ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 317 คุณอยากตายอยู่ที่นี่หรอ
ครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้ว ไม่ว่าออกัสหรือว่าเธอ วิธีเดียวกันจะใช้ได้ผลในครั้งแรกเท่านั้น และจะไม่ได้ผลในครั้งต่อไป
ถ้าอยากให้ชีวิตต่อจากนี้มีความสุข เธอก็ต้องลงทุนหนึ่งครั้ง เพื่ออนาคตที่สดใส นอกจากวิธีในตอนนี้แล้ว เธอก็คิดวิธีอื่นไม่ได้แล้ว….
เธอหยิบเสื้อคุมขึ้นมา ก่อนที่เชอร์รีนจะนึกได้ว่าเธอลืมอะไรบางอย่าง จึงกลับไปเอาในห้องอีกครั้ง
สุนันท์ยกรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา ราวกับผู้หญิงมีพิษสงร้ายแรง จนทำให้คนรู้สึกกลัว
เธอเปิดไฟแช็ก เปลวไฟสีน้ำเงินส่องสว่าง ดูแล้วมีความรู้สึกแปลกๆบางอย่าง สีน้ำเงินส่องปะทุขึ้นเรื่อยๆไม่ดับ….
เชอร์รีนยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เมื่อเห็นว่าเตียงยับ เธอจึงจัดผ้าปูที่นอนอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันได้ยืนขึ้น ก็ได้ยินเสียงแหลมดังขึ้นมา
ในห้องนั่งเล่นมีเพียงสุนันท์ นอกจากเธอแล้วใครจะกรีดร้องได้อีก
แต่การที่สุนันท์จะกรีดร้องขึ้นมาเฉยๆ เชอร์รีนก็ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วง
เธอลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เธอก็ตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้น
เปลวไฟสีแดงลุกไหม้อย่างรุนแรง หน้าต่าง ผ้าม่านต่างโดนเผาทั้งหมด ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน
สุนันท์เดินถอยหลัง ใบหน้าซีดไร้สีเลือด ร่างของเธอสั่นไม่หยุด เธอก็คิดไม่ถึงว่าเปลวไฟจะแรงขนาดนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
เมื่อเห็นเชอร์รีน เธอก็ส่งความกลัวและความขุ่นเคืองทั้งหมดไปใส่เชอร์รีน และภายในความมืดก็ยังไม่ลืมที่จะบันทึกเสียง “เพราะแกคนเดียว! เป็นเพราะแก! ทำไมแกต้องทำร้ายฉันอย่างนี้ เพราะอะไร!”
“หุบปาก!” ใบหน้าของเชอร์รีนซีดขาว สายตามองไปที่ประตู แต่ไฟนั้นรุนแรงเกินไป คิดว่าจะออกไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
“แกต้องการทำร้ายฉัน แกจะฆ่าฉัน แกมันใจดำ ใจดำยิ่งกว่าผู้หญิงอสรพิษ!” สุนันท์ไม่สนใจเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้า ยังคงด่าเชอร์รีนต่อเนื่อง
“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” เธออดไม่ได้เช่นกันที่จะตะคอกใส่สุนันท์
เดี๋ยวไฟลุกไหม้เร็วมาก แถมยังมีควันโขมง จนทำให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
ท่านใดนั้นไฟก็พุ่งมาทางเธอยังรวดเร็ว แก้มของเธอร้อนด้วยเปลวไฟ นั่นทำให้เธอรู้ทันทีว่าไม่สามารถปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป จะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องตายสถานเดียว!
เธอรีบวิ่งไปในห้องน้ำที่ยังไม่ไหม้ ดึงผ้าเช็ดตัวออก ชุดผ้าเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น และปิดจมูกกับปากของเธอ
สุนันท์ยังคงกรีดร้องเสียงแหลม ไฟลุกไหม้เร็วเกินไป แถมตอนนี้เธอยังลื่นล้มลงบนพื้น ทำให้ไฟอยู่ใกล้เธอมาก แม้แต่รองเท้าก็โดนเผา
เธอตกใจกลัวมาก สีเลือดบนใบหน้าของเธอหายไป เหลือแต่ความซีดขาว ร่างกายสั่นไม่หยุด ก่อนจะรีบถอดรองเท้าทิ้ง
ตอนนี้เธอเหมือนอยู่ในทะเลเพลิง มีไฟอยู่รอบตัว เธอไม่สามารถลืมตาได้เนื่องจากควันที่หนาทึบ แถมตอนนี้เธอยังไอไม่หยุด
เธออายุมากแล้ว แข้งขาไม่ค่อยดี เมื่อเปลวไฟตกลงบนเสื้อของเธอ เธอกรีดร้องลงนอนบนพื้นแล้วกลิ้งเพื่อดับไฟ
เมื่อเชอร์รีนออกมาจากห้อง เธอก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี สุนันท์เหมือนคนบ้าไม่มีผิด กรีดร้องเสียงแหลมไม่หยุด เสื้อก็มีน้ำมันติดอยู่ และกำลังถูกับพื้น
เธอยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ เธอไม่มีทางลืมวันนั้นบนระเบียง ถ้าวันนั้นไม่ใช่เพราะสุนันท์ พ่อของเธอก็จะไม่มีทางตกลงไป!
เธอไม่ใช่คนดี!
ขอแค่เธอหนีออกไป สุนันท์จะเป็นจะตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ
เธอมองด้วยความเย็นชาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ตอนนี้สุนันท์กลัวแล้ว หวาดกลัวไปทั้งหัวใจ ไฟลุกไหม้อยู่รอบตัวเธอ ประกายไฟที่อยู่บนเสื้อก็เหมือนจะเผาเธอให้ตาย
ภายในห้อง เชอร์รีนคว้าผ้าปูที่นอนและผูกปมที่หน้าต่างยังรวดเร็ว นี่เป็นชั้นสาม กระโดดลงไปก็ยังมีความหวัง!
ผ้าปูที่นอนสั้นเกินไป ดังนั้นเธอจึงหาผ้าปูที่นอนอีกสองอันในตู้เสื้อผ้า เอามาผูกเข้าด้วยกันเป็นเงื่อนตาย จากนั้นก็โยนลงไปจากหน้าต่าง
“กรี๊ดๆๆๆ!” สุนันท์เหมือนเป็นบ้าไปแล้ว เธอกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “ฉันจะตายแล้ว! ฉันจะตายแล้ว! จะตายแล้วจริงๆ! ออกัส เลอแปง! แม่กลัว!”
เหงื่อปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอ และไหลลงมาราวกับกระแสน้ำ เชอร์รีนใจเต้นแรงไม่หยุด
เสียงของสุนันท์ราวกับมีมนต์สะกด มันกระทบหูเธอทุกครั้ง เธอไม่อยากฟัง ไม่คิดจะฟัง แต่ก็เข้ามาในหูเธอไม่หยุด
“ออกัส เลอแปง แม่กลัว…” เธอร้องไห้ รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตของตัวเอง
เสียงร้องไห้และตะโกนของเธอกำลังทรมานเชอร์รีน เธอเดินออกไปจากห้อง ก่อนจะเห็นสุนันท์กลิ้งร้องไห้อยู่บนพื้น ไฟอยู่ห่างจากเธอไม่ไกล ความตายอยู่ใกล้เธอเพียงแค่คืบ
เชอร์รีนไม่เคยเห็นใครดิ้นรนก่อนตายอยู่ตรงหน้าแบบนี้มาก่อน สุนันท์เป็นคนแรกที่เธอเห็นว่าดิ้นรน ทรมาน และกำลังจะตาย….
มือที่อยู่ข้างกายของเธอสั่นเล็กน้อย เธอกัดฟันแน่น อยากจะเข้าไปช่วย แต่คนนั้นคือสุนันท์!
ถ้าไม่ใช่สุนันท์ เธอจะเข้าไปช่วยในทันที แต่…
เธอไม่สามารถก้าวผ่านสิ่งที่อยู่ในใจเธอได้ เหมือนมีหินถ่วงขาเธออยู่ จนเธอไม่สามารถก้าวเดินต่อไป เธอหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง
สุนันท์ที่นอนอยู่บนพื้นก็ไม่ร้องไห้หรือตะโกนอีกต่อไป เธอนอนเงียบสงบ เปลวไฟที่อยู่ตรงหน้าจะแผดเผาเธอในที่สุด เธอรู้ดี
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง แต่ก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่า คนเมื่อใกล้จะตายก็มักจะอยู่ในความว่างเปล่าแบบนี้ ความชา ความกลัว ถึงจะไม่อยากตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่พึ่งชะตากรรมเท่านั้น
ทันใดนั้นห้องก็เงียบสนิท ไม่มีเสียงร้องไห้ มีเพียงเสียงเต็มพื้นที่แผดเผา เสียงประกายไฟ ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าจะอยู่หรือตาย
เมื่อเชอร์รีนเดินเข้ามาในห้อง เสียงประกายไฟก็เหมือนทำลายกำแพงในหัวใจของเธอ เธอหยุดเดิน คว้ากรอบประตูแน่น หัวใจเต้นแรง เปลวไฟสีแดงตรงหน้าทำให้เธอร้อนไปทั้งหน้า
ทันใดนั้นเธอก็กัดฟัน เหมือนตัดสินใจแล้ว รีบเดินกลับเข้าไปในห้อง เทน้ำใส่กะละมัง และออกมาอีกครั้งเพื่อราดมันใส่สุนันท์
สุนันท์ตัวสั่นมองเชอร์รีน เธอเตรียมจะตายอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยเธอ
เธอไม่เกรงใจ และไม่มองสุนันท์เลย เธอก้มตัวลงดึงมือของสุนันท์ขึ้น และพาเข้ามาในห้อง ก่อนจะฉีดไปที่ผ้าที่ผูกติดกับหน้าต่างแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “กอด แล้วไถลลงไป!”
สุนันท์ปวดหลังมาก จึงส่ายหน้าให้เชอร์รีนด้วยความงุนงง
“งั้นคุณก็ตายอยู่นี่แหละ” เชอร์รีนเปร่งเสียงเยือกเย็นออกมา “ถ้าคุณตายอยู่ที่นี่ฉันก็จะดีใจมาก คุณคงอยากทำให้ฉันดีใจสินะ”
สุนันท์ยังคงไม่มีแรง เธอปวดหลัง เจ็บขา แต่ตอนนี้คำพูดที่เชอร์รีนพูดออกมาถึงมันจะไม่น่าฟัง แต่เธอก็ไม่รู้สึกโกรธเลย
“จะโดดหรือไม่โดด” เธอดูไม่อดทนอีกต่อไป จึงบีบไหล่ของสุนันท์แน่น ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บหรือไม่ จากนั้นก็ดันเธอไปที่หน้าต่าง บังคับให้เธอจับผ้าปูที่นอน และนำขาของเธอวางลงบนขานุ่มของตัวเอง จากนั้นทั้งคู่ก็ลอยอยู่ในอากาศ ไถลลงไปพร้อมกัน