ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 239 ผลกระทบที่ตามมา
“เชอร์รีน นี่คุณกำลังจงใจจะสื่ออะไร ? ”ออกัสเล่นหูเล่นตา ดวงตาไล่กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมีเลศนัย
ได้ยินดังนั้น เธออดไม่ได้ที่จะหยิกไปยังก้อนเนื้อนิ่มที่เอวของเขา“คุณช่วยทะลึ่งให้มันน้อยๆหน่อยจะได้ไหม?”
“ว่ากันว่าผู้ชายไม่ร้ายผู้หญิงไม่รัก ตอนนี้ยังจะมาสร้างภาพลักษณ์อีกมันก็เป็นแค่การแสดงแล้ว……”ออกัสตีไปยังหน้าผากว้างๆของเธอเบาๆ
“……”เมื่อก่อนทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะพูดจาฉะฉานขนาดนี้ “ฝีปากคุณ ไม่ไปทำอาชีพครู ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เขาเอื้อมมือไป นิ้วมือหยาบๆบีบไปที่คางของเธอ แล้วลิ้มเลียไปที่ริมฝีปากของเธออยู่ซ้ำๆ“บ้านนี้มีคนทำอาชีพครูคนเดียวก็พอแล้ว นี่ถ้าต้องมาปะทะคารมกันโลกไม่ต้องแตกเลยเหรอ ฝีปากดีก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีสักหน่อย ผมมีหน้าที่ดูแลครอบครัว คุณมีหน้าที่ดูแลสามีและลูก แค่นี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว……”
เชอร์รีนมองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ราวกับแดดที่ส่องกระทบกับผิวน้ำ ประกายระยิบระยับ ความหวานชื่นรื่นรมย์ผุดขึ้นในหัวใจ
อันที่จริงแล้ว นี่เป็นความรู้สึกของการที่ได้อยู่กับคนที่รัก ต่างจ้องมองกันเงียบๆ รู้สึกทุกอย่างเงียบสงบ
“นอนพักสักหน่อยเถอะ”เธอตบไปที่ว่างข้างๆ“ นี่จะตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานอีก นอนพักสักหน่อยเถอะนะ”
ริมฝีปากบางยกหยัก ร่างกายที่สูงโปร่งของออกัสโน้มตัวลง ถอดรองเท้าหนังที่สวมอยู่ออก แล้วนอนลงตรงที่ว่างข้างๆของเธอ
ไม่ได้กว้าง ผู้ใหญ่สองคนนอนด้วยกันก็จะคับแคบไปสักหน่อย ออกัสนอนตะแคง แล้วให้ร่างของหญิงสาวนอนตะแคงหันมา จากนั้นก็กอดไว้ในอ้อมแขน
วางคางไว้บนศีรษะของเธอ ข้อมือใหญ่ของเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา ตั้งเวลา เขาขอหลับตางีบสักพัก แค่ชั่วโมงเดียวก็จะกลับ
อบอุ่น และเป็นผู้ใหญ่ กลิ่นที่หอมกรุ่นของชายหนุ่มโอบรอบตัวเธอ นี่ก็ดึกมากแล้ว สองมือเธอกอดไปที่เอวของเขา ไม่นาน ก็ผล็อยหลับไป
ร่างของทั้งสองคนแนบชิดกัน ไม่มีช่องว่างใดๆ บรรยากาศภายในห้องก็ตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่น และความสุข
คืนนี้นอนหลับไปอย่างสบาย จนรุ่งเช้าเวลาหกโมง เชอร์รีนก็สะลึมสะลือลืมตาตื่น ก็เจอเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีดำของชายหนุ่มทันที
ในตอนแรก หัวสมองของเธอยังคงขาวโพลน จากนั้นก็ได้สติ สะดุ้ง แล้วลุกขึ้นนั่ง รีบผลักไปที่ร่างของชายหนุ่ม“ นี่!ออกัส ตื่นได้แล้ว !”
เส้นผมสีดำพลิ้วไสว ซ่อนคิ้วที่ได้รูปเอาไว้ กระดุมบนสามเม็ดของเสื้อถูกแกะออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ตึงกระชับผิวสีน้ำผึ้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น ตาที่เรียวยาวของเขาก็ค่อยๆลืมขึ้น มองเธออย่างเกียจคร้าน ไม่พูดอะไร สองมือกอดเธอไว้ในอ้อมแขน จมูกกดแนบไปที่แก้มเธอเบาๆ“ที่รัก ขอนอนอีกแป๊บหนึ่ง……”
เชอร์รีนกลอกตาอย่างไร้คำพูด“ออกัส ไม่ต้องนอนแล้ว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
ไม่พอใจ ออกัสเปลี่ยนท่านอนที่สบายมากขึ้น น้ำเสียงเกียจคร้าน“เรียกออกัส”
“ออกัส รีบลุกและไปได้แล้ว ไม่งั้นตื่นมาเจอพ่อกับแม่ฉันแน่”หกโมงเช้าแล้ว พ่อกับแม่มักตื่นนอนตอนหกโมงสิบนาทีเป็นประจำ
“สบายจริงๆ……”เขาไม่ยอมลุก
“คุณไม่ใช่ว่าอยากจะรักษาภาพลักษณ์ที่ดีกับพวกท่านเหรอ ? หากพวกท่านมาเจอคุณเข้า ภาพลักษณ์ของคุณไม่เหลือแน่!” เธอเตือนเขา
คำพูดนี้ใช้ได้ผลจริงๆ ดวงตาขยับ ในที่สุดออกัสก็ลุกขึ้นนั่ง ไม่พูดอะไรสักคำ โน้มตัวมาแล้วกดจูบเธออย่างรุนแรง
จนเชอร์รีนขาดออกซิเจน และหายใจไม่สะดวก เขาก็จึงปล่อย จัดชุดสูท และเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ให้เข้าที่
“เมื่อคืนคุณไม่ได้ตั้งเวลาไว้เหรอ บอกว่านอนแต่เดี๋ยวเดียวก็จะไป แล้วทำไมถึงไม่ไป ? ”เธอติดกระดุมเสื้อให้เขา
มือใหญ่นวดคลึงไปที่ขมับทั้งสองข้าง และถอนหายใจอย่างจนใจ“ ได้นอนกอดคุณแล้วรู้สึกสบายมาก นาฬิกาที่ตั้งไว้ดังแล้ว แต่ก็เหมือนถูกคุณสะกดจิต แล้วปิดนาฬิกาปลุกนั้นทิ้ง……”
“เอาล่ะพอแล้ว รีบไปได้แล้ว!”ระหว่างที่พูด เธอก็ดันเขาออกไปจากห้อง ขณะเดียวกันก็มองดูไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างระแวดระวัง กลัวว่าจะถูกจับได้
การทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ทำออกัสไม่พอใจเป็นอย่างมาก“นี่ผมมันน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ตอนนี้น่ะใช่……”เชอร์รีนตบไปที่หลังของเขา พูดเสียงเบา และโกรธเคือง“พ่อแม่ของฉันยังไม่ยกโทษให้คุณนะ ถ้าต้องมาเจอกันในสภาพแบบนี้อีก คุณต้องถูกขึ้นบัญชีดำของพวกเขาแน่ๆรู้ไหม ?”
คิ้วที่ได้รูปขมวดแน่น เขาหรี่ตาลง ถอนหายใจเสียงเบา “กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง……”
“ถูกต้อง ไม่ก่อกรรมชั่วก็ไม่ต้องรับผลกรรม ……”เธอเห็นด้วย และพยักหน้า
“แล้วนี่ ถ้าถูกขึ้นบัญชีดำแล้ว อีกนานแค่ไหมถึงจะถูกลบชื่อออกจากนั้นได้ ? ”
“ไม่แน่นอน……”
ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์
นอกจากออกัส คนอื่นๆต่างก็นั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่
“เลอแปง พี่แกล่ะ?”สุนันท์มองไปยังรอบๆโต๊ะอาหาร แต่ไม่เห็นออกัส
“ไม่รู้ครับ อยู่ที่คอนโดหรือเปล่า หรืออาจจะไปที่บริษัทแล้วก็ได้ ผมไม่รู้”เลอแปงกินน้ำซุปอยู่
ไม่ได้ถามต่อ สุนันท์คีบผักวางลงบนจานของสิงหา“ไม่ได้กินข้าวที่บ้านนานแล้ว กินเยอะๆนะ ”
“อืม”รับคำ สิงหาตักโจ๊กชามหนึ่งแล้วยื่นมันให้เธอ“ คุณเองก็กินเยอะๆ ช่วงนี้ผอมลงไปเยอะเลย ”
“ค่ะ”สุนันท์พยักหน้าให้ นับตั้งแต่ที่หัวหน้ามัทนาเสียไป นี่เป็นรอยยิ้มแรกบนใบหน้าของเธอ
หยาดฝนมองไปยังสิงหา จากนั้นก็หันมองไปที่สุนันท์ ดวงตาสั่นไหว แต่ก็ไม่มีพูดอะไร
หลังทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ เลอแปงไปที่บริษัท ขณะที่สิงหาไปที่ห้องหนังสือ ก้าวเท้าเดิน หยาดฝนก็เดินตามเข้าไปที่ห้องหนังสือ และปิดประตู
“มาแล้วเหรอหยาดฝน นั่งก่อนสิ”สิงหาชี้ไปยังที่นั่งที่อยู่ตรงหน้า
นั่งลงแล้ว หยาดฝนก็ถามเข้าตรงประเด็น“พี่ พี่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นหรือยัง ?”
“ทำไมถึงถามแบบนี้ เราไม่ได้เลิกกัน ทำไมเหรอ ?”สิงหาก็นั่งลงเช่นกัน“ทำไมจู่ๆถึงมาสนใจเรื่องนี้ได้?”
“เมื่อสี่ปีก่อน พี่บอกว่าจะหย่ากับพี่สะใภ้ไม่ใช่เหรอ ? ตอนนี้ผ่านมาสี่ปีแล้วนะ พี่ไม่เพียงไม่พูดเรื่องหย่า แต่กลับใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ นี่พี่กำลังเล่นอะไรอยู่?”
สิงหาจิบชาร้อน“การเลือกตั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ตอนนี้จะมีเรื่องอื้อฉาวได้ยังไง ? อีกอย่าง มีคุณตาของออกัสอยู่ ถนนเส้นนี้ก็ถือว่าราบรื่นดีมาก ”
“แล้วพี่ไม่คิดเหรอ ว่าสักวันหากทุกอย่างถูกเปิดเผย ถึงตอนนั้นจะจัดการมันยังไง !”
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ คงต้องรอดูมันไปเรื่อยๆเท่านั้น รอการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ฉันจะพูดเรื่องหย่าเอง”สิงหามีแผนในใจอยู่แล้ว
หยาดฝนขมวดคิ้ว“พี่รู้ไหมว่าผลที่ตามมาของเรื่องนี้จะเป็นยังไง? ไม่ว่าจะเป็นออกัสหรือเลอแปง พวกเขาจะต้องเกลียดพี่ !”
“นั้นมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นพี่ชอบเธอจริงๆ”
“บางที คุณท่านตระกูลอนันต์ธชัยเขาอาจจะเล่นงานพี่ก็ได้ พี่ พี่ต้องคิดให้รอบคอบ และไตร่ตรองให้ดี”