ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 245 รู้สึกว่าคุ้นหน้าเขามาก
ในอีกด้านหนึ่ง
แม้ว่าช่วงสิงหาจะกลับไปบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ แต่เขาจะไม่อยู่นานเกินไป และเขาจะออกไปในทันที เขาดูยุ่งอยู่เสมอ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สุนันท์ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย งานของเขาอยู่ที่อำเภอซีซ่า และเขากลับมาที่เมือง S แล้ว มีอะไรให้เขาทำอีกเหรอ
เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้น สุนันท์ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บเสื้อของสิงหา แต่เธอก็พบเส้นผมยาวของผู้หญิงคนหนึ่งจากปกเสื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทันใดนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอหายใจถี่ เธอโยนเสื้อออกไปข้างๆ ก่อนจะรีบออกจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ
สิงหากำลังนั่งดื่มชาบนโซฟา เขาวางแก้วน้ำชาลง เขา และเดินออกจากบ้านไป เมื่อเห็นสิ่งนี้ สุนันท์ก็หยุดกะทันหัน
เธอไม่มีหลักฐาน และเธอไม่แน่ใจว่าเขามีผู้หญิงอยู่ข้างนอกจริงๆ ถ้าเธอวิ่งไปข้างหน้าและถามออกไปแบบนี้ เธอจะไม่ได้คำตอบอย่างแน่นอน และมันจะทำให้เขารำคาญตัวเธอเอง ไม่ได้ เธอต้องการหาหลักฐานให้ได้ก่อน!
ดังนั้น หลังจากที่สิงหาออกไป เธอก็โบกแท็กซี่และขอให้คนขับแท็กซี่ตามไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่รถสีดำออกจากบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ ก็ไม่เคยหยุดระหว่างทางเลย สุดท้ายก็จอดที่หน้าโรงพยาบาล สุนันท์ที่ตามหลังก็มึนงง เขามาทำอะไรที่โรงพยาบาล?
สิงหาลงจากรถแล้ว และเธอก็ไม่หยุดคิดมากกับเรื่องนี้เลย เธอก็ลองรถตามเขาไป เธอหลบๆ ซ่อนๆ และตามหลังเขาไป
เมื่อขึ้นลิฟต์ สิงหาก็กดชั้นที่ต้องการจะไป เพราะในลิฟต์มีเขาอยู่คนเดียว ดังนั้นสุนันท์จึงจำหมายเลขชั้นได้ชัดเจนมาก ชั้นที่ 17!
สุนันท์รีบก้าวออกไป และกดลิฟต์ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะไปถึงชั้น 17!
เธอซ่อนตัวอยู่ที่มุมบันได สุนันท์มองเขาเดินเข้าไปในห้องวีไอพีห้องที่สอง และเธอก็เดินตามไป
สิงหาไม่ได้ปิดประตูห้องผู้ป่วย เขาทำแค่ดันปิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังมีช่องว่างเปิดอยู่ ผ่านช่องว่างนั้น เธอสามารถเห็นสิงหาที่นั่งอยู่ข้างคนป่วย เขาปอกเปลือกแอปเปิ้ล และพูดคุยอย่างสนุกสนานกับผู้หญิงบนเตียงในโรงพยาบาล เขายังถือหมอนให้ผู้หญิงคนนั้นด้วย เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีและอ่อนโยนมาก
เปลวไฟอันร้อนระอุในหัวใจของเธอระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ สุนันท์หายใจถี่ เธอเดินตรงเข้าไปในห้องผู้ป่วย และชี้ไปที่สิงหา “คิดไม่ถึงใช่ไหมว่าฉันจะตามคุณมา…”
เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะเดินตามหลังเขามา ที่สำคัญตามเขามาจนถึงที่นี่ การแสดงออกของสิงหาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในขณะนี้ หัวใจของสุนันท์เต็มไปด้วยความโกรธ เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ และเธอก็กรีดร้อง “สิงหา!”
เธอคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยว่าสิงหาจะแอบเธอมาที่โรงพยาบาล และเขาก็อ่อนโยนต่อผู้หญิงคนนั้นมาก!
เขาไม่เคยดูแลเธอขนาดนี้มาก่อน! ตั้งแต่แต่งงานจนถึงปัจจุบัน สุนันท์ไม่เคยสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่เขามีแบบนี้เลย!
วันนี้เขาได้เห็นดีกับเธอแน่!
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าที่เปลี่ยนไปของสิงหา ก็กลับมาเป็นปกติ และเขาก็ดุว่า “คุณจะเสียงดังขนาดนี้ทำไมกัน!”
“สิงหา! นี่คุณกำลังตะโกนใส่ฉันเหรอ คุณรู้สึกว่าคุณมีเหตุผลมากใช่ไหม!” เสียงของสุนันท์ดังขึ้นและก็แหลมขึ้น ราวกับว่าเธอต้องการจะทำให้แก้วหูของใครบางคนแตก เธอไม่สนใจเลยว่าเธอจะโวยวายจนน่าอายแค่ไหน!
“คุณลดเสียงลงก่อนได้ไหม” สิงหาขมวดคิ้ว เขาเดินไปปิดประตูห้อง เสียงของเธอดังมากจนบางคนที่เดินผ่านตรงทางเดินมองเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างสงสัย
“ทำไม คุณรู้อายเหรอ รู้จักภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยเหรอ รู้จักความเกรงใจด้วยเหรอ ฉันคิดว่าวิญญาณของคุณสิงหาถูกพรากไปแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าคุณยังต้องการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง มันไม่ง่ายเลยนี่!”
เธอพูดออกมาอย่างไม่พอใจ และสุนันท์ก็พูดอย่างประชดประชันอย่างไม่สนใจอะไร
ในเวลานี้ วินดาที่เงียบมาตลอดก็พูดว่า “คุณสิงหา นี่ใช่คุณหญิงสุนันท์ใช่ไหม?”
ดวงตาของสิงหาขยับเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพยักหน้า ในขณะที่ดวงตาของวินดาขยับออกจากเขา ก่อนที่จะจ้องไปที่สุนันท์ “ฉันเคยได้ยินคุณสิงหาพูดถึงคุณหญิงสุนันท์มาก่อน แต่วันนี้ฉันก็ได้เห็นแล้ว เธอดูใจกว้างและสวยจริงๆ แต่คุณกำลังเข้าใจฉันกับคุณสิงหาผิด”
“เข้าใจผิด?” สุนันท์เยาะเย้ย “แล้วทำไมฉันถึงเข้าใจเขาผิด?”
“ในช่วงเวลานี้ ในอำเภอซีซ่ากำลังดำเนินนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชนในแง่ของการรักษาพยาบาล และฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ดังนั้นคุณสิงหาจึงให้โควต้าครั้งแรกแก่ฉัน ฉันได้ยินว่าคุณสิงหาบอกว่าเดี๋ยวจะมีนักข่าวมาบันทึกภาพด้วย” เมื่อวินดาได้ยินเสียง เธอก็พูดช้าๆ อย่างสบายๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความโกรธบนใบหน้าของสุนันท์ก็ลดลงเล็กน้อย และเธอก็พูดด้วยความสงสัย “จริงเหรอ?”
“ทำไมฉันต้องโกหกคุณสุนันท์ด้วย ผลตรวจของทางโรงพยาบาลก็ออกมาแล้ว ฉันจะไปเอามาให้คุณสุนันท์ดู” ในขณะที่พูด วินดาก็ลงไปหยิบให้เธอ
สิงหาห้ามเธอ และมองไปยังสุนันท์ด้วยสายตาที่เข้มงวด “ยังโวยวายไม่พออีกเหรอ คุณรู้จักคำว่าอับอายไหม”
ในเวลานี้ คุณหมอก็เข้ามาเช่นกัน เมื่อเห็นเช่นนี้ สิงหาก็พูดกับเธอโดยตรงว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็ ไปถามคุณหมอ คุณหมอมีใบรับรองการวินิจฉัยอยู่ในมือ ถ้าโวยวายจนพอใจแล้วก็กลับไปที่บ้านตะโกนสิริไพบูรณ์”
คุณหมอส่งรายงานและผลการวินิจฉัยให้เธอ “คุณสุนันท์”
ด้านบนเขียนไว้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นแล้ว เธอก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย สุนันท์มองไปที่วินดาและกล่าวว่า “ฉันเข้าใจผิดเอง งั้นคุณก็รักษาตัวเองดีๆ เถอะ”
“ขอบคุณคุณสุนันท์” วินดากระตุกยิ้มมุมปากของเธอเบาๆ
“แล้วคุณล่ะ?” สุนันท์มองทางสิงหาอีกครั้ง
“ผมต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสักพัก นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์จะมาในไม่ช้า หลังจากการบันทึกภาพ ผมค่อยกลับไป ผมให้คนขับรถมารับคุณ”
วินดายิ้มเยาะเย้ย บ่อยครั้งที่ผู้หญิงแบบนี้จะดูโง่เขลาที่สุด!
……
เชอร์รีนและครูใหญ่ได้พูดคุยกันมาสักพักแล้ว จากนั้นเขาจึงพาเธอไปที่ห้องเรียนเพื่อดูสภาพแวดล้อม
ก่อนหน้านี้ก็เคยสอนด้านภาษามาตลอด ครั้งนี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงสอนภาษาเหมือนเดิม สอนให้กับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หลังจากได้รับโทรศัพท์ ครูใหญ่ก็บอกกับเธอว่า “นอกจากคุณครูเชอร์รีน มีครูคนใหม่อยู่ที่นี่ด้วย ครูเชอร์รีนไปพบเธอกับผมเถอะ”
เป็นเรื่องยากมากที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ เธอทำอะไรไม่ได้ เชอร์รีนจึงพยักหน้า ก่อนจะตรงไปที่สำนักงานพร้อมกับครูใหญ่ ร่างสูงของเธอนั่งอยู่บนโซฟา
เมื่อใกล้เข้ามา ดวงตาของเชอร์รีนก็อดไม่ได้ที่จะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ทำไมถึงเป็นเขา ผู้ชายที่เคยขอเธอเต้นในห้องเต้นรำ!
ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงสูท ทรงตรง เขาดูหล่อและสง่ามาก เขาลุกขึ้นกล่าวสวัสดี “ผู้อำนวยการตุลธร”
“คุณครูรัดเกล้า” ครูใหญ่เดินเข้าไปด้วยท่าทางดีใจ ก่อนจะจับมือเขา “การที่คุณครูรัดเกล้ามาสอนที่นี่ได้ ผมพูดได้เลยว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๅ!”
“ครูใหญ่ถ่อมตัวเกินไป” รัดเกล้าหัวเราะเบาๆ เขาเป็นเหมือนกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่เขาหันกลับมา “คุณหญิงคนนี้ เราพบกันอีกแล้วนะ”
“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณครูรัดเกล้าและคุณครูเชอร์รีนจะรู้จักกัน มานั่งดื่มชากันเถอะ”
ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่นั่นและเริ่มดื่มชา ส่วนใหญ่เป็นบทสนทนาของครูใหญ่และรัดเกล้า เชอร์รีนพูดบ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะสอนภาษาอังกฤษจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของออร่าหรือบทสนทนา จะเห็นได้ว่าเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แล้วก็รู้สึกว่าเขาหน้าน่าเคารพ
หลังจากนั่งพักสักครู่ เชอร์รีนก็พูดว่า “ครูใหญ่ ครูรัดเกล้า ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ผมก็จะไปเหมือนกัน จะได้ไปพร้อมกับครูเชอร์รีนเลย” รัดเกล้าจัดเสื้อของเขาออก ก่อนจะลุกขึ้น
เชอร์รีนอยากจะปฏิเสธ แต่ครูใหญ่ก็บอกว่า “เอาล่ะ งั้นครูเชอร์รีนและครูรัดเกล้าออกไปพร้อมกันเถอะ พวกคุณก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันในรุ่นนี้ด้วย”
เมื่อนั่งอยู่ในรถสีดำ ยิ่งมองเชอร์รีนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นหน้าคนคนนี้ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอเคยเห็นใบหน้านี้ที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่เธอก็จำไม่ได้
“ทำไม? ใบหน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ?” ใบหน้าที่ดูดีของรัดเกล้ามองตรงไปที่เธอ ก่อนที่เขาจะยกยิ้มมุมปาก
“ไม่ ฉันแค่รู้สึกคุ้นหน้าคุณครูรัดเกล้า ดูเหมือนเคยเห็นมาก่อน” เธอพูดตามความจริง “ครูรัดเกล้าเคยสอนที่ไหนมาก่อนคะ”
“อเมริกา”
อเมริกา……
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นแสงสีขาวก็แวบเข้ามาในจิตใจของเชอร์รีน และเธอก็นึกถึงใครบางคน!
“คุณครูรัดเกล้า คุณรู้จักหยาดฝนไหม”
รัดเกล้าหันไปทางซ้ายแล้วยักไหล่ “เธอคืออดีตคู่หมั้นของผม”
เธอกลืนน้ำลายของเธอลงคอ เธอเดาถูก โทรศัพท์สั่น เธอหยิบขึ้นมา มันคือออกัสที่โทรเข้ามา เขาขอให้เธอพาซารางออกไปทำตามขั้นตอนการรับเข้าเรียน
เธอตอบตกลง และขอให้รัดเกล้าให้เธอลงที่จุดนั้น เขาไม่ถามอะไรอีก เขาหัวเราะเบาๆ และทำตามที่เธอต้องการ
เมื่อเห็นรถออกไป เธอยังคงอยู่ในความสับสน จนกระทั่งรถของออกัสจอดลง เธอถึงได้สติ และขึ้นรถไป
เธออยากจะเล่าให้เขาฟัง แต่เมื่อคิดไปคิดมา เธอก็คิดว่าชั่งเถอะ เพราะนั่นมันคือเรื่องของหยาดฝน และไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย แล้วทำไมเธอถึงต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นด้วย?
เมื่อรถกำลังจะขับเข้าไปในย่านที่อยู่อาศัย เชอร์รีนก็บอกไม่ให้เขาขับรถเข้าไป ให้จอดรถข้างนอก
“บอกผมที ผมต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?” ออกัสดึงริมฝีปากบางๆ ของเขา และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูไม่พอใจมาก
“คุณเป็นคนทำลายภาพลักษณ์ของคุณเอง ถ้าคุณอยากจะทำตัวเปิดเผย ก็ต้องรอดูว่าคุณทำตัวยังไงเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของฉัน”
ออกัสหรี่ตาของเขา “ไปรับสารภาพผิด ได้ไหม”
เชอร์รีนมองไปที่เขาอย่างราบเรียบ “คุณถอดเสื้อผ้าของคุณเหรอ”
“เห็นได้ชัดว่าไม่จริงใจ” เขาเลิกคิ้ว
“ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ทางที่ดีคุณก็ถอดเสื้อผ้าของคุณออกทั้งหมด ถอดกางเกงออกด้วย นี่คือสิ่งที่จริงใจที่สุด และแน่นอนว่าถ้ามีหนามมากแค่ไหนก็ยิ่งดี” เชอร์รีนพยักหน้า ก่อนจะจงใจยิ้มใส่เขาและพูดว่า “และฉันก็สามารถช่วยคุณเลือกหนามได้ ฉันสามารถทำให้คุณเสียเลือดเป็นจำนวนมากได้เลยในตอนนั้น”
พูดจาไม่เหมาะสมเลย นี่เขาเข้าไปขอโทษ หรือเข้าไปทำให้คนอื่นตกใจ?
“เชอร์รีน” เขากัดฟันเรียกเธอ
เธอเปิดประตูรถแล้วเดินออกไป สักพัก เธอก็พาซารางเข้าไปในรถ และรถก็ขับออกไป
กนกอรยืนอยู่ตรงหน้าต่างมอง และเธอก็เห็นภาพนั้นได้อย่างชัดเจน ส่วนจักรกฤษเองก็มองเห็นได้ชัดเจนเหมือนกัน เขาลากเสียงยาว “ฉันเห็นด้วยกับประโยคนั้นจริงๆ ชะตากรรมถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าจะหนียังไงก็หนีไม่พ้น”
ซารางพอใจกับโรงเรียนมาก เธอบอกว่าสวยมาก เชอร์รีนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ อย่างน้อย เธอก็มีความประทับใจที่ดีต่อโรงเรียนตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อมองไปที่ขนมสายไหมที่อยู่ข้างถนน ซารางก็เลียปากของเธอเหมือนแมวที่หิวโหย ก่อนจะขยับมือของเชอร์รีนไปมา “หม่ามี๊ทหนูอยากกินสายไหม ให้เงินหนูหน่อย”
“หม่ามี๊ไม่มีเงิน” เธอมองดูฟันผุในปากเล็กๆ ของซาราง ก่อนจะพูดออกมา
“ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปขอแด๊ดดี้!” เธอย่นจมูก