ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 270 ความรู้สึกเจ็บแปลบที่เข้ามาอย่างกะทันหัน
ทุกๆเช้าจะกินโจ๊กลูกเดือย กินติดกันถึงหนึ่งสัปดาห์ และความอยากอาหารก็มากขึ้นเรื่อย บางวันก็จะกินโจ๊กลูกเดือยถึงสองถ้วย
ตอนเที่ยงออกัสให้ผู้ช่วยเตโชมาส่งอาหารเที่ยง ตอนเย็นจักรกฤษก็จะใช้จักรยานไฟฟ้ามารับเธอกลับบ้าน ทานของดีที่กนกอรเตรียมให้
เย็นวันนี้ก็เหมือนเดิม จักรกฤษหัวเราะ:“ตอนนี้พ่อกลายเป็นคนขับรถของลูกแล้ว มารับหลังเลิกงานทุกวัน”
“พ่อไม่อยากเป็นคนขับรถของฉันเหรอ?”มือของเชอร์รีนโอบรอบเอวของเขา เอนศีรษะพิงหลังและอ้อนเขาเหมือนตอนเด็ก
“โตขนาดนี้แล้วยังจะชอบอ้อนเหมือนเด็กๆอีก”จักรกฤษถอนหายใจเบาๆ:“จะไม่อยากเป็นคนขับรถของลูกสาวพ่อได้อย่างไร?”
ขี่ไปข้างหน้าไป ทั้งสองก็พูดไปด้วย ไม่สังเกตเห็นคนเดินเท้าที่ผ่านไป จักรกฤษอยากหลบ แต่มือไม้ทำอะไรไม่ถูกเท่าไหร่ จักรยานไฟฟ้าจึงตกตรงไปทางซ้าย
จักรกฤษกอดเชอร์รีนไว้แน่น ปล่อยให้ตัวเองล้มลงพื้น กอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เชอร์รีนรีบลุกขึ้น สีหน้าซีดขาว เขาประคองเธอด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าร้อนรนและกังวล:“พ่อ เจ็บตรงไหนไหม?”
ยืนขึ้นช้าๆ จักรกฤษถอนหายใจเบาๆ:“แก่แล้วไม่เป็นไรหรอก แต่กระดูกยังแข็งแรงอยู่ ไม่เป็นไร”
“พวกเราไปตรวจดูที่โรงพยาบาลดีกว่า”เชอร์รีนไม่วางใจ เมื่อกี้พ่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขน เขาล้มลงพื้นแรงขนาดนั้น ไปเช็กดูดีกว่า
“ร่างกายของพ่อในใจพ่อรู้ดี ยังไม่อ่อนแอถึงจุดนั้น เดี๋ยวกลับไปอย่าบอกแม่ว่ารถล้มล่ะ ไม่งั้นเธอไม่ให้พ่อมารับลูกเลิกงานแน่ นี่เป็นความลับของเราสองคน”
“ล้มลงเป็นเรื่องจริง มีอะไรให้ปิดบังด้วย?”
จักรกฤษไม่ยอมยอมรับ:“พ่อขี่รถมาตั้งกี่ปีแล้ว วันนี้คุยกับลูกเลยเสียสติถึงได้ล้มไป เทคนิคขี่รถของพ่อไม่มีปัญหาสักนิด!”
เชอร์รีนยักไหล่ แก่แล้วดื้อขนาดนี้ วัยทองจริงๆเลย
กลับถึงบ้าน กนกอรก็เห็นดินด้านหลังจักรกฤษทันที จึงขมวดคิ้ว:“ดินจากไหนเนี่ยทำไมเยอะแบบนี้?”
“ชนกำแพง”จักรกฤษรีบพูด แล้วยังขมวดคิ้วอย่างจริงจังให้เชอร์รีน
เชอร์รีนขี้เกียจแฉเขา จึงเข้าห้องน้ำไป
ตอนสามทุ่มกว่า ออกัสมารับเธอกลับคอนโด เป็นแบบนี้ปกติ จักรกฤษกับกนกอรก็ยังไม่ชอบนัก
ออกัสกลับไม่คิดอย่างนั้น เอาของที่ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะ นั่งรอเธออยู่ข้างๆ
หยิบเสื้อผ้ามาสองสามตัว บอกลาพ่อแม่แล้ว เชอร์รีนก็เดินออกจากห้อง ออกัสก็ไม่หักหน้า ยังคงยิ้มและทักทาย
อาจเพราะออกัสไม่เคยไว้หน้าใคร มีแต่เขาให้ตนอื่นไว้หน้าให้ ทำให้มองไม่ออกว่าคนอื่นไม่ไว้หน้าเขา ถึงจักรกฤษกับกนกอรเย็นชาแค่ไหน เขาก็ยังเรียกคุณป้าคุณลงอย่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เป็นคนทำถึงระดับนี้ได้ ก็จำเป็นต้องมีขอบเขต ……
ลงมาจากบันได เดินถึงมุม จู่ๆเชอร์รีนก็รู้สึกเจ็บท้อง เหมือนเข็มแทง เธอหยุดฝีเท้าลง มือจับราวบันไดไว้ ยืนอยู่ตรงนั้น รอให้ความเจ็บหายไป
ออกัสอุ้มซารางลงมา จ้องเธอ ถาม:“เป็นอะไร?”
ความเจ็บนั้นหายไปทีละนิดๆ ผ่านไปสักพัก ความเจ็บหายไป เธอยืนขึ้น ส่ายหน้า ก้าวไปอ่อนแรงเล็กน้อย
“พวกเราไปโรงพยาบาลกัน”ออกัสปล่อยซารางในอ้อมแขนออก ให้เธอเดินเอง จากนั้นไปจับเชอร์รีน
“ไม่เป็นอะไรจริง แค่เจ็บนิดเดียว เหมือนกินอะไรผิดไป ไม่เป็นไรหรอก”เธอพูด:“กลับคอนโดเถอะ”
คิ้วสวยงามของออกัสขมวดขึ้น ยังไม่วางใจเท่าไหร่:“จริงเหรอ?”
“จริงๆ ฉันกระโดดให้คุณดูไหมล่ะ?”เธอกะพริบตา พูดอย่างเร่งรีบ
“อย่าเลย ถ้าไม่สบายตรงไหนรีบบอกผมเลยนะ หือ?”ตั้งท้องอยู่ ยังจะกล้ากระโดดมั่วซั่ว เธอกำลังทำให้เขาตกใจเหรอ?
เชอร์รีนพยักหน้า จับซารางมา ลงไปชั้นล่างต่อ ความเจ็บนั้นเจ็บอีกไม่กี่วินาที จากนั้นจึงหายไป เธอเลยไม่ใส่ใจ
ตื่นเช้ามา ก็เจ็บอยู่สองสามวินาที แล้วก็หายไปทันที จึงยังไม่ใส่ใจ
ซารางตื่นแล้ว จะกินเสี่ยวหลงเปา และกินโจ๊กลูกเดือยด้วย ของเล่นถูกเธอทำกระจัดกระจายไปทั่ว
ตื่นเช้ามา ยังไม่ล้างหน้าแปรงฟัน อย่างแรกก็ต้องวิ่งไปห้องรับแขกเอาของเล่นที่ซื้อใหม่ที่หล่นพื้น เก็บห้อง เธอหมดหนทางจริงๆ ทำอะไรไม่ได้ เธอต้องไปซื้ออาหารเช้า ซารางก็จะตามไปด้วย สุดท้าย สองแม่ลูกจึงไปซื้ออาหารเช้าด้วยกัน
ซารางเอาของที่ซื้อเสร็จถือไว้ในมือ รอเชอร์รีนคิดเงิน ก็ไม่ลืมเร่ง:“หม่ามี๊เร็วสิ หนูจะสายแล้ว”
มองโจ๊กลูกเดือยตรงหน้าสองแม่ลูก คิ้วของออกัสก็อดไม่ได้ที่จะบิดเบี้ยวเล็กน้อย สองคนแม่ลูกนี่เหมือนกันเลย
ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันนี้ สองแม่ลูกก็กินโจ๊กลูกเดือยติดกันมาหลายวัน ก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ
จากนั้นไปทำงาน ตอนเช้ามีสองคาบเป็นของเชอร์รีน เข้าสอนคาบแรกเสร็จ เธอกลับไปที่ห้องทำงานเพื่อกินน้ำแก้วหนึ่ง ตอนจะกลับไปที่ห้องเรียน ความรู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อคืนก็เข้ามากะทันหันอีกครั้ง
ย่อตัวลงพื้น เธอกัดริมฝีปาก กัดจนริมฝีปากเป็นสีเขียวม่วง สภาพแบบนี้จะต้องไปเข้าสอนไม่ได้แน่ จึงให้ครูตรงข้ามเปลี่ยนคาบกับเธอแทน
ครูคนนั้นก็พูดดี ประคองเธอไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วหยิบหนังสือเรียนเข้าไปสอนแทนเธอ
เจ็บปวดอยู่ได้ไม่นาน ประมาณสองสามนาที ในเวลาสั้นๆนี้ หน้าผากเธอก็มีเหงื่อไหลออกมาบางๆ
แล้วดื่มน้ำไปอีกแก้ว เธอนั่งพักผ่อนบนเก้าอี้ ยังดีที่ ความรู้สึกไม่สบายนั้นไม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว
เข้าสอนหมดคาบ ก็เที่ยงพอดี ครูที่เข้าสอนแทนเธอเห็นสีหน้าเธอซีดขาวเล็กน้อยก็ซื้อยาให้เธอกิน ทนต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง
เชอร์รีนส่ายหน้า:“ตั้งท้องอยู่น่ะ ไม่กล้ากินยามั่ว สองวันนี้ว่างแล้วฉันจะไปดูที่โรงพยาบาล ว่ากินอะไรไม่สะอาดไหรือไม่ ……”
ตอนท้องห้ามกินยามั่วเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียต่อเด็กในท้องได้ ตอนนี้คนท้องมีข้อห้ามในการใช้ยาหลายชนิด
“ก็ใช่ ยังไงสองวันนี้มีเวลาว่างก็ไปดูนะ……”ครูที่สอนแทนจัดโต๊ะเสร็จ จึงหันไปมองเธอ:“ไปกินอาหารเที่ยงด้วยกันไหม?”
“เอาสิ”เชอร์รีนตกลงอย่างยินดี เขาช่วยเธอ เลี้ยงข้าวมือหนึ่งก็สมควรแล้ว
กลัวปวดท้องอีก เชอร์รีนไม่กินของแข็ง ถึงแม้สั่งเป็นข้าวสวย แต่เธอแทบไม่ได้แตะ ได้แต่กินซุปไข่สาหร่าย
ตอนบ่ายไม่มีคาบสอน ท้องก็ไม่เคยปวดมาก่อน เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เพิ่งถึงเวลาเลิกเรียน จักรกฤษก็มารอเธอที่หน้าโรงเรียนแล้ว เห็นแบบนี้ เชอร์รีนจึงขมวดคิ้ว ทำอะไรไม่ได้เล็กน้อย
เขาอายุมากแล้ว ขี่จักรยานไฟฟ้าเธอก็เป็นห่วง ไม่ให้เขามารับอีก แต่เขาไม่ยอมฟัง ลมแรงฝนตกก็ไม่อาจหยุดได้ ช่วงนี้เป็นแบบนี้ทุกวัน
“พ่อ พ่อไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือยัง?”เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลังจักรยานไฟฟ้า ถามอย่างเป็นห่วง