ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 289 เริ่มต้นชีวิตใหม
เขาอยู่ในชุดสูทสีดำที่เรียบไม่มีแม้แต่รอยยับเลย ไม่ได้เห็นมาหลายวัน เขาดูเหมือนจะผอมลงไปบ้าง แต่กลับทำให้โครงหน้าของเขาชัดขึ้น ดูน่าดึงดูด
ดูเหมือนว่าบางคนเกิดมาก็เหมาะกับการใส่เสื้อสูท ไหล่กว้าง สะโพกแคบๆ เหมือนไม้แขวนเสื้อ และเสื้อสูทนั้นก็ขับให้เด่นทั้งสัดส่วน ดึงดูดสายตาแก่ผู้ที่พบเห็น
ในเวลานี้รถคันที่อยู่ด้านหลังก็ได้จอดลง คนที่เดินออกมาเป็นนายกของเมืองS
หลังจากที่ได้สติ เธอหันสายตามองลงล่าง พร้อมกับก้มหัวลงต่ำ เอาตัวเองกลบตัวอยู่ในกลุ่มผู้คน
เห็นไม่ชัดเจนนัก นัยน์ตาของออกัสมองกวาดเข้าไปในกลุ่มคน หลังจากนั้นก็ไปหยุดอยู่ที่ที่นึง จ้องมองอยู่สักพักก็เบนสายตาออก
คนสามคนขนาบข้างเดินไปข้างหน้า คนที่เหลือเดินตามอยู่ด้านหลังกันเป็นขบวน
คุณครูผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างพูดแล้วขำเสียงเบาๆ “ดูผู้อำนวยการแล้วดูท่านประธานออกัสสิ ใส่เสื้อสูทเหมือนกัน แต่แตกต่างกันแบบสุดๆ!”
สายตาของคุณครูผู้หญิงทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ที่เขา จ้องมองเขา เชอร์รีนไม่พูดว่าอะไร แค่เดินตามไปข้างหน้า
เขามาเพื่อทำงาน โรงเรียนจะสร้างตึกใหม่โดยให้สิริไพบูรณ์กรุ๊ปเป็นผู้ทำหน้าที่รับเหมาส่วนตัว
ตลอดทางนั้นก็คุยเกี่ยวกับเรื่องงาน ออกัสพูดน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่จะเป็นการฟังผู้อำนวยการกับผู้รับผิดชอบงานคุยกัน
แต่พอเขาพูดขึ้นมาก็ทำให้กลุ่มคุณครูผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังนั้นต่างเคลิบเคลิ้มหลงใหล ไม่รู้ว่าเขาเป็นหวัดหรือว่าคอมีปัญหา เสียงที่ส่งออกมานั้นนุ่มลึก แหบๆแห้งๆ เหมาะเจาะตราตรึงใจและน่าฟัง
คุยงานเสร็จแล้ว ผู้อำนวยการก็เอาสองมือถูไปมาและยื่นข้อเสนอให้ไปกินข้าวกันที่ร้านอาหาร เพราะเขาได้จองร้านอาหารเอาไว้แล้ว
ออกัสเห็นด้วย คนอื่นก็พยักหน้าตาม ผู้อำนวยการดีใจยกใหญ่ พวกคุณครูก็ตามกันไปด้วย
เชอร์รีนเลือกที่นั่งใกล้หน้าต่าง ซึ่งห่างจากเขาไกลที่สุด เธอควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ให้สายตามองไปทางนั้น
กวาดตามองมาที่มุมๆนึง ออกัสเงยหน้าขึ้นยกเหล้าดื่มจนหมด ดื่มแล้วดื่มอีก เขาดื่มไปไม่น้อยเลย
ในช่วงที่กำลังจะกลับ เขานั้นได้ดื่มจนเมาสุดๆ ร่างที่สูงยาวเอนพิงกับกับพนักเก้าอี้ มือนั้นมาคลึงที่ระหว่างคิ้ว
พนักงานที่ติดตามมาต่างก็พากันแยกย้ายกลับไปก่อน แต่ออกัสนั้นดื่มจนเมาหนักมาก คนขับรถกับเลขาต่างก็พากันกลับหมดแล้ว คนขับรถนั้นดูรีบร้อนมาก
แต่ว่าตอนที่สายตาของเขามองมาที่ร่างของเชอร์รีน เขาเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ครูเชอร์รีน”
ฝีเท้าที่จะข้ามออกไปได้หยุดอยู่กับที่ เธอหันหน้าพร้อมพูดด้วยเสียงเย็นชา “ผู้อำนวยการ”
ครูเชอร์รีนรู้ที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ของท่านประธานออกัส ก็รบกวนพาท่านประธานออกัสไปส่งที่บ้านหน่อย
เชอร์รีนมองมาที่ผู้ชายคนนั้น “ผู้อำนวยการคะ ท่านประธานออกัสมีผู้ช่วยและเลขาอยู่ หนูยังมีคาบสอน ต้องรีบไปสอนแล้วค่ะ”
“ผู้ช่วยและเลขากลับไปหมดแล้ว ขนาดโทรศัพท์ก็แบตหมด คุณพาเขากลับอพาร์ทเม้นท์”
“หนูไม่ค่อยสะดวกค่ะ ผู้อำนวยการให้คนอื่นมาขับแทนแล้วพาท่านประธานออกัสกลับสิริไพบูรณ์กรุ๊ปสิคะ” เธอยังคงปฏิเสธ
“ท่านประธานออกัสดื่มจนเมาหนักขนาดนั้น ยังให้ไปทำงานอีก? คุณครูเชอร์รีนทำไมไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้างล่ะ? นี่เป็นหน้าที่ของคุณ!”
พูดจบแล้ว ผู้อำนวยการก็เดินออกไป ในสายตาของคุณครูคนอื่นๆ นี่เป็นหน้าที่ที่ดี มีคนมากมายต่างยินยอมและแย่งชิงที่จะไปกัน แค่ไม่มีโชคเท่านั้น
จำใจ เชอร์รีนกัดฟัน ให้ครูผู้ชายสองคนมาช่วยประคองออกัสมาส่งที่รถของเธอ
เขาเมาหนักมาก ทั่วทั้งร่างส่งกลิ่นอายของแอลกอฮอล์ออกมา คาดเข็มขัดให้เขาเสร็จแล้ว เธอจึงสตาร์ทรถ
ในเวลานี้ ตาของผู้ชายที่เดิมทีนั้นปิดอยู่ก็สั่นเล็กน้อย และหรี่ตาเล็กน้อย เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเมาครึ่งไม่เมาครึ่งว่า “ซื้อรถมาเมื่อไหร่”
“ถ้าไม่ได้เมาก็ลงรถจากรถไป” ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนก็พูดอย่างไม่เกรงใจ
“เมาสิ คุณครูเชอร์รีนมองแค่ตาผมไม่เมานะ แต่ทั่วร่างอ่อนแรงไปหมดขนาดแขนยังยกไม่ขึ้นเลย นี่ยังถือว่าไม่เมาหรอ แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าเมา?”
เธอไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปยังข้างหน้า ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ มือนั้นค่อนข้างจับอย่างมั่นคง ไม่กล้าประมาท
มือซ้ายเท้าคาง ร่างของออกัสเอนพิงเข้ากับข้างประตูรถ เวลาที่เธอตั้งใจนั้นน่ามอง มันมีอะไรที่พิเศษ แต่กลับพูดออกมาไม่ถูก “ทำไมถึงวางแผนซื้อรถ”
ขณะที่พูด เขาก็เปลี่ยนท่าทาง พื้นที่ในรถสำหรับเขาแล้วค่อนข้างที่จะเล็ก นั่งอยู่ตรงนั้นค่อนข้างที่จะอึดอัด
“วางแผนที่จะเริ่มสัมผัสชีวิตใหม่ แล้วก็เวลาขับรถขอความกรุณาอย่าพูดกับฉัน
เขาไม่ฟังเลยกลับเอ่ยขึ้นว่า “ชีวิตใหม่?”
“ชีวิตใหม่ที่กำจัดคุณไปไว้ข้างนอก” เธอพูดเสริม โหดเหี้ยมต่อเขา และยังโหดเหี้ยมต่อตัวเองยิ่งขึ้นด้วย
ในชั่วพริบตา นัยน์ตาของเขาดำดิ่ง แพร่ถึงสีกราไฟท์เล็กๆอยู่อย่างเงียบๆ หลังจากผ่านไปสักพัก มุมปากก็ยกขึ้น “เป็นผู้หญิงใจร้ายจริงๆ….”
เชอร์รีนยังคงไม่มองเขา ขณะที่เธอขับรถสมาธิมักจะจดจ่อสูง
ชั่วประเดี๋ยวเดียว รถได้มาถึงใต้ตึกอพาร์ทเม้นท์ เธอประคองเขา ออกัสเม้มริมฝีปาก เอาแรงทั้งหมดของร่างกายพิงที่ร่างของเธอ
เขาหนักและหน่วงมาก กดทับจนเธอค่อนข้างที่จะอึดอัด ส่วนบริเวณไหล่นั้นรู้สึกถึงความเจ็บเล็กน้อย และค่อนข้างที่จะหายใจไม่ค่อยออก
“หนักไหม?” ทันใดนั้นเองก็เอ่ยปากถามขึ้นกลิ่นอายแอลกอฮอล์โชยมา
กัดฟัน เธอพยายามใช้แรงพยุงเขาขึ้นไม่ให้ร่างไหลลงไป เธอย้อนถาม “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
ใบหน้าของออกัสซุกอยู่ตรงบริเวณซอกคอ เสื้อสีขาวบริเวณหน้าอกมีจังหวะขึ้นลง เสียงของเขาเย็นชาและมีความลึกซึ้ง “นี่เป็นความรู้สึกที่อยู่ในใจผมตอนนี้ คุณรับไว้ ผมอยากจะให้คุณรู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก….”
หนัก หน่วง อึดอัด เจ็บปวด นี่เป็นสิ่งที่เขามอบให้เธอ
ได้ยินดังนั้น ปลายนิ้วของเชอร์รีนอดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย ขนาดก้นบึ้งของหัวใจก็อดไม่ได้ที่จะเต้นสั่น
เธอควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ไม่เงยหน้า ไม่สนเขา เพียงแต่ประคองเขาและเดินไปยังตัวตึกของอพาร์ทเม้นท์
ตรงช่วงคอมีความรู้สึกแน่น ริมฝีปากมีความรู้สึกแห้ง ออกัสรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุขดึงเนคไทที่อยู่ตรงคอให้เลื่อนลงมา นัยน์ตาที่ลึกซึ้งนั้นจ้องมองเธอ แล้วพูดว่า “ผู้หญิงที่เลิกกับสามีต้องเป็นแม่ม้ายไม่ใช่หรอ ? หลังจากที่เลิกกันร้องไห้โวยวาย เหมือนฟ้าจะดับสลาย แต่คุณกลับใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมกลับเป็นพ่อม้ายซะเอง…..”
คิดไม่ถึงเลย เขาออกัสที่สง่างามนั้นมีวันนึงจะต้องมาเป็นพ่อม้าย ตกต่ำถึงขั้นนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว
ครั้งนี้ ร่างของเธอนั้นสั่นทั้งตัว คำพูดของเขา ทำให้เธอมีอาการที่อยากจะร้องไห้
ก้มหัวลงต่ำ ประคองเขาให้ไปนั่งบนโซฟา ยกน้ำอุ่นเข้ามาให้ ไม่รู้ว่าเสียงของเธอนั้นแหบไปตอนไหน “ฉันไปก่อนนะ”
แก้วน้ำนั้นถูกเขาวางไว้บนโต๊ะ ร่างกายสูงใหญ่นั้นขยับ ออกัสลุกขึ้นยืนและจับที่ไหล่ของเธอ “พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมนะ?”
“ได้….” เชอร์รีนตอบ และวินาทีต่อมาก็พูดอีกว่า “คุณแค่ต้องทำให้พ่อฉันฟื้นขึ้นมาได้”
เขากลับอารมณ์เสีย ก้มตัวลงแล้วจูบเธออย่างโหดเหี้ยม
เหมือนสิงโตตัวผู้ที่สูญเสียการควบคุม ต้องการที่จะกัดเธอจนตาย
ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเธอไป เขาใช้แรงที่มีอยู่ในร่างทั้งหมดคุมขังเธอไว้ จนกระทั่งหายใจไม่ออก เธอถึงได้ผลักเขา
พักหายใจ เชอร์รีนค่อยๆเอามือที่เขาจับแน่นที่แขนของเธอออก หลังจากนั้นก็ออกไปจากอพาร์ทเม้นท์โดยไม่หันมามองอีก
ยืนอยู่ในลิฟท์ เธอรู้สึกถึงความเร็วของลิฟท์ที่กำลังลง ใจของเชอร์รีนนั้นก็เป็นไปตามจังหวะลิฟท์ด้วยเหมือนกัน จนกระทั่งเต้นช้าลง
ถ้าไม่รีบตัดสินใจออกมา เธอกลัวว่าตัวเองจะอดไม่ได้ที่จะกอดเขา จูบเขา ปลอบโยนเขา
อยากให้เธอไม่รักเขานั้นยาก เธอใช้แรงเยอะมากในการสลัดเขาออก ลมพัดผ่านมาทำทรงผมของเธอนั้นยุ่งเหยิงมาบังตา ทำให้ทิศทางที่อยู่ข้างหน้ามองเห็นได้ไม่ชัด