ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 313 ผมจะรับทุกอย่างเอง
กนกอรอุ้มซารางขึ้นมา เด็กคนนี้ช่างเป็นที่รักของเธอจริงๆ คิดไม่ผิดเลยที่รักขนาดนี้
ออกัสกับเชอร์รีนสบตากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา สุดท้ายค่าขนมก็ถูกเก็บกลับมา และออกัสเป็นคนเซ็นลงในบิลแทน
“คุณยาย เงินของหนูไม่พอ ไม่ได้มีเงินเยอะเท่าหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ หนูจะซื้อเค้กให้ เค้กใหญ่ๆ ดีไหมคะ”
“ดีจ้ะ”
สุนันท์ที่แอบยืนอยู่ข้างหลังทุกคนได้ยินคำพูดเหล่านั้นจนหมด ก่อนจะแอบสะกดรอยตามอย่างระมัดระวัง
ร้านวิลาดีเป็นร้านอาหารชื่อดังในเมืองs มีชื่อเสียงในด้านความหรูหรา สภาพแวดล้อมเงียบสงบ และยังมีวิวสวนน้ำชื่อดัง คนมากินข้าวที่นี่เยอะมาก
ห้องส่วนตัวได้ถูกจองไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้านนอกห้องเป็นทุ่งดอกไม้ และที่ใกล้ออกไปอีกก็เป็นต้นไม้ที่ตอนนี้ได้ผลัดใบเป็นสีเหลืองแล้ว สวยงามมาก
“สั่งอาหารไหมครับ” เสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้น
เป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยมาก เชอร์รีนหันไปมอง เมื่อเห็นดลธีก็มองด้วยความประหลาด “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”
“พวกเธอเองหรอ” ดลธียิ้มออกมาบางๆ “ฉันมาเป็นอาสาสมัคร ต้องมาทุกเดือน วันนี้กินฟรี เธอกับคุณป้ากินได้เลย”
“จะได้ได้ยังไงกัน พวกเราต้องจ่ายเงินตามบิล” เชอร์รีนยืนกรานไม่ยอม
“นี่เป็นร้านอาหารของแม่ฉัน เธอกินไปให้เยอะๆเลย ฉันมาทำงานอาสานี้ก็เพื่อขายตัวเอง แม่ฉันบอกว่าฉันเป็นตัวเรียกแขก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเชอร์รีนกับกนกอรก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ ฉันว่าคุณป้าต้องใช้ใบหน้าคล้ายฮยอนบินของนายเรียกแขกผู้หญิงแน่เลยใช่ไหม”
“ถูกต้อง บวกคะแนน”
ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนิทสนม ออกัสมองไปที่ดลธีอย่างมีความหมาย ก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มเธอยังไม่ให้เธอได้ทันรู้ตัว จากนั้นก็ปัดผมบนใบหน้าของเธอและพูดโกหกหน้าตาย “มีอะไรติดอยู่ตรงนี้”
เขาไม่ลืมว่าตอนนั้นเด็กคนนี้เป็นคนไปส่งเธอที่ชั้นล่างของโรงพยาบาลด้วยความสนิทสนม ด้วยเจตนาร้าย!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ แถมยังทำต่อหน้าแม่และคนนอก เชอร์รีนกัดฟัน สีหน้าเริ่มแดงด้วยความโกรธ
กนกอรย่อมมองเห็นเช่นกัน เธอไม่มีอะไรจะพูด เธอได้แต่คิดว่า การตัดสินใจในครั้งนี้อาจจะถูกก็ได้
ไอ้หยา ขี้หึงไม่เบา….
ดลธียิ้มจนดวงตาลูกพีชหรี่ลงตาม เขาหันสายตาไปมองออกัส “ท่านประธานออกัส อันนาถูกใจผมมาก ผมขอจีบได้ไหม”
เชอร์รีนตาเบิกกว้าง กระพริบตาปริบๆ ออกัสหยิบกาน้ำชาขึ้นมาชงชาให้กนกอร ก่อนจะชงให้เชอร์รีน แล้วตอบเสียงเรียบว่า “ถามเจ้าตัวดูสิ…”
“เธอบอกว่าคุณเป็นพี่ชายของเธอ ให้ถามความเห็นคุณดู” ดลธียิ้ม “ในเมื่อประธานออกัสพูดแบบนี้ก็แปลว่าไม่ได้ขัดใช่ไหมครับ”
“อืม…” ออกัสตอบเสียงเบาอย่างเกียจคร้าน เขาไม่ได้สนใจดลธี ขอแค่เป้าหมายของเขาไม่ใช่เชอร์รีนก็พอ
เมื่อดลธีออกไปแล้ว กนกอรก็พูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากไปส่งวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น” เชอร์รีนยักไหล่ เธอไม่คิดว่าทั้งสองคนจะถูกตาต้องใจกัน ที่จริงก็ถือว่าไม่เลว ทั้งคู่เหมาะสมกันมาก
อาหารมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว อาหารแต่ละอย่างมีเอกลักษณ์มาก เหมือนงานศิลปะ รสชาติก็ไม่มีที่ติ เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วก็มีของหวาน ผลไม้สด และการบริการที่เอาใจใส่มาก
เค้กก้อนใหญ่ที่ซารางซื้อถูกผลักเข้ามา เทียนดับลง แต่เธอก็ยังไม่หยุดที่จะร้องเพลงวันเกิด แถมยังบังคับให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ร้องด้วย!
คิ้วหล่อเหลาของออกัสอดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย “ซารางอย่าดื้อ…”
“แด๊ดดี้จะบอกว่าไม่ร้องหรอคะ” สาวน้อยไม่ใช่คนที่จะถูกเกลี้ยกล่อมได้ง่ายๆ
ออกัสมองไปที่ผู้หญิงข้างกายเพื่อขอความช่วยเหลือ เชอร์รีนก็มองเขาเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความหงุดหงิด “คุณไม่ได้ยินรึไงว่าฉันก็โดน ใครๆก็หนีไม่พ้นทั้งนั้นแหละ”
“ผมเสียงเพี้ยน…”
“นี่ไม่ใช่งานแข่งร้องเพลง” เชอร์รีนไม่คิดจะช่วยเขา แต่กลับค้อนใส่เขาแทน
ในที่สุดก็ไม่สามารถขัดสองแม่ลูกได้ ทั้งสามคนยืนอยู่ข้างหน้าต่างร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด ซารางร้องเสียงดังที่สุด เมื่อไม่ได้ยินเสียงร้องของแด๊ดดี้ คิ้วเล็กก็คิ้วขมวด ก่อนจะดึงกางเกงของเขา เมื่อออกัสทำอะไรไม่ได้จึงต้องร้องเสียงดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าซารางกับเชอร์รีนทำให้ออกัสลำบากใจมาก กนกอรก็เริ่มสบายใจขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
ในเมื่อพ่อของเชอร์รีนตายแล้ว คนตายก็ไปดีแล้ว คนที่มีชีวิตอยู่สิถึงจะสำคัญที่สุด เธอไม่สามารถแยกทั้งสามคนด้วยความใจร้ายได้อีก
เค้กถูกตัดออกเป็นหลายก้อน ซารางกินมันยังมีความสุขที่สุด ปากเล็กมันแผล็บ สตรอเบอร์รี่บนเค้กถูกเธอกินไปจนหมด
กนกอรแอบคิด วันเกิดครั้งนี้ก็ผ่านไปอย่างมีความสุขเหมือนกัน เธอสุขกายสบายใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เสียใจก็คือเขาได้จากไปแล้ว
ดลธีได้ส่งของหวานเข้ามาอีกไม่น้อย ก่อนที่จะส่งของขวัญเข้ามาเป็นอย่างสุดท้าย เชอร์รีนมองสีหน้าของแม่ตัวเอง ก็รู้ดีว่าเธอพอใจมาก
ผ่านไปพักใหญ่ทุกคนก็ออกไปจากร้านอาหาร และไปเดินเล่นริมทะเลสาบ แสงจันทร์สีเงินสาดลงมาที่ทะเลสาบอย่างสวยงาม
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงถึงจะนั่งรถกลับบ้าน รถหยุดลงที่ชั้นล่าง ก่อนที่กนกอรจะลงมาและอุ้มซารางขึ้นไปชั้นบนก่อน
“วันนี้ขอบคุณคุณมาก” เชอร์รีนพูดขอบคุณอย่างจริงใจ
“ผมไม่ได้อยากฟังคำพูด ผมต้องการการกระทำ…” เขาพูดอย่างมีความหมาย จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก เขาต้องการริมฝีปากสีแดงราวกับลูกเชอร์รี่ของเธอ
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น สุนันท์ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังทั้งสองคน สีหน้าของเธอแย่มาก เธอมองเชอร์รีนด้วยความเกลียดชัง
ออกัสรู้ตัวแล้วจึงหันไปมอง สุนันท์โกรธมาก ยกมือขึ้นชี้เชอร์รีนพร้อมด่า “นังผู้หญิงหน้าไม่อาย ตอนนั้นใครกันนะที่สาบานว่าให้ตายยังไงก็จะไม่ยุ่งกับตระกูลศิริไพบูรณ์ของเราอีก นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน เธอก็ไร้ยางอายซะแล้ว!”
เชอร์รีนไม่พูดอะไรออกมา เป็นออกัสที่พูดอย่างเย็นชา “พอแล้ว!”
“พอแล้วอะไร ฉันยังพูดไม่จบ ยังพูดไม่จบแม้แต่ประโยคเดียว เธอทำให้พ่อของแกต้องเข้าคุก แถมยังทำให้ตระกูลศิริไพบูรณ์ของเราถูกคนนินทาไปทั่วเมืองs ส่วนแกล่ะ รู้จักผิดชอบชั่วดีไหม ทำไมยังมาอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้ แล้วยังจัดงานวันเกิดให้ยัยคนนั้นอีก แกเป็นลูกฉันจริงหรือเปล่า”
สุนันท์โกรธจนไม่อาจเย็นลงได้ หลายวันก่อนยังเห็นข่าวบนทีวี บอกว่าเขาคบกับเด็กสาวคนหนึ่ง เธอดีใจมาก
เขาคบกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ห้ามคบกับนังผู้หญิงสารเลวคนนี้ เธอไม่อนุญาต!
หลายวันก่อนตอนอ่านข่าว เธอยังรู้สึกสบายใจมาก คิดว่าเขาคงตาสว่างแล้ว เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่ไม่ทันไรทั้งสองคนก็กลับมาคบกันอีก!
“ฉันบอกแล้วว่าทุกอย่างมีเหตุมีผล ผลที่เขาต้องเข้าคุก ก็มาจากความชั่วร้ายที่เขาเป็นคนกระทำทั้งสิ้น” เชอร์รีนตอบอย่างเย็นชา
สุนันท์พูดกับเชอร์รีน “หน้าด้าน! แกไม่กลัวฟ้าผ่าตายรึไง แกรีบ รีบไปจากลูกชายฉันเดี๋ยวนี้!”
เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ยกนิ้วไม่ให้เธอส่งเสียง พร้อมยกริมฝีปากของตัวเองพูดทีละคำว่า “ไม่ใช่ว่าเธอจะไปหรือไม่ไปจากผม แต่เป็นผมว่าจะไปหรือไม่ไปจากเธอ ผมไม่มีเธอไม่ได้ ผมเป็นคนบังคับให้เธออยู่ข้างกายผม ถ้าจะให้ฟ้าผ่า ผมก็จะไม่คัดค้าน ผมจะเป็นคนรับทุกอย่างเอง”