไปปรึกษากับเขาด้วย ?
ผ่านทางโทรศัพท์ เขาได้ยินเสียงแปลกๆดังขึ้นเป็นระยะ คิ้วที่ได้รูปก็ขมวดขึ้น“ คุณกำลังทำอะไร ทำไมถึงมีเสียงดังกุกๆกักๆ?”
“ก็เก็บกระเป๋าไง วันมะรืนจะไปอเมริกา คุณอย่าห้ามฉันเลย ฉันตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ”
“ได้ ผมไม่ห้ามคุณหรอก ผมก็จะไปเตรียมตัวเหมือนกัน……”
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็นิ่งไป“ คุณไปเตรียมตัวทำอะไร ?”
“เตรียมตัวเก็บกระเป๋าไง ผมก็จะไปอเมริกาด้วย ไปเข็นรถเข็นให้องค์ชาย คุณอย่ามาห้ามผม……” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ดังเข้ามาในหู และดูจริงจังมาก
กว่าจะตามง้อแม่ของลูกกลับมาได้ ตอนนี้ยังต้องมานั่งมองดูแม่ของลูกไปอเมริกากับศัตรูหัวใจอีก จะตลกเกินไปล่ะ!
คิ้วที่ขมวดอยู่ของเชอร์รีนอดไม่ได้ที่จะกระตุก ในจังหวะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด โทรศัพท์ก็แบตหมด และปิดเครื่องไปเอง เธอก็จึงต้องไปชาร์จแบตก่อน
ในอีกด้านหนึ่ง
ดนัยมองไปยังชายหนุ่มที่ใบหน้ามืดมน ขยับเข้าไปใกล้“เป็นอะไร คุณครูเชอร์รีนตัดสายนายทิ้งเหรอ ? นายว่า คุณครูเชอร์รีนจะรังเกียจนาย และรู้สึกรำคาญนายหรือเปล่า?”
ออกัสเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา อารมณ์คุกรุ่น ตอนนี้เขาไม่สบอารมณ์อย่างแรง อย่ามาเติมเชื้อไฟเขาจะดีกว่า