ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 268 เขามาหาคุณอีกแล้ว
ไขกระดูกของหยาดฝนไม่สอดคล้องกับสภาพการปลูกถ่าย ทำไมเหลือแค่เชอร์รีน แล้วออกัสจะยอมให้เธอบริจาคไขกระดูกเพื่อยัยแพศยาวินดานั่นได้ไง?
ถึงเธอจะไม่ชอบเชอร์รีนอย่างมาก ขณะเดียวก็ไม่ชอบเด็กในท้องเธอด้วย แต่ต้องบอกว่าเด็กคนนี้มาได้ทันเวลาพอดี
แม้แต่พระเจ้ายังช่วยเธอ จะเห็นว่ายัยแพศยาวินดานั่นสุดท้ายแล้วก็ไม่มีจุดจบที่ดี!
เชอร์รีนนอนหลับไปตื่นมาก็สามโมงแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ซารางก็มานอนอยู่ข้างเธอแล้ว เอาหน้าซุกไปที่หน้าอกเธอ
เธอขยับตัวอย่างระมัดระวัง จะไปทำอาหารเที่ยง เสียงดังอยู่ตั้งนาน แล้วยังหลับไปอีกสองสามชั่วโมง เดี๋ยวตื่นมา ยัยเด็กนี่ต้องหิวแน่ จึงสวมรองเท้าแตะ แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เอนตัวไป เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เบอร์บนหน้าจอไม่หยุดกะพริบ ถึงแม้ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ แต่เบอร์นั้นคุ้นตาสุดๆ เป็นเบอร์สิงหา
ตาจ้องไปที่เบอร์นั้น ถูนิ้วมือเล็กน้อย เธอไม่ได้กดรับ แต่ปล่อยให้มันดัง จากนั้น หน้าจอก็ค่อยๆหรี่ลง
ไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอกดปิดเสียง เอาโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง ไปห้องน้ำ แล้วตอนที่กลับมา หน้าจอก็สว่างอีกครั้ง คิ้วก็ขมวดแน่นอีก เหมือนขีดสามเส้น จึงกดรับสาย
“ฉันจะรอเธอที่ร้านชาใต้คอนโดออกัส ถ้าเธอไม่ว่าง งั้นฉันก็จะไปที่คอนโดออกัส”
เสียงพูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์ไป คิ้วของเชอร์รีนขมวดมากขึ้น
เธอปลุกซาราง ชัดเจนว่าเด็กสาวยังนอนไม่พอ จึงส่งเสียงฮึดฮัดไม่ยินยอมเท่าไหร่ เธอจึงอุ้มไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้า แล้วลงไป
ร้านน้ำชาอยู่ไม่ไกลจากคอนโด สองก้าวเท่านั้น พนักงานบริการพาเธอไปห้องส่วนตัว สิงหารออยู่นานแล้วจริงๆ
มองเห็นซาราง สีหน้าสิงหาก็อบอุ่น กอดเด็กสาวแล้วหยอกเล่นสักพักจึงส่งให้พนักงานบริการ ให้พาไปโซนเด็ก
“เธอรู้แน่ว่าฉันมาหาเธอเพราะเรื่องอะไร”
“รู้ค่ะ”เชอร์รีนเทน้ำชาด้วยอารมณ์สงบนิ่ง น้ำชาหอมมาก ใบชาก็สีเขียวอ่อน กลิ่นโชยมา อบอวลไปทั่ว
สิงหาก็ซีเรียสขึ้นมา:“พูดตรงๆนะ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น ตอนนี้ คำตอบในใจเธอคืออะไร?”
พอชาเข้าปาก กลิ่นหอมก็คลุ้งเข้าจมูก ทำให้อารมณ์อันว่าวุ่นดูเหมือนจะค่อยๆสงบลง เชอร์รีนพยักหน้า จากนั้นพูดว่า:“ฉันก็คิดว่าฉันไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ดังนั้นฉันจึงลงมือกับลูกในท้องไม่ได้ค่ะ มุมมองนี้ ฉันเห็นด้วยอย่างมาก”
“ได้ยินความหมายของประโยคนี้แล้ว แสดงว่าเธอยังไม่มีความคิดที่จะช่วยเธอสินะ”สีหน้าสิงหาหม่นลงไป เขาไม่เข้าใจ เด็กที่แค่เดือนเดียวยังไม่เป็นตัวก็สามารถเทียบกับผู้ใหญ่คนหนึ่งได้
“ฉันฆ่าลูกตัวเองแล้วไปช่วยเธอไม่ได้แน่นอนค่ะ”นี่คือความจริง และก็เป็นความคิดอันแท้จริงในใจเธอ
สิงหาถือแก้วน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมา อารมณ์ดูกระสับกระส่ายและหงุดหงิดมาก เหมือนกำลังดิ้นรนอะไรอยู่ ไม่สนว่าชาจะลวก ดื่มหมดในไม่กี่คำ
เรื่องนี้ มีการพูดคุยระหว่างทั้งสองไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็ไม่ได้ผลอะไรเลย
เขาไม่พูด เชอร์รีนก็ยิ่งไม่พูด ถือน้ำชา ชื่นชมวิวสวนด้านหลัง สีหน้าดูนิ่งสงบ แต่อารมณ์ในใจกลับปั่นป่วน
พูดถึงแล้ว นั่นเป็นเพราะระหว่างเธอกับวินดาไม่มีความรู้สึกอะไร ถ้าวันนี้คนที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวคือกนกอร ถึงเธอจะไม่อยากทำนัก แต่ก็จะตัดสินใจเอาเด็กออก ไปช่วยกนกอร
ดังนั้น การทำอะไรลงไปเพื่อความรู้สึกนั้นสัมพันธ์กันขณะเดียวกันก็เป็นอะไรที่ทำซึ่งกันและกันด้วย คนอื่นทำเพื่อคุณเท่าไหร่ คุณก็ต้องตอบแทนคนอื่นไปเท่านั้น
คนหนึ่งที่ไม่เคยทำอะไรให้คุณแล้วอยากพรากบางอย่างจากคุณไป คำตอบนั้นก็ต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเหตุผลที่ธรรมดามาก
ขณะที่คิดอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงเข้ามา เธอหันไปอย่างแปลกใจ กลับเห็นสิงหาคุกเข่าอยู่บนพื้น
เธอตกใจ จากนั้นก็ตะลึงอยู่ที่เดิม สักพักถึงได้สติคืนมา
“ตอนนี้หาไขกระดูกที่เหมาะสมไม่ได้ มีแค่เธอที่ช่วยเธอได้แล้ว หมอก็เคยบอกว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวถ้ารักษาตั้งแต่ต้นโอกาสที่จะฟื้นตัวก็จะมาก ถ้าพลาดช่วงวลารักษาที่ดีที่สุดไป โอกาสที่ดีขึ้นจะลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง วันนี้ถือว่าฉันขอร้องเธอ”
เขาสิงหาไม่ว่าจะอยู่เมืองSหรือว่าอำเภอซีซ่าก็เป็นคนมีชื่อเสียง เคยปฏิบัติกับใครอย่างระมัดระวังตัวแบบนี้ที่ไหนกัน เชอร์รีนเป็นคนแรก และเป็นเพียงคนเดียว ถึงแม้รู้สึกอับอาย รู้สึกว่าไม่อาจทนได้ เขาก็ต้องทำแบบนี้!
เชอร์รีนมองออกว่า สิงหารักวินดาจริงๆ คนหนึ่งที่เป็นคนมีศักดิ์ศรีสุดๆ สามารถทำเรื่องแบบนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ ไม่ใช่ความรักแล้วจะเป็นอะไร?
ถึงจะตกใจ และประทับใจกับการกระทำของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะฆ่าชีวิตลูกตัวเอง เพราะความประทับใจนั้น
คนละเรื่องอย่าเอามาปนกัน ความรู้สึกระหว่างเขากับวินดาลึกแค่ไหน นั่นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ
ที่เกี่ยวกับเธอมีแค่ลูกในท้อง เวลานี้ เชอร์รีนก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไร้หัวใจ เห็นแก่ตัว
ตรงข้ามที่คุกเข่าให้เธอนี้เป็นผู้อาวุโส ได้สติคืนมา เธอจึงก้มเอวทันที แล้วประคองเขาขึ้นมาจากพื้น:“หวังว่าคุณอาสิงหาจะไม่เอาเรื่องนี้มาบีบบังคับฉันอีกนะคะ ในใจฉันตัดสินใจแบบนั้นไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
สิงหานั่งขึ้นมา สีหน้าได้หม่นลงเหมือนกับท้องฟ้าที่เมฆครึ้มแล้ว:“ไม่มีทางหนีทีไล่เลยเหรอ?”
“ไม่ค่ะ คุณอาสิงหา”เธอพูด ต้องเคารพผู้ใหญ่ ดังนั้นเธอจึงเรียกเขาว่าคุณอาสิงหา
สีหน้าบนใบหน้ามองอารมณ์ไม่ออก สิงหาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ออกไปจากร้านน้ำชา
เชอร์รีนถอนหายใจออกมายาวๆ มองไปนอกหน้าต่างแล้วนิ่งอยู่หลายวินาที จากนั้นไปที่โซนเด็กเล่นพาซารางออกไป กลับคอนโด
กลับไปถึงโรงพยาบาล หมอเพิ่งตรวจร่างกายให้วินดาเสร็จ เหมือนจะฉีดยาอะไรไป วินดากำลังหลับสนิท
“หัวหน้าสิงหา สถานการณ์ของไม่ดีนัก ยิ่งยืดเวลานานเท่าไหร่สถานการณ์ก็จะยิ่งยาก คนไข้คนอื่นยืดเวลาออกไปเพราะว่าหาไขกระดูกที่เหมาะสมไม่ได้ ส่วนทางคุณมีอันที่เหมาะสมแล้ว แล้วทำไมยังผลัดออกไปอีก?”หมอรู้สึกงงไม่เข้าใจ
สิงหาไม่พูดอะไร สายตาและสีหน้าหม่นลงไป คิ้วก็จริงจังขึ้นมา
“หัวหน้าสิงหาก็เห็นแล้วว่าร่างกายของคนไข้อ่อนแอกว่าเมื่อก่อนเยอะ ถ้าตอนนี้หาไขกระดูกที่เหมาะสมได้ ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ทันที”
ได้ยินคุณหมอพูดแบบนี้ สิงหาก็พบว่าสีหน้าของเธอไม่ขาวซีดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังอมเหลือง และน้ำหนักก็ลดลง
จากนั้น หมอจึงส่ายหน้าออกไป ในห้องคนไข้เหลือแค่สิงหากับวินดา เชากุมมือของวินดาไว้
ฤทธิ์ยาค่อยๆลดลง วินดาลืมตามา มองเห็นแวบแรกก็เป็นสิงหา
ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างคุณในตอนที่คุณลำบาก เสียใจที่สุดในชีวิตได้ คิดดูแล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่ประทับใจ
“คุณไปนอนเถอะ ขอบตาคล้ำหมดแล้ว และช่วงนี้คุณก็เหนื่อยแล้วด้วย ไปพักผ่อนเถอะ”เป็นครั้งแรกที่ เสียงของวินดานั้นอ่อนโยน
และสิงหาก็เหนื่อยแล้วจริงๆ จึงพยักหน้า จากนั้นกลับไปโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลโรงพยาบาล
ตั้งแต่ตัวเองย้ายออกมาจากบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เขาก็อยู่โรงแรม ไม่เคยกลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์เลย ที่นี่อยู่ใกล้โรงพยาบาล และก็สะดวกหน่อย
สิงหากลับนอนไม่หลับ เขาไม่สามารถมองเธอตายต่อหน้าได้ จะต้องคิดหาวิถีทาง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเธอ
ตอนนี้ เชอร์รีนสนใจลูกในท้องเพียงอย่างเดียว ที่กังวลก็เป็นเด็ก ……
อย่างก่อนหน้านี้ เธอไม่รู้ว่าท้อง ตอนให้เธอบริจาคไขกระดูก เธอกลับไม่ลังเลเลยสักนิด ดังนั้นปัญหาตอนนี้อยู่ที่ตัวเด็ก
ถ้าไม่มีเด็ก ร่างกายเธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ……
งั้น เขาต้อง……
ความคิดหนึ่งก็แวบออกมาจากในหัว สายตาของสิงหาขยับไปมา จากนั้นหรี่ขึ้นไป
……
ออกัสกลับไปที่คอนโด เชอร์รีนทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว กำลังเสิร์ฟซุป
ริมฝีปากบางๆของออกัสขยับ เหลือบมองเธอเล็กน้อย ถอดเสื้อกันลมบนตัวออก จากนั้นวางไว้บนโซฟา
“มีคนมาหาคุณอีกไหม?”เขาพูด
ไขกระดูกของหยาดฝนไม่เข้ากัน งั้นความสนใจก็ต้องไปอยู่ที่เธอแล้ว คนที่มาหาเธอได้ก็มีอยู่แค่สองคน คนแรกเป็นสิงหา และก็มีอีกคนคือวินดา
เชอร์รีนยังไม่พูดอะไร ซารางที่ดื่มนมเปรี้ยวดัชชี่อยู่ก็พูดมาก:“มีค่ะ คุณปู่มาหา”
ทันใดนั้น คิ้วของออกัสก็ขมวด:“เขามาหาลูกเหรอ?”
“มาหาแล้ว ก็เพื่อเรื่องไขกระดูก แต่ถูกฉันปฏิเสธไปแล้ว พูดกันชัดเจนและเข้าใจดีแล้ว ฉันว่า เขาน่าจะไม่มาหาฉันอีกแล้ว”
เชอร์รีนวางอาหารเสร็จ จึงจ้องมองไปที่เขา:“แล้วคุณล่ะ?คุณยังโอเคใช่ไหม?”
สิงหากับสุนันท์ทำเรื่องใหญ่โตแบบนี้ เธอคิดว่า ในใจเขาก็คงไม่ดีเท่าไหร่นัก
ลูกกระเดือกออกัสขยับ นั่งอยู่บนโซฟา หันไปมอง ความอ่อนโยนในใจนั้น:“ก็โอเค……”
“งั้นก็ดี ล้างมือแล้วกินข้าวเถอะ”เชอร์รีนวางตะเกียบ อุ้มซารางที่อยู่ข้างๆไปนั่งบนเก้าอี้
อาหารค่ำวันนี้เธอทำโรตี หั่นเป็นชิ้นๆแล้ววางในจาน สวยมาก กลิ่นหอมคลุ้งไปทั่ว
กลิ่นหอมเข้าจมูก คิ้วอันสวยงามของออกัสขมวดขึ้น ถูดึงดูดด้วยความอยากอาหาร ร่างสูงยาวของเขาโน้มตัวไปข้างหน้า นิ้วมือเรียวยาวหยิบโรตีมาชิ้นหนึ่ง
เห็นแบบนี้ เชอร์รีนตบหลังมือเขาอย่างไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง:“ทำไมทำตัวเหมือนกับเด็กนะ แม้แต่มือก็ไม่ล้าง!”
“หอมมากเลย……”พ่นน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและน่าดึงดูดออกมาจากริมฝีปากบางๆ เขาจ้องไปที่เธอ หัวเราะอย่างมีความหมาย:“หอมจนทำให้คนทำผิด ……”
พอได้ยิน คิ้วของเธอก็ดูบิดเบี้ยวไป อยากเอาเกรียงในมือเคาะหัวเขา
ทำไมเมื่อก่อนไม่รู้ว่าเขาเลวทรามและไม่จริงจังขนาดนี้นะ?
“ใช่สิ ผ้าลูกไม้นั้นเมื่อไหร่จะใส่ให้ผมดู?”มือใหญ่นั้นนวดคิ้วที่เมื่อยล้าเล็กน้อย ออกัสพิงเก้าอี้อย่างขี้เกียจ
“คุณคิดว่าไงล่ะ?”แก้มของเชอร์รีนยิ้มออกมาอย่างน่าหลงใหล แต่มีความกลั่นแกล้งอยู่เล็กน้อย:“คืนนี้เป็นไง?”
“ได้……”เขาจึงยิ้ม มุมปากยกขึ้นเป็นมุมอย่างน่าหลงใหล