ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 242 ฉันมีเคยมีลูกมาสองคน
บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์
น้ำตาของหยากฝนไหลรินลงมา จนใบหน้าของเธอก็เปียกชุ่มไปหมด
สุนันท์ปลอบโยนเธอ และด่าทอเชอร์รีนไปด้วย คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจและไม่ชอบขี้หน้า
“ออกัสคงจะตาบอด จนตอนนี้มองไม่เห็นอะไรซักอย่าง ยัยบ้านั้นมันมีเล่ห์เหลี่ยม! แค่หน้าเธอฉันก็จะบ้าตายแล้ว!”
“แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นอะไร” หยาดฝนถามกลับ เธอยิ้มเยาะเย้ยและร้องไห้ออกมา จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่หายจากอาการตกใจเลย และเธอก็ยังดูมึนๆ งงๆ
สิงหาขมวดคิ้วแน่นและพูดกับหยาดฝนว่า “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันกับพี่สะใภ้ของเธอจะไม่เข้าข้างผู้หญิงคนนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยาดฝนก็ส่ายหัว ในขณะนี้เธอไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เธอรู้สึกเจ็บ รู้สึกปวด รู้สึกอยากร้องไห้มากๆ
“ปลอบเธอหน่อยแล้วกัน” สิงหาพูดกับสุนันท์
สุนันท์เหยียดแขนของเธอออกและโอบหยาดฝนไว้ ก่อนจะตบหลังเธอเบาๆ จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมเธอ ภายในใจเธอก็เอาแต่สาปแช่งเชอร์รีนอย่างรุนแรงในใจ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สิงหาหยิบโทรศัพท์ออกมา และเมื่อเขาเห็นเบอร์โทรศัพท์ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาแสดงความดีใจออกมาเล็กน้อย และเขาเหลือบมองที่สุนันท์ที่ไม่ได้สังเกตเขา จากนั้นก็เดินไปด้านข้าง เพื่อรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ถึงที่นั่นหรือยัง”
หลังจากนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง สีหน้าของสิงหาก็เปลี่ยนไปในทันใด ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็วางสายและเดินตรงออกไปนอกบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์
สุนันท์ที่กำลังปลอบโยนหยาดฝนอยู่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “สิงหา คุณจะไปไหน?”
จากนั้น เธอก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เพราะว่าสิงหาเดินออกไปข้างนอกบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ตั้งนานแล้ว และเขาก็ได้ขึ้นไปนั่งบนรถ
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดูจากสีหน้าพี่ชายของเธอแล้วทำไมเขาดูรีบร้อนจัง แค่ตอบคำถามฉันเขาก็ยังไม่มีเวลาตอบเลย” สุนันท์ขมวดคิ้ว
ในตอนนี้หยาดฝนไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ เธอเอาแต่ยิ้มเยาะเย้ย เมื่อครู่นี้สิ่งที่เธอเห็นในคอนโด และคำพูดที่ชี้ขาดของออกัส มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องนั้นซ้ำไปซ้ำมา
ครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพนั้นย้อนกลับมาอย่างต่อเนื่อง จนจะทำให้เธอเป็นบ้าแล้ว
ความรู้สึกรักใคร่ที่มีให้กันมากว่า 10 ปี หมดลงไปแล้ว เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าเขาจะเด็ดขาดขนาดนี้
“พอแล้ว ไม่ต้องเศร้าแล้ว อะไรๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือคิดหาวิธีเอาเขากลับมาจากยัยบ้านั่น”
คิ้วของสุนันท์ขมวดแน่นอีกครั้ง “จะว่าไป ระยะเวลา 4 ปีนี้ เธอก็ไม่สามารถผูกมัดหัวใจของออกัสได้เลย!”
ในเรื่องนี้ เธอดูถูกเธอเล็กน้อย ระยะเวลา 4 ปีนี้ ก็คงจะมีเวลาได้ใกล้ชิดกันไม่มากก็น้อย!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยาดฝนก็มองดูเธอด้วยดวงตาที่น้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งว่า “หัวใจของคนสามารถผูกมัดได้เหรอ”
ถ้าหัวใจของคนสามารถผูกมัดได้ มันคงจะดีมาก!
แต่น่าเสียดาย…
ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เธออยากจะเข้าใกล้เขา และแต่งงานกับเขา แต่ระหว่างทั้งสองคนก็ไม่มีความใกล้ชิดที่ดูสนิทสนมกันเลย
ทุกครั้งที่เธอตั้งใจเข้าใกล้เขา และอยากให้เกิดอะไรขึ้น แต่เขามีเหตุผลมากมายที่จะผลักไสเธอออกไปเสมอ นอกจากนี้ หากคบกันมา 4 ปีแล้วสามารถผูกมัดหัวใจของคนได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเธอกับพี่ชายคนโตก็ได้อยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถผูกมัดหัวใจเขาได้เลยนี่?
ดังนั้น ทำไมต้องมาหัวเราะเยาะคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันด้วย!
นอกจากนี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเธอเข้ามายุ่งเกี่ยวข้อง ถ้าอย่างนั้น ในตอนนี้คนที่แต่งงานกับออกัสและมีลูกกับเขาก็คงจะเป็นเธอ ไม่ใช่เชอร์รีน!
ท้ายที่สุดแล้ว ยังไงคนที่กระทำความผิดก็คือเธอ!
“ถ้าผูกมัดไม่ได้ก็ชั่งเถอะ ทำไมต้องมองมาที่ฉันแบบนี้ด้วย” สุนันท์เหลือบมองเธอ เธอไม่เข้าใจความหมายในดวงตาของเธอ “ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่เอาออกัสกลับคืนมา เธอควรจะรีบหาทาง”
“ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ฉันจะขึ้นไปพักผ่อนก่อน” หลังจากพูดจบเธอก็ลุกขึ้น เธอเก็บสายตาก่อนจะขึ้นไปชั้นบน
สุนันท์โทรหาสิงหา เธอต้องการจะถามเขาว่าเขาไปที่ไหน จะกลับมาทานอาหารเย็นไหม แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรับสาย
……
อีกทางด้านหนึ่ง
ระหว่างทาง สิงหาขอให้คนขับรถเพิ่มความเร็วเป็นความเร็วสูงสุด โดยไม่คำนึงถึงสัญญาณไฟจราจรบนท้องถนนเลย เดิมทีต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งจากบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ไปที่โรงพยาบาล แต่สุดท้ายพวกเขาใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว
คุณหมอที่ดูแลรออยู่แล้ว และเมื่อเขาเห็นเขา เขาก็ทักทายเขาทันที “คุณสิงหา”
“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ดวงตาของสิงหาเต็มไปด้วยความกังวล แต่ตอนนี้เขาพยายามกดความรู้สึกนั้นไว้ และเขาไม่ต้องการให้คนรอบข้างเขาเห็นเบาะแสอะไร
“ส่งไปที่ห้องผ่าตัดแล้ว และกำลังรอผลการตรวจสอบอยู่”
“ใครพาเธอมาที่นี่” สิงหาถามอีกครั้ง
“เพื่อนของเธอ ส่งมาเมื่อคืนนี้” คุณหมอบอก “คุณสิงหานั่งรอสักพักนะครับ เดี๋ยวเธอก็ออกมา”
หลังจากนั้นคุณหมอก็เดินออกไป และสิงหาก็นั่งรออยู่ในห้องทำงานของคุณหมอที่ดูแลรับผิดชอบ ครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก และคุณหมอก็ออกมาก่อน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องทำงานโดยตรง “คุณเซิน”
สิงหารู้สึกร้อนรนมากๆ “บอกผมเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอเถอะ”
“คุณสิงหา เธอเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผลการตรวจสอบก็ออกมาแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างกายของสิงหาก็สั่นสะเทือนไปหมด เขาหายใจถี่ขึ้น และเขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “พูดอีกครั้งสิ!”
“เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแน่นอน ทางเราได้ทำการตรวจสอบสองครั้งแล้ว และผลลัพธ์ก็ตรงกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีข้อผิดพลาดอะไร”
ชั่วขณะหนึ่ง สิงหารู้สึกว่ามือและเท้าของเขาเย็นไปหมด และเลือดทั่วร่างกายของเขาก็ไหลเวียนไปที่ศีรษะของเขา โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว!
“คุณสิงหาอย่ากังวลไป เธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะเริ่มต้น ตราบใดที่เธอให้ความร่วมมือในการผ่าตัดและรักษา เธอก็ยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ โชคดีที่มันถูกค้นพบได้ทันเวลา”
หลังจากกลับมารู้สึกตัวแล้ว สิงหาก็พูดด้วยท่าทางมีความสุข “เอาล่ะ เตรียมตัวผ่าตัดได้เลย!”
“คุณสิงหา ในการผ่าตัดจะต้องมีการจับคู่ไขกระดูกที่ตรงกันสำหรับการปลูกถ่าย ดังนั้นเราต้องหาไขกระดูกที่ตรงกันก่อน ถึงจะสามารถทำขั้นตอนต่อไปได้ และอัตราการจับคู่ไขกระดูกระหว่างพ่อแม่และลูกมีความเป็นไปได้สูงที่สุด”
หลังจากนั้น สิงหาก็ไปที่ห้องผู้ป่วย ผู้หญิงคนนั้นถูกส่งตัวออกจากห้องผ่าตัด และตอนนี้เธอกำลังหลับอยู่
เธอคู่ควรกับคำว่างดงามจริงๆ เธอมีรูปทรงคิ้วที่ดูดี สันจมูกเล็กๆ ริมฝีปากอวบอิ่ม และใบหน้ารูปไข่ เธอเหมือนกับหญิงงามที่ออกมาจากภาพวาดโบราณ บนตัวของเธอมีออร่าที่ดูดีแผ่ออกมา
สิงหานั่งอยู่ข้างๆ และจับมือเธอไว้ ในใจของเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
บางทีอาจจะเป็นเพราะการถอนหายใจของเขาที่ไปรบกวนผู้หญิงคนนั้น ขนตาของเธอก็ขยับเล็กน้อย และผู้หญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความงดงาม แต่ก็ดูมีเสน่ห์และเป็นกันเอง “คุณมาที่นี่ทำไม”
“วินดา คุณป่วยอยู่”
“ฉันรู้อยู่แล้ว เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง และฉันไม่ได้ขอให้เพื่อนโทรหาคุณ เพราะที่นี่คือเมืองS มันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของคุณ” นิ้วเรียวยาวของหญิงสาวปัดเส้นผมที่หนาแน่น ท่าทีของเธอ เต็มไปด้วยออร่าที่แผ่ออกมา
สิงหากำมือของเธออีกครั้ง โดยไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จับมันไว้แน่นๆ ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่
วินดาเลิกคิ้วขึ้น และนิ้วเรียวของเธอเลื่อนไปตรงคิ้วที่ขมวดแน่นของเขา “เป็นอะไรไป?”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง สิงหาจับมือเธอไว้ในอุ้งมือของเขา ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงและจูบเธอ “ผมจะหาไขกระดูกที่ตรงกับคุณให้ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วินดาก็สะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นเธอก็กลับสู่สภาวะปกติ “มองหาไขกระดูก? อาการป่วยของฉันดูยุ่งยากมากเลยนะ”
“มันอยู่ในระยะเริ่มต้นของมะเร็งเม็ดเลือดขาว คุณหมอบอกว่าตราบใดที่คุณพบไขกระดูกที่ตรงกันได้ และคุณให้ความร่วมมือในการรักษา คุณก็จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลไปนะ”
วินดาพยักหน้า เธอหรี่ตาของเธอลงอย่างเกียจคร้าน “มีผลไม้ไหม ฉันอยากทานผลไม้”
สิงหานำแอปเปิลมาปอกเปลือก คิ้วของเขายังคงขมวดแน่น “คุณไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยแล้วของคุณเลยเหรอ?”
ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม เธอก็มีท่าทีที่ดูสบายๆ เหมือนกับลูกแมวที่กำลังขดตัวเลย
แต่ตอนนี้เธอเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ปฏิกิริยาของเธอในตอนนี้ เขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าเธอจะมีท่าทีแบบนี้ เขากังวลว่าเธอจะเสียใจและร้องไห้
“ทำไมต้องกังวลด้วย คุณหมอบอกว่าตราบใดที่หาไขกระดูกที่ตรงกันก็สามารถทำการปลูกถ่ายได้แล้ว แค่นี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว อีกอย่างยังไงคุณก็ไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอะไรไปแน่นอน ไม่ใช่เหรอ?”
การหายใจของสิงหาค่อนข้างไม่เสถียร และแม้แต่หน้าอกของเขาก็ยังคงสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง “ใช่ ยังไงผมก็จะไม่ปล่อยให้คนเป็นอะไรไปแน่นอน!”
“แล้วฉันต้องกังวลเรื่องอะไรอีก” วินดาหัวเราะ “อ้อ ฉันเกือบลืมบอกคุณอย่างหนึ่ง ฉันเคยมีลูกมาก่อน” เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของสิงหาก็ดูตกใจจนไม่สามารถปกปิดได้ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความเยือกเย็น
“ไม่มีความสุขเหรอ? แต่มันเป็นเรื่องสมัยวัยรุ่นน่ะ ถ้าคุณรังเกียจ คุณสามารถไปจากฉันได้”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร! ผมแค่ตกใจ อีกอย่างคุณก็บอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องสมัยยังวัยรุ่นอยู่ ผมจะรังเกียจได้ยังไง แต่คุณหมอบอกว่าอัตราการจับคู่ไขกระดูกระหว่างพ่อแม่และลูกนั้นสูงที่สุด ถ้าคุณมีลูก นี่ก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดแล้ว” สิงหากล่าว
มือเรียวของวินดาที่ทาเล็บสีแดงไว้ยื่นไปพลิกดูนิตยสารด้านข้าง แล้วพูดว่า “แต่ฉันได้ทิ้งลูกทั้งสองคนไปแล้ว”
“ทำไม?” สิงหายิ่งตกใจมากกว่าเดิม
“มันก็ย่อมมีสาเหตุและเหตุผลในการทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ดวงตาของวินดาสั่นไหวเล็กน้อย และมือของเธอที่พลิกดูนิตยสารก็หยุดลงเช่นกัน
สิงหาเองก็รู้นิสัยของเธอดี และเธอก็ไม่ชอบให้ใครขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของเธอ “แล้วคุณทิ้งลูกของคุณไว้ที่ไหน มันจะได้ง่ายเวลาส่งคนไปตามหา”
“เมือง S เปลี่ยนไปมาก อีกอย่างมันก็ผ่านมายี่สิบสามสิบปีแล้ว ฉันจะยังจำได้ยังไงกัน”
“ถ้าอย่างนั้นมีผู้คนมากมายแบบ ผมจะไปตามหาจากที่ไหนได้” สิงหาขมวดคิ้ว
“ฉันได้เก็บสิ่งที่ฉันพกติดตัวไว้ข้างเธอ ถ้าสามารถหาสิ่งนั้นได้ ถ้าอย่างนั้นก็จะหาเด็กเจอเหมือนกัน”
“สิ่งของอะไร?”
“แหวน…”
คอนโด
ออกัสไปที่บริษัทแล้ว เชอร์รีนทำความสะอาดคอนโดแล้ว เธอก็เรียกซาราง “ไปกันเถอะ ปิดทีวี ได้เวลากลับบ้านแล้ว”
ซารางบึนปาก ก่อนจะปิดทีวี “ทีวีในบ้านของแด๊ดดี้ใหญ่มาก หม่ามี๊อยู่กับแด๊ดดี้ไม่ได้เหรอคะ”