ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 303 ต้องการแต่ไม่ได้สามารถต้องการได
โรงพยาบาล
ไฟห้องฉุกเฉินดับลงแล้ว ตอนที่ออกัสรีบมาถึง คุณหมอบอกเขาว่าเด็กน้อยอยู่ในอาการโคม่า ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่
คิ้วที่หล่อเหลาของเขาขมวดสูง เขาขยุ้มคอเสื้อของคุณหมอ จนคุณหมอรู้สึกกลัว แก้มเปลี่ยนสี “ทางเราทำดีที่สุดแล้วครับ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวที่สำคัญที่สุดคือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ตอนนั้นอาการกำเริบดังนั้นถึงได้…”
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด?
ออกัสคลายมือปล่อยหมอ เดินไปหน้าห้องพักผู้ป่วย มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งยองๆกำลังร้องไห้อยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย
คุณหมอบอกว่านี่คือพี่สาวของเด็กชาย ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน น้องชายชื่ออันดา พี่สาวชื่ออันนา คนหนึ่งอายุ 12 ขวบ อีกคนอายุ 18 ปี เป็นเด็กกำพร้า
หญิงสาวยังคงอ่อนวัย มองแวบเดียวก็รู้ว่ามีบุคลิกชอบเก็บความรู้สึกไว้ในใจ พูดไม่เก่ง พอเจอคนเยอะๆ เธอก็อึดอัดทำตัวไม่ถูก
ได้ยินมาว่าเด็กๆที่เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นล้วนมีบางส่วนที่มีนิสัยสันโดษ บางคนก็กลัวฝูงชน
เธอมีหน้าตาอ่อนเยาว์และเฉยเมยมาก เมื่อดูอย่างละเอียดพบว่าเธอมีส่วนคล้ายกับเชอร์รีนอยู่บ้าง ดวงตาของออกัสเหลือบมองดูเธอสองครั้ง
หญิงสาวกลับเพียงแต่พึ่งพาเขา ยืนอยู่ข้างหลังเขา เดินตามอย่างใกล้ชิดราวกับกระต่ายที่หวาดกลัว
เด็กชายตกอยู่ในอาการโคม่าไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ออกัสจึงให้ผู้อำนวยการมอบหมายแพทย์และพยาบาล หากต้องการอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นให้โทรหาเขาทันที หากโทรหาเขาไม่ติด ให้โทรหาผู้ช่วยเตโช
ผู้อำนวยการพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นออกัสก็กำลังเตรียมจะออกไป แต่นิ้วสีซีดของหญิงสาวกลับจับแขนเสื้อเขาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา
สุดท้ายออกัสก็พาเธอกลับไปที่คอนโด เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ครึ่งหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่เขาควรรับผิดชอบ!
เช้าวันรุ่งขึ้น
ออกัสไปโรงพยาบาล อันนาก็ไป ดวงตากวาดมองเสื้อผ้าเก่าที่สวมใส่บนร่างกายของเธอ เขาก็ขมวดคิ้ว
หญิงสาวก้มหน้าลง ก้มหน้าลงต่ำมาก
เขาขับรถเบนท์ลีย์สีดำ พาเธอมาที่ห้าง สั่งให้พนักงานไปเอาเสื้อผ้ามาให้
พนักงานนำชุดมาให้ แต่หญิงสาวไม่ยอมเปลี่ยน ดวงตาสีดำมองมาที่เขา กลัวว่าเขาจะจากไป ออกัสนั่งลงบนโซฟา พยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”
หญิงสาวถึงจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า พนักงานนำบิลมาให้ ออกัสก็เซ็นชื่อตัวเองลงไป
หญิงสาวเดินตามเขาอย่างใกล้ชิด ด้วยความกลัวว่าจะหลงทางอย่างไม่ทันไม่ระวัง เขาสังเกตเห็น จึงจงใจชะลอความเร็วให้ช้าพอๆกับจังหวะเดินของเธอ “ทานอาหารเช้าไหม?”
“ฉันเป็นห่วงน้องชาย” เสียงของหญิงสาวอู้อี้มาก ค่อยๆหายกลัวเขาแล้ว “คุณใจดีจริงๆ”
ออกัสยกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร ใบหน้ายังคงเย็นชา เด็กสาวไม่กลัว เธอหันหน้าไปด้านข้างมองเขา
“ผู้อำนวยการบอกว่าโรคหัวใจของอันดารักษาไม่หาย ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากรักษาอันดา ฉันสามารถหาเงินมารักษาอันดาด้วยตัวเองได้ ตอนกลางคืนฉันกับอันดาแอบหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เจอกับกลุ่มชายขี้เมา พวกเขาจะจับฉันไป อันดาซ่อนฉันไว้ เขาคิดจะล่อคนกลุ่มนั้นออกไป ถึงได้พุ่งออกไป…”
หญิงสาวพูดช้าๆ มือกอดกล่องในอ้อมแขนแน่น เธอไม่กลัวเขาแล้ว เขาเป็นคนดี ซื้อเสื้อผ้าให้เธอ
ออกัสฟังเงียบๆ พยักหน้าเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณว่ากำลังฟังอยู่
หญิงสาวเร่งฝีเท้ายืนข้างเขา “อันดาจะฟื้นใช่ไหมคะ?”
“อืม…” ริมฝีปากบางของเขาส่งเสียงออกมา “เขารู้ว่าเธอรอเขาอยู่ เขาจะฟื้นขึ้นมา…”
มุมปากของหญิงสาวคลี่ยิ้มขึ้น เธอก็คิดเช่นกัน อันดาตัดใจปล่อยให้เธอเศร้าไม่ลงหรอก เขาจะฟื้น
ขณะที่พวกเขาเดินไปถึงบันได ก็บังเอิญเจอเชอร์รีนกับนาโนเข้าจังๆ ทั้งคู่เห็นได้ชัดว่าก็มาที่นี่เพื่อซื้อเสื้อผ้าเช่นกัน
ไม่ได้เจอมาหนึ่งวัน แต่กลับเหมือนผ่านไปแสนนาน เธอรู้ว่าตัวเองไม่ควรเจอเขา แต่ก็ยังห้ามความอยากเจอเขาไม่ได้
ความจริงรอบๆตัวนอกจากเธอแล้ว ยังมีผู้คนมากมายกำลังมองมาที่เขา ชุดสูทสีดำ คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวง่ายๆ เนกไทสีน้ำเงินเข้ม ดูสง่างามและสูงศักดิ์ เป็นจุดเด่นที่รวมสายตาผู้หญิงมาโดยตลอด
เขามองก็เห็นเธอ แต่สายตาของกลับกวาดมองเรียบๆ อย่างเย่อหยิ่งและเหินห่างราวกับคนแปลกหน้า
ในใจเหมือนมีความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันอย่างบรรยายไม่ถูก แต่ที่มีมากที่สุดกลับคือความเจ็บปวด สุดท้ายก็กลายเป็นคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าที่เดินสวนกัน
หญิงสาววิ่งตามอย่างเร่งรีบ เธอข้อเท้าพลิกอย่างไม่ทันระวัง เมื่อได้ยินเสียง ออกัสก็หันกลับมาแล้วอุ้มหญิงสาวด้วยแขนแกร่ง “เจ็บไหม?”
แก้มของหญิงสาวแดงก่ำ นัยน์ตาเป็นประกาย ส่ายหัวหน้า “ไม่เจ็บ”
ได้ยินดังนั้น ร่างสูงจึงย่อตัวลงปล่อยให้หญิงสาวค่อยๆยืนบนพื้น ยืนบนบันไดเลื่อนแล้วเคลื่อนตัวลง
ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งสองคนไม่แม้แต่จะทักทาย เชอร์รีนวางมือบนหน้าอกของเธอ มองเขาและหญิงสาวคนนั้นอยู่อย่างนั้น จากนั้นก็กัดริมฝีปากแน่นเดินขึ้นไป…
จนกระทั่งร่างนั้นหายไป นาโนถึงปากที่เปิดอ้าค้างด้วยความประหลาดใจถึงหุบลง เธอกระแทกไหล่เชอร์รีนเบาๆ “พวกเธอเป็นอะไรไป?”
ขอบตาเชอร์รีนร้อนผ่าว เธอได้สัมผัสลิ้มลองความหมายของประโยคนั้นไปเต็มๆ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง!
เธอเป็นคนผลักเขาออกไปทีละนิดๆด้วยมือของเธอเอง ตอนนี้เรื่องนั้นกลับกลายเป็นฉากในวันนี้ ต่อให้เธอหายใจด้วยดาบคมๆ เธอก็ต้องกล้ำกลืนกินเนื้อและเลือดของเธอลงไป
เชอร์รีนนั่งลงบนเก้าอี้ยาวในห้างสรรพสินค้าเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นาโนฟัง
“เชอร์รีน ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรมากมาโดยตลอด แต่วันนี้ฉันอยากจะพูดอะไรหน่อย ออกัสทำกับเธอนั่นไม่มีอะไรจะพูด ถ้าหากเสียเขาไปจริงๆ เกรงว่าเธอจะไม่มีวันพบเจอใครที่จะดีกับเธอได้เหมือนเขาเป็นคนที่สองแล้ว… ”
เธอก้มหน้าด้วยความขมขื่นในหัวใจ ดวงตาเลื่อนไปรอบๆ มือจับที่หน้าอก หอบเล็กน้อย
“ไม่พูดถึงรูปร่างหน้าตาและภูมิหลังทางครอบครัวของเขาในตอนนี้ แค่อาศัยความรักที่เขามีต่อเธอ ความเอาใจใส่ที่มีต่อเธอ เธอคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนอีกที่ทำได้?” นาโนพูดอย่างจริงจัง สีหน้าเคร่งขรึม จริงจังอย่างน้อยครั้งที่จะได้เห็น
เชอร์รีนกัดหลอดพลาสติกแล้วคายคำสองคำออกมาเบาๆ “พ่อของฉัน”
ป้าบ! นาโนตีหลังเธออย่างแรง “ไฟลนถึงก้นแล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่คิดอะไรมากอีก! เธอต้องบอกฉันมาว่ากำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ ถ้าเธอไม่เอาออกัส ผู้หญิงทุกคนในเมืองSต่างไขว่คว้าแย่งชิงเอาได้!”
“ฉันต้องการเขา แต่ฉันครอบครองเขาไม่ได้” ประโยคง่ายๆที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความเจ็บปวด ทำอะไรไม่ได้
นาโนจิบเครื่องดื่ม “ฉันรู้แค่ว่าต้องการหรือไม่ต้องการ ส่วนไม่สามารถต้องการได้ ฉันไม่เห็นด้วย”
“ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจของแม่ฉันก็ต่างไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ฉันไม่สามารถกระตุ้นเธอได้อีกแล้ว เธอเข้าใจไหม?”
“เธอก็เป็นคุณครูที่ฉลาดมาตลอด แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงได้โง่ ใครใช้ให้เธอไปกระตุ้นแม่ล่ะ เธอต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แม่ประนีประนอม แล้วรับปากพวกเธอ แล้วอีกอย่างเธอยังมีซาราง เธอคิดว่าผู้ชายคนไหนจะเอาเธอ!”
ซาราง…
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงซาราง เชอร์รีนดูเหมือนจะคิดถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาของเธอเป็นประกาย เลือดจากร่างกายพุ่งไปที่หัว ความเจ็บปวดที่กระจายอยู่ในใจก็ค่อยๆหายไป