ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 237 หนุ่มหล่อหน้าตาดีโผล่มาอีกคน
คิ้วที่เรียวยาวของออกัสก็เลิกขึ้น มีความประหลาดใจและคาดไม่ถึงเล็กน้อย “คุณรู้จักเหรอ ?”
“พี่ชายฉันกับพ่อฉันชอบดู NBA มาก ฉันก็เคยดูอยู่บ้าง รู้จักอยู่แค่ไม่กี่คน นั้นคนนั้น เวด” นิ้วที่เรียวยาวของเธอชี้ไปข้างหน้า
เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขน“ รู้จักไม่น้อยเหมือนกันนะ……”
ตอนนี้เชอร์รีนก็มีความสนใจมากขึ้น “ จบเกมการแข่งขันแล้ว ไปขอลายเซ็นกับพวกเขาได้ไหม?”
“คุณอยากได้เหรอ ?”เขาหรี่ตาลง
“เอากลับไปฝากพี่ฉันกับพ่อไง นักบาสที่พวกเขาชื่นชอบ”เธอตอบมันอย่างหน้าตาเฉย
ได้ยินดังนั้น แววตาของออกัสฉายรอยยิ้ม ตอบกลับเธอทันควัน “ได้สิ”
เธอยิ้มอย่างมีความสุข ในตอนท้าย ก็พูดอีกประโยคหนึ่งว่า“ ให้ฉันด้วยอีกใบหนึ่ง ”
เสียงของชายหนุ่มก็ทุ้มต่ำ เห็นชัดว่าไม่พอใจ“ คุณจะเอาไปทำอะไร ?”
เขาพูดแบบคนปรกติไม่ได้หรือไง ? แค่อ้าปากก็ทำเอาคนอื่นไม่กล้ามองตรงๆ!
ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาทำเสียงให้อ่อนลง ชิดไปที่ติ่งหูเธอแล้วพูดกระเซ้าแหย่เย้าว่า“ที่รัก เปลี่ยนเป็นของผมแทนได้ไหม ? ทั้งตัว หรือครึ่งตัว เปลือยกาย หรือเปลือยครึ่งท่อน ขอแค่คุณต้องการ กี่ใบ มุมไหนก็ไม่ใช่ปัญหา……”
ช่างเหลือทนจริงๆ แก้มเชอร์รีนเห่อร้อน ทุบไปที่หน้าอกของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่มุมปากกับยกยิ้ม“ งั้นไม่สู้เอารูปของเดวิด เบคแคม มาติดดีกว่า”
“คุณรอเลย รอดูว่ากลับไปแล้วผมจะจัดการคุณยังไง……”เขาเชยคางเธอขึ้น จูบไปที่ริมฝีปากบางอย่างดุเดือด แววตาแฝงไปด้วยอารมณ์หึงหวง ลึกซึ้งและเร่าร้อน
หลังจากดูการแข่งบาสเกตบอลจบก็กลับมาที่คฤหาสน์ ออกัสก็เพิ่งจะมารู้สึกตัวว่าทรงผมของตัวเองถูกมัดกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ตรงกลางศีรษะยังถูกมัดขึ้นเป็นจุกอยู่จุกหนึ่ง ซึ่งดูโดนเด่นเป็นพิเศษ
และจากสนามบาสจนถึงคฤหาสน์เขากลับมาด้วยสภาพแบบนี้ ระหว่างนั้นยังได้แวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารด้วย จะมีกี่คนที่ได้เห็นรูปลักษณ์อันทรงเกียรติของเขาแบบนี้กัน ?
โดยทันที ใบหน้าของชายหนุ่มก็ดำขลับ ซารางตระหนักรู้ตัวได้ในทัน รีบไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเชอร์รีน แล้วหัวเราะคิกคัก
กลั้นมาตลอดทาง กลั้นจนรู้สึกอึดอัดไปหมด ในที่สุดเชอร์รีนก็หลุดขำพรืดออกมา จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ
ออกัสจ้องมองไปที่คนทั้งสองคนอย่างสงบไม่ไหวติง อุ้มซารางขึ้นก่อนแล้ววางลงบนเตียง กลั่นแกล้งรังแกไปยกหนึ่ง จากนั้นก็ถึงคิวของเชอร์รีน
ภายในห้อง มีเสียงหัวเราะดังอย่างต่อเนื่อง และดังอยู่นาน จนในที่สุดก็เงียบเสียงลง
สามคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ซารางนอนตรงกลาง เชอร์รีนอยู่ฝั่งซ้าย และออกัสอยู่ทางขวา
“มา มานอนกับแด๊ดดี้……”ออกัสเปลี่ยนเรื่อง แล้วกอดซารางไว้แนบอก
นอนลงไป ใบหน้าซารางเต็มไปด้วยความรังเกียจ“แด๊ดดี้มันแข็ง ไม่นิ่มเหมือนหม่ามี๊เลย หนูจะนอนกับหม่ามี๊”
เห็นเพียง ร่างเล็กปีนลงจากอกของเขา จากนั้นก็ซุกไปที่อกของเชอร์รีน โอบไปที่เอวของเธอ ปากเล็กพึมพำ“ หม่ามี๊หอมที่สุด !”
มองดูภาพตรงหน้า นัยน์ตาดำขลับของออกัสก็หลุบลง สิ่งที่ไม่ได้ระบายออกก็ยิ่งอัดอั้นและอึดอัดมากขึ้นไปอีก
มือใหญ่ขยับ เขาก็สัมผัสไปที่เอวบางของเธอ เชอร์รีนถลึงตามองเขา เพื่อเป็นสัญญาณเตือน ว่าเขาลองกล้าขยับดู
ยกมือแตะไปที่จมูก ชายหนุ่มจำต้องถอนมือออก
“กลับไปนอนที่ห้องของคุณ”ยกเท้าขึ้น แล้วสะกิดไปที่ขาของเขาเบาๆ
ดวงตาหลุกหลิกเล็กน้อย ชายหนุ่มทำราวกับไม่ได้ยิน หันหลัง แผ่นหลังกว้างปรากฏขึ้นตรงหน้า จากนั้นก็ผล็อยหลับไป ลูกสาวของเขาช่างรู้เวลาตื่นจริงๆ!
อันธพาล!เชอร์รีนทำอะไรเขาไม่ได้ ก็จึงไม่สนใจเขาอีก ตบไปที่หลังของซารางเบาๆ เขาหลับสนิท สาเหตุอาจเป็นเพราะเหนื่อยมากจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอเองก็ผล็อยหลับไปด้วยเช่นกัน
ภายในห้องก็เงียบสงบทันที ค่อยๆลืมตาดู ออกัสตะแคงข้าง มือที่เรียวยาวปัดปอยผมที่กระจัดกระจายอยู่บนใบหน้าทัดไปที่หลังหูของเธอ จูบไปที่ริมฝีปากสีแดงของเธอเบาๆ จากนั้นก็จูบไปที่แก้มอมชมพูของซาราง
ตามมาด้วยการหยัดกายลุกขึ้น เขาเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยเสียงเบา และชำระร่างกายด้วยน้ำเย็น
ได้รับการดูแลจากผู้ชำนาญการ ดังนั้นขาขององค์ชายก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองก็มีความรู้สึก และสามารถยืนได้เป็นเวลาหนึ่งนาที
เขาปรับตัวได้กับการใช้ชีวิตในอเมริกา ไม่มีผลกระทบอะไร ซึ่งมันทำให้เชอร์รีนเบาใจได้อย่างมาก
“พาซารางกลับไปได้แล้ว” องค์ชายพูดด้วยรอยยิ้ม“ ฉันว่าแม่สาวน้อยคงเบื่อที่จะกินแฮมเบอร์เกอร์แล้ว”
“คุณล่ะ?”สายตาเชอร์รีนมองตรงมาที่เขา
“รอขาของผมหายดีก็ย่อมต้องกลับเมืองs งานของผมอยู่ที่เมืองsนะ ยังไงก็ต้องกลับไปที่นั่น อีกอย่าง ที่นี่ก็มีแต่ผู้ดูแลที่เป็นมืออาชีพ คุณยังจะกังวลอะไรอีก ? กลับไปเถอะ กลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขกับเขา ”
อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเอง ยังไงมันก็ไม่มีวันใช่ รอยยิ้มบนใบหน้าขององค์ชายความขมขื่นค่อยๆลดลงไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับไปก่อนนะ ถ้าคุณกลับไปเมืองsแล้วอย่าลืมโทรหาฉันล่ะ” อันที่จริง ก็เป็นอย่างที่องค์ชายพูด เธออยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“ได้”องค์ชายยังคงยิ้มให้
ค่ำคืนของลอสแอนเจลิส นั้นสวยงาม แสงไฟสว่างไสว หลังจากได้ซึมซับบรรยากาศของช่วงค่ำคืนไปแล้ว ทั้งสามคนก็เดินทางกลับเมืองS
“กลับไปที่คอนโดผมก่อนแล้วกัน……”เขาหยิบกระเป๋าเดินทางในมือของเธอมา จ้องมาเธอ แล้วจึงพูดขึ้น
เชอร์รีนส่ายหัว“ฉันพาซารางกลับไปก่อนดีกว่า”
“ไปพักที่คอนโดผมสักสองสามวันเถอะนะ พวกท่านไม่รู้สักหน่อยมาคุณกลับมาวันนี้ ไม่ใช่เหรอ ? ”มือใหญ่ของออกัสรวบไปที่เอวบางของเธออย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากบางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แบบนี้มันดูไม่ดีเลยนะ ออกัส เห็นชัดเลยนะว่าคุณพยายามใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด !”
“ให้ทำยังไงได้ล่ะ?”เขากระชับอ้อมแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น หน้าผากแนบลงกับเธอ ปลายจมูกชนกัน“แล้วผมจะเจอคุณได้อย่างไร หืม ?”
ลมหายใจร้อนๆของเขาราดรดบนใบหน้าของเธอ เชอร์รีนดันร่างเขาออกเบาๆ ผู้ชายคนนี้ชักชอบจะปากว่ามือถึงเข้าไปทุกทีแล้ว !
“ฉันจะโทรหาคุณ อีกอย่างฉันแค่จะกลับบ้านเองนะ ไม่ได้จะตายจากกันสักหน่อย”
“เชอร์รีน คุณช่วยพูดอะไรที่มันฟังแล้วรื่นหูหน่อยได้ไหม?”เขาไม่พอใจ แกล้งดุแล้วบีบไปที่จมูกของเธอ เป็นการลงโทษ
แลบเลียไปที่ริมฝีปาก เธอจับมือของเขาลง พูดปลอบเขา“ฉันจะติดต่อมาหาคุณเอง ออกัส คุณรู้ไหมว่าท่าทีของคุณตอนนี้มันเหมือนอะไร?”
“อะไร?”
“ตาแก่ขี้บ่น!”เธอพูดออกมาสองคำ
เขาหัวเราะเสียงต่ำ ไอความร้อนเป่าลงที่ลำคอ พูดเสียงต่ำว่า“ตาแก่ขี้บ่นที่ไม่รู้จักพอ คำเปรียบเปรยนี้เข้าท่าดี ผมชอบ……”
“……”
“ให้คนขับส่งคุณกับซารางกลับนะ”
เธอมองมาที่เขา“แล้วคุณล่ะ?”
“ผมจะเข้าบริษัท หลายวันนี้น่าจะมีเอกสารกองโตที่รอให้ผมไปจัดการ จะแวะไปที่บริษัทก่อน”
พยักหน้า เธอเขย่งเท้าขึ้น จัดเนกไทที่คอเสื้อของเขาให้เข้าที่“ ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะ”
รับคำแล้ว เขาก็จูบไปที่ใบหน้าของเธอกับซาราง แล้วจากไป คนขับรถเอากระเป๋าขึ้นลง แล้วขับพาเธอกับซารางแยกออกไปอีกทิศทางหนึ่ง
ทันทีที่กลับถึงบ้าน กนกอรก็ทั้งกอดและหอมซาราง ซ้ายที ขวาที หอมอยู่อย่างนั้นไม่หยุด จักรกฤษก็กอดซาราง มองสำรวจว่าซูบผอมไปรึเปล่า อยู่ทางโน้นได้กินดีไหม
ซารางพยักหน้า หยิบของขวัญที่เตรียมเอาไว้สองชิ้นออกจากกระเป๋าเดินทาง เสียงใส“ นี่ของคุณย่า นี่ของคุณปู่”
“โอ้ แม่ทูนหัว ซื้อของขวัญมาฝากย่าด้วย มา มาให้ย่าหอมหน่อยหลานรัก !”
เชอร์รีนเทน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว นั่งลงบนโซฟา แล้วเล่าเรื่องขององค์ชายให้คนทั้งสองได้ฟัง เมื่อได้ยินที่เล่า ทั้งคู่ก็ถึงได้โล่งใจ
หลังอาหารเย็น เชอร์รีนก็ได้รับโทรศัพท์ ที่โทรมาจากนาโน บอกว่าไม่ได้เจอกันนาน ให้เธอออกไปสังสรรค์กัน
กนกอรไม่ได้ห้าม เธอหยิบกระเป๋า หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็ออกจากบ้านพักไป
รถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดงจอดอยู่ข้างทาง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเปิดประตู ก็เห็นยู่ยี่นั่งอยู่ที่เบาะหลังแล้ว จึงขึ้นรถไป และรถก็ขับแล่นออกไปข้างหน้า
ท้องไส้ของยู่ยี่ปั่นป่วนไปหมด เธอจำฝืนทน และเชอร์รีนเองก็ไม่ได้ดีไปกว่า โยกจนเวียนหัวไปหมด เอนตัวพิงไปที่ขอบหน้าต่าง
“นาโน ขับช้าหน่อยมันจะตายหรือไง ? ตอนนี้ยู่ยี่ก็กำลังตั้งท้องอยู่ !”
ได้ยินดังนั้น นาโนก็จึงลดความเร็วลง สถานที่ที่ไปคือสถานบันเทิง เสียงเพลงดังสนั่นหวั่นไหว และแสงไฟกะพริบ
พวกเขาสามคนไม่ได้มาสถานที่แบบนี้นานมากแล้ว ยู่ยี่ไม่ดื่มเหล้า และเชอร์รีนก็เป็นคนคออ่อน จึงไม่กล้าแตะมันเท่าไร นาโนคนเดียวดื่มติดต่อกันไปสี่ถึงห้าแก้วแล้ว
พอเมาได้ที่ ก็เอาแต่พูดถึงดนัย จับผิดไปซะทุกอย่าง และไม่เคยจะเข้าข้างเธอเลย
ความกรุ่นโกรธที่มี หลังจากที่ได้ระบายมันออกมาแล้ว ก็เดินไปในฟลอร์เต้น แล้วขยับโยกร่างกายไปมา เต้นตามจังหวะเสียงเพลง
เชอร์รีนกับยู่ยี่นั่งอยู่บนโซฟา ด้านหน้าคนทั้งสองมีเมล็ดทานตะวันอยู่ กินเมล็ดทานตะวันไปด้วย ก็พูดคุยกันไปด้วย
“คุณผู้หญิง เต้นกับผมสักเพลงได้ไหมครับ ?”จังหวะนั้น ก็มีเสียงของผู้ชายที่ทั้งนุ่มนวลและมีเสน่ห์ดังขึ้น
ทั้งสองคนหันไปมอง เห็นเพียงชายหนุ่มสวมชุดสูทสีเทาลายทาง หน้าตาโดดเด่นไม่ธรรมดา ภูมิฐานและสง่างาม มือใหญ่ที่ดูสะอาดและเรียวยาวยื่นมาตรงหน้าของเชอร์รีน ให้ความรู้สึกสุภาพอ่อนโยนและเป็นมิตรในคราเดียว
เชอร์รีนตะลึงงัน……
เหลือบมองไปที่ยู่ยี่ จากนั้นก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง“คุณกำลังพูดกับฉันเหรอคะ ?”
เสียงของชายหนุ่มไม่รีบไม่ร้อน ราวกับสายลมเบา และพูดอย่างสุภาพว่า “ครับ”
ยู่ยี่ชนไปที่ไหล่ของเธอเบาๆ พูดเสียงกระซิบ “ แหมนี่ เสน่ห์แรงซะจริงเลยนะ องค์ชายเพิ่งจะไป หนุ่มหล่อหน้าตาดีก็เข้าหาเลย ”
“เหลวไหล”เชอร์รีนกระซิบกลับ จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าราวๆสามสิบวิ เธอกะพริบตาถี่ๆ วางเปลือกเมล็ดทานตะวันในมือลงไปที่ฝ่ามือของชายหนุ่ม หัวเราะเบาๆ“ รบกวนช่วยทิ้งที่ถังขยะให้ทีนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ชายหนุ่มผงะเล็กน้อย แล้วยกยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำให้คนรู้สึกเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ“การตอบสนองของคุณผู้หญิงช่างน่าทึ่งจริงๆ บางที เราอาจจะได้เจอกันอีกนะครับ ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันหลัง แล้วจากไป โยนเปลือกเมล็ดทานตะวันนั้นทิ้งขยะด้วยท่าทีที่สง่างาม ดวงตาราวกับจะดูลุ่มลึก และมีความเรียบเฉย
จ้องมองไปที่แผ่นหลังนั้นอยู่ชั่วครู่ คิ้วของเชอร์รีนก็ขมวดขึ้น ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นถึงได้ดูคุ้นจัง เหมือนเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน
เธอนั่งนึก แต่ก็นึกไม่ออก ใบหน้าแบบนั้นเธอแน่ใจว่าเคยเห็นมันมาก่อน แต่ว่าจะเป็นที่ไหนนั้น เธอนึกมันไม่ออกจริงๆ
ไม่นาน เธอก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น
สี่ทุ่มแล้ว นาโนยังคงไม่คิดที่จะหยุด ยิ่งเต้นก็ยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆ
“เธอรีบกลับบ้านหรือเปล่า ?” เชอร์รีนมองไปที่ยู่ยี่