ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 31 วิธีการลงโทษที่พิเศษมาก
“ครูญาณิน…” ออกัสเก็บโทรศัพท์ทันที พลันพูดกล่าวทักทายเล็กน้อย
“ประธานออกัส” นลินลุกพรวดทันที ใบหน้าแดงระเรื่อ กดดันเล็กน้อย
“เชอร์รีนล่ะ?”
นลินตกตะลึง แค่รู้สึกตกใจเท่านั้นเอง ทำไมประธานออกัสถึงได้เรียกเชอร์รีนซะสนิทสนมขนาดนี้เลย?
“ไปซื้อกาแฟค่ะ…” หลังจากผ่านไปสักพัก เธอต้านทานกับความสงสัยอันหนักหน่วงที่อัดแน่นอยู่ในใจไม่ไหว ในที่สุดก็ออกปากถาม “เหมือนประธานออกัสจะสนิทกับเชอร์รีนมากเลยนะคะ?”
“สนิทกันมากจริง ๆ …” เขาเลิกคิ้วขึ้น พลางอ้าริมฝีปากบางๆ และพูดต่อ “เราแต่งงานกันแล้ว…”
นลินหน้าถอดสีไปทันที หัวใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทงไปทั่ว จนเลือดกระอักออกมา หายใจติดขัด
จากนั้น พลันฉุกคิดได้ว่าเมื่อครู่เชอร์รีนพูดประโยคบอกว่าไม่ได้สนิทกันออกมา จนเธอกำหมัดแน่น พร้อมทั้งใช้เล็บจิกลงอุ้งมือ จนเป็นรอยให้เห็น
เธอ จงใจอยากเห็นมุมตลกของเธอเหรอ? เวลานั้นเอง เชอร์รีนที่ถือกาแฟสองแก้วก็เดินเข้ามาหา เมื่อเห็นออกัส เธอถึงกลับตกใจหนักมาก จนตะลึงพรึงเพริด “คุณมาได้อย่างไรคะ?”
จากนั้น เธอลองกวาดตามองนลินด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับออกัส หรือว่าเธอจะรู้เรื่องนี้แล้ว?
นลินก็รับรู้ถึงสายตาที่เชอร์รีนมองมา จนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดแถมเหมือนมีความรู้สึกปลายแหลมคมกดทับลงมา พลันกระดกมุมปาก “เชอร์รีน ทำไมแกแต่งงานแล้วไม่บอกฉันสักคำ นี่ยังรออยู่ว่าจะได้ไปกินขนมงานแต่งอยู่นะ…”
ที่แท้เธอก็รู้เรื่องแล้ว ออกัสคงบอกกับเธอแล้ว…
แต่ เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แถมยังพูดติดตลกอีก เชอร์รีนจึงวางใจได้
เธอดึงมือนลินเอาไว้ พร้อมทั้งขอโทษด้วยท่าทีจริงจัง “ขอโทษด้วยนะ เรื่องนี้ฉันก็ไม่อยากจะปิดบัง ฉันเองก็มีเรื่องทุกข์ใจ”
เรื่องทุกข์ใจงั้นเหรอ?
การที่ได้แต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ เธอกลับพูดว่าเป็นเรื่องทุกข์ใจ นี่จงใจเยาะเย้ยเธออยู่ใช่ไหมเนี่ย?
นลินได้แต่แสยะยิ้มหัวเราะเยาะอยู่ในใจ แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า อย่างอ่อนโยนมาก
“เด็กโง่ เรื่องนี้มันมีอะไรที่ต้องขอโทษด้วย ขอแสดงความยินดีด้วย ประธานออกัสมาหาแกต้องมาธุระแน่ รีบไปเถอะ”
เชอร์รีนยิ้มให้ และหันตัวกลับ และหันไปมองออกัส แต่เห็นหัวคิ้วอันเกียจคร้าน ริมฝีปากบางพลันคลี่ออก พร้อมทั้งเหลือบมองเธออย่างสงบเสงี่ยม พลันบังคับถาม “สำหรับเรื่องความทุกข์ใจของคุณหญิงเชอร์รีนนั้น ผมเองก็แปลกใจไปด้วย ไหนลองพูดให้ฟังหน่อยสิ คุณหญิงเชอร์รีน……” ”
“……”
นี่เขาจงใจทำ! เธอถึงกลับเซง จนกัดฟันจ้องเขาตาเขม็ง!
“หัสดินกับยู่ยี่กลับมาจากฮันนีมูลกันแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปกินข้าวด้วยกันนะ…”
ออกัสไม่อยากแกล้งเธอต่อแล้ว พลันขยับริมฝีปาก และใช้สายตากวาดตามองมายังนลิน และใช้น้ำเสียงพูด อย่างสุภาพอ่อนน้อม “ครูญาณินก็ไปด้วยกันนะ…”
นลินเม้มริมฝีปาก จนเกิดความสงสัยอยู่บ้าง “เหมือนจะไม่ค่อยสะดวกไหมคะ?”
“แค่กินข้าวด้วยกัน มีอะไรที่ไม่สะดวกเหรอ ไปด้วยกันเถอะ…” เชอร์รีนยื่นมือออกไปจับนลิน เพื่อพาตัวเธอเดินไปทางรถยนต์
สถานที่นัดทานอาหารนั้นคือผับโซ่สวาท
ภายในห้องเพรสซิเดนท์สวีท หัสดินกับยู่ยี่นั่งลงบนโซฟา ส่วนดนัยกับนาโนกำลังเล่นสนุ๊กกันอยู่
นาโนใส่รองเท้าส้นสูง 10 เซนติเมตรเห็นจะได้ แถมใส่ชุด Bag hip dress
“นาโนคุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คุณเหมือนอะไร พวกทะเยอทะยานไม่รู้พอสักที?!” ยู่ยี่บ่นคาดโทษ
“ฉันว่านายคงเพลิดเพลินจนธาตุไฟแตกไปแล้วมั้ง? น่าตลกชะมัด ผู้ชายที่เอ็นดูคนอย่างฉันเข้าแถวยาวเหยียดเป็นหางว่าว ฉันขาดผู้ชายหรือยังไง?”
นาโนหัวเราะเยาะอย่างดูถูกดูแคลน
ดนัยเลิกคิ้วขึ้น ราวกับสนใจกับบางสิ่งเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นภาพตามนั้น นาโนถึงกลับแสยะยิ้มทันที พลันส่งเสียงพึมพำ “กล้าเอากู กูจะควักลูกตามึงออก!”
จังหวะนั้นเอง ออกัสสาวเท้าขายาวๆ ก้าวเข้ามา และมีเชอร์รีน กับนลิน เดินตามหลังมาเป็นลำดับ
“กำลังพูดถึงก็มาพอดี ไปแอบทำลับๆ ล่อๆ ลับหลังพวกเรา สุดยอดจริงๆ ดูอย่างคุณครูเชอร์รีนภายนอกดูใสซื่อ แต่เบื้องหลัง…ฮิ ๆ” นาโนจ้องตาเชอร์รีนเอาไว้
เธอไม่กล้าทำอะไรกับคุณชายใหญ่ออกัส แต่ สามารถลงมือกับคุณครูเชอร์รีนได้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เชอร์รีนถึงกลับหวาดหวั่นจนขนหัวลุก “นาโน แกควรพอได้แล้ว!”
“ควรหยุดพอได้แล้วมันหมายความว่ายังไง? ฉันไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ได้ไปร่วมงานแต่ง แถมยังไม่ได้กินขนมงานแต่ง ยังไงแกก็ต้องชดเชยอะไรให้ฉันบ้างนะ คุณครูเชอร์รีน งั้นแกก็ต้องจูบคุณชายออกัสไปสักสองนาที เอ้า เริ่มได้!”
จนเธอรู้สึกปวดใจ “อย่าหาเรื่อง!”
“หาเรื่อง? แกคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม?” นาโนเลิกคิ้วขึ้น “ในฐานะเป็นเพื่อนที่สนิทกับแกที่สุด แต่กลับรู้เป็นคนสุดท้ายเรื่องที่แกแต่งงาน แกไม่คิดว่ามันมากเกินไปไหม?”
“…” เชอร์รีนไม่ได้พูดอะไร ส่วนในใจนั้นก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปเล็กน้อยจริงๆ ด้วย
ยู่ยี่แสดงท่าทางออกมาเช่นนี้ “ฉันเองก็รู้สึกมากเกินไปจริง ดังนั้นฉันเห็นด้วยกับการถูกลงโทษ”
เมื่อสิ้นเสียง เธอก็กระแทกหัสดินที่อยู่ด้านข้างเบาๆ คู่สามีคู่นั้นดูลักษณะเมียดุคอยคุมแจอยู่ตลอด พลันพยักหน้าทันที “ลงโทษ!”
ดนัย ชูมือทั้งสองข้างขึ้น “เห็นด้วย”
“ดีมาก ชนะด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ สี่ต่อสอง” นาโนดีดนิ้วหมายถึง Deal สำเร็จ พลันคลี่ยิ้ม และมองไปทางออกัส “ประธานออกัสวิธีการลงโทษแบบนี้มันไม่มากเกินไปเหรอ?”
ออกัสยิ้มให้เล็กน้อย พลันเผยอริมฝีปาก “ไม่มากเกิน…”
“ที่แท้ก็ทำให้ประธานออกัสมีความสุขนี่เอง แต่การจูบแลกลิ้นกันมันดูธรรมดาไปหน่อย ฉะนั้นเวลาแลกจูบกันนั้น ให้ประธานออกัสเอาไวน์แก้วนี้ป้อนให้เชอร์รีนกินด้วย…”
เธอเขย่าแก้วไวน์แดงที่อยู่ในมืออย่างสบายๆ และตั้งเวลาโทรศัพท์ เละยังพูดเสริมซ้ำอีกครั้ง
“เริ่ม อย่าเสียเวลาให้มากความ ตอนจูบกันต้องให้เวลามากๆ หน่อย!”
ริมฝีปากบางกระตุกขึ้น ออกัสรับแก้วไวน์แดงมา และยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าเชอร์รีนจากนั้นก็ย่อตัวลง
เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาย่อลงมากับตา หัวใจของเชอร์รีนพลันเต้นอย่างบ้าคลั่ง และรีบยื่นมือออกไปประกบริมฝีปากบางของเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาเขยิบเข้ามาใกล้ได้อีก พลางกระซิบเรียก “ออกัส!”
ดังนั้น เขาก้มศีรษะลงและเขยิบเข้ามา เอาริมฝีปากที่มีเหล้าไวน์แดงติดปาก ประกบทับลงบนริมฝีปากของเธอทันที
บรรดาเพื่อนที่อยู่รอบๆ ต่างจ้องมองกันเป็นตาเดียว นาโนถึงกลับเป่าปาก ส่วนดนัยเลิกคิ้วขึ้นทันที แต่ยู่ยี่กับหัสดินกำลังถกเถียงกันอยู่ ว่าวิธีการจูบแบบนี้มันไม่เลวทีเดียว
มีแค่นลินอยู่คนเดียว ที่มือทั้งสองกำหมัดไว้แน่น และจ้องมองเชอร์รีน อย่างหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
จู่ ๆ ก็อื้ออึงสักพัก เลือดที่อยู่ในตัวต่างพุ่งปรี๊ดขึ้นหัว เบนศีรษะ เพื่อต้องการหลบ
ทว่าแรงฝ่ามือใหญ่ของเขากลับจับท้ายทอยของเธอเอาไว้แน่นแต่เบามือ และจ้องมองเธออย่างถลำลึก กลิ่นอายความเร้าร้อนแผ่ลงบนริมฝีปากที่กำลังสั่นของเธอ “หลับตา…”
เธอเห็นเงาร่างกายของตนเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน ข้างหูกลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำ ราวกับถูกมนต์สะกด
จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง ดวงใจลอยละลิ่วเต้นโครมคราม
เวลานั้นเอง สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ก็คือกลิ่นอายหอมอ่อนๆ ของชายหนุ่ม นอกจากนั้นแล้ว ลมหายใจในโพรงปากนั้น มีกลิ่นไวน์แดงอันกลมกล่อม
จนสุดท้าย ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยเธอ และหลุดปากพูดออกมาหนึ่งคำ “พอแล้ว”
นาโนกลับไม่ยอมปล่อยคนสองคนไป “เพิ่งจะหนึ่งนาทีสามสิบวิเอง ยังเหลือสามสิบวิ จูบต่อเลย!”
ออกัสเลิกคิ้วขึ้น และจ้องใบหน้าที่แดงเหมือนกุ้งสะดุ้งน้ำ และใช้น้ำเสียงกระซิบพูดอย่างอ่อนโยน “เธอเป็นพวกขี้อาย ตอนนี้แก้มใกล้จะสุกแล้วมั้ง…”
ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนที่ก้มหน้าอยู่ถึงกลับตะลึงเล็กน้อย ทว่ากลับมีระลอกคลื่นถาโถมอยู่ในหัวใจ